Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลล์เจริญผิดปกติ, นางสาว ปิยวรรณ…
บทที่ 10 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลล์เจริญผิดปกติ
มะเร็งเม็ดเลือดขาว ALL
(Acute lymphoblastic leukemia)
ความหมาย
มะเร็งในระบบโลหิต
ชนิดที่พบบ่อยที่สุด มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute lymphoblastic leukemia)
เกิดจากความผิดปกติของ Stem cell ที่อยู่ในไขกระดูก เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ตัวแก่ (Differentiate) ทำให้การแบ่งตัวเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนมีจำนวนมาก รวดเร็ว และไม่หยุดยั้ง ในไขกระดูกและส่งผ่านไปยังกระแสเลือด ทำให้ไปเบียดบังพท.ในการสร้าง Red blood cell และ platelets ลดลง
Acute lymphoblastic
leukemia
แบ่งเป็น 2 ชนิด
T - cell lymphoblastic leukemia
B - cell lymphoblastic leukemia
จะพบ B - cell เป็นส่วนใหญ่
เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก
พบในช่วงอายุ 2-5 ปี
ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน AML
(Acute myelogenous leukemia
พบในผู้ใหญ่ > เด็ก ,ชาย > หญิง
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CLL
(Chronic lymphoblastic leukemia )
พบบ่อยในผู้ใหญ่ มีความชุกตามอายุมากกว่าขึ้น
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ALL
(Acute lymphoblastic leukemia)
พบได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบบ่อยที่สุดในเด็กอายุ 2-5 ปี
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CML (Chronic myelogenous leukemia )
เป็นชนิดที่พบน้อย พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากพบได้ในเด็กอายุ > 4 ปี
สาเหตุ
ปัจจัยทางพันธุกรรม
ครอบครัวมีสมาชิกเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ALL มีโอกาสเป็นมากกว่า 2-4 เท่าของคนปกติ
ฝาแฝดที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ALL มีโอกาสที่ฝาแฝดอีกคนจะเป็นโรคนี้ได้ 25%
เด็กที่เป็น Down's syndrome มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ALL AML
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
การมีประวัติในการได้รับยาเคมีบำบัดในการรักษามะเร็งอื่น
การสัมผัสสารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะสารเบนซิน สารฟอร์มาลดีไฮด์
การมีประวัติได้รับ lonizing radiation ปริมาณสูง
การได้รับสารเคมีที่เป็นพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่นควันบุหรี่
ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
เซลล์มะเร็งยังไปสะสมตาม ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง ทำให้อวัยวะที่ไปสะสมโต
อาการ
อาการแรก
เบื่ออาหาร
น้ำหนักลด
ซีดจากการที่เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนไปขัดขวางการสร้างเม็ดเลือดแดง
อ่อนเพลียง่าย
เลือดออกง่าย
เนื่องจากเม็ดขาวตัวอ่อนไปขัดขวางการสร้างเกร็ดเลือด ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ อาจเกิดเลือดออกตามไรฟัน จ้ำเขียว
มีไข้ ติดเชื้อง่าย เนื่องจากเม็ดเลือดขาวที่สร้างขึ้นไม่สามารถต่อสู้เชื้อโรคได้
มีก้อนตามขาหนีบ ต่อมน้ำเหลือง ขา คอ หรือมีตับ ม้ามโต เนื่องจากเม็ดเลิอดขาวไปสะสมตามอวัยวะ
การวินิจฉัย
เจาะเลือดตรวจหาเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน Blast cell
การเจาะไขกระดูก Bone marrow Transplanted เพื่อทำการยืนยัน
Neuroblastoma
เนื้องอกชนิดร้ายแรงพบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
กำเนิดจากเซลล์ของระบบประสาท สามารถเกิดได้ที่มีเนื้อเยื่อ Sympathetic nerve ได้แก่ ต่อมหมวกไต ในช่องท้อง
อาการ
ก้อนในช่องท้อง
ท้องโต ปวดท้อง
ตาโปน มีรอยช้ำ (Raccoon eyes)
ไข้
ปวดกระดูก
มีอัตราการตายสูงเนื่องจากการตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
ระบบน้ำเหลือง
ส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน
ประกอบด้วยอวัยวะ
ม้าม
ไขกระดูก
ต่อมทอลซิล
ต่อมไทมัส
หน้าที่
นำสารอาหารและ
เซลล์เม็ดเลือดขาวไปทั่วร่างกาย
ต่อมน้ำเหลืองที่คอ (Cervical Lympnode) เป็นตำแหน่งที่พบบ่อย
ชนิด
ชนิดฮอดจ์กิน
(Hodgkin Lymphoma)
ต่อมน้ำเหลืองโตมาเป็นปี ไม่มีอาการเจ็บปวด
จะพบReed Sternberg cell ไม่มีในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่น
ชนิดนอนฮอดจ์กิน
(Non - hodgkin Lymphoma)
อาการจะเร็วและรุนแรง
อาจพบก้อนในช่องท้องหรือระบบประสาท
จะมารพ.เมื่อกะจายไปทั่วร่างกาย
ฺBurkitt Lymphoma
มีต้นกำเนิดจาก B - cell
มีการแทรกกระจายเนื้อเยื่อ
มีก้อนเนื้องอกที่โตเร็วมาก พบในช่องท้อง รอบกระดูกขากรรไกร
การวินิจฉัย
MRI
Bone scan
CT Scan
PET scan เพื่อหาเซลล์มะเร็งโดยการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
กาตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
การตรวจไขกระดูก
อาการ
อาการเริ่มต้น
คลำพบก้อนทีบริเวณคอ รักแร้ ขาเหนีบ เต้านม ไม่มีอาการเจ็บ
มีไข้ หนาว สั่น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน คันทั่วร่างกาย
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ
ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอลซิลโต
ปวดศีรษะ (พบในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท)
อาการในระยะลุกลาม
ซีด มีเลือดออกง่าย
มีอาการแน่นท้อง ท้องโตขึ้นจากการมีน้ำในช่องท้อง ถ้ามะเร็งเกิดในช่องท้อง
แนวทางการรักษา
การใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
การฉายรังสี (Radiation Therapy)
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Transplantation)
การดูแลเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด
(Chemotherapy)
ระยะการรักษาเคมีบำบัด
ระยะให้ยาแบบเต็มที่
(Intensive phase)
ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์
ยาที่ใช้
Metrotrexate
6-MP
Cyclophosephamide
ให้ยาหลายชนิดร่วมกันหลังโรคสงบเพื่อให้เซลล์มะเร็งเหลือน้อยที่สุด
ระยะป้องกันโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
(CNS prophylaxis phase)
ยาที่ใช้
Hydrocortisone
ARA - C
Metrotrexate
ผู้ป่วยหลังการให้ยามักมีโอกาสเกิดโรคอีกครั้งเลยให้ยาเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเข้าสู้ระบบประสาทส่วนกลาง
ระยะชักนำให้โรคสงบ
(Induction phase)
การให้ยาเพื่อทำลายเซลล์ในเวลาอันสั้นและมีผลต่อเซลล์ปกติน้อยที่สุดเพื่อให้ไขกระดูกมาสร้างเม็ดเลือดขาวได้ปกติ
ยาที่ใช้
Adriamycin
L - Asparaginase
Vincristine
Glucocorticoid
ใช้เวลา 4- 6 สัปดาห์
ระยะควบคุมโรคสงบ
(Mainyenance phase)
การให้ยาเพื่อควบคุม และรักษาโรคอย่างถาวร
ยาที่นิยม
ให้ 6 - MP โดยกินทุกวันร่วมกับ Metrotrexate
การรักษาประคับประคอง
แบ่งเป็น 2 แนวทาง
การรักษาทดแทน
(Replacement therapy)
การให้เลือดในระยะก่อนโรคสงบ เพื่อให้ระดับ HGB >7-8 กรัม/ดล.
การรักษาด้วยเกล็ดเลือด
ต้องให้เกร็ดเลือดก่อนการให้ยาถ้าผู้ป่วยเกร็ดเลือดต่ำ เนื่องจากเกร็ดเลือดต่ำทำให้เสียชีวิตไม่เกิน 24 ชม.
การรักษาภาวะแทรกซ้อนและอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
วิธีการให้ยาเคมีบำบัด
IM
ทางกล้ามเนื้อ ต้องระวังเลือดออกหลังฉีด
IV
ทางหลอดเลือดดำ Vein ระวังการรั่วออกทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือเกิดเนื้อตายบริเวณที่ยารั่ว
IT
ทางช่องไขสันหลัง (intrathecal)
ยาเคมีบำบัดที่ใช้บ่อย
Mesna
ป้องกันภาวะเลือดออกในกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากการใช้ยาCyclophosphamide
Ondasetron(onsia)
ป้องกันการคลื่นไส้อาเจียน
Cytarabine(ARA-C)
รักษามะเร็งชนิด ALL ขัดขวางการสร้าง DNA
Bactrim
ป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาสเนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำ
Methotrexate
ยับยั้งการสร้าง DNA RNA กดการเจริญเติบโตของเซลล์
Ceftazidime(fortum)
ป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากมีไข้หลังได้รับยาเคมีบำบัด
Mercaptopurine(6-MP)
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน โดยการยับยั้งการสร้าง Purin และการนิวคลีอิก
Amikin
ป้องกันการติดเชื้อเนื่องจากมีไข้หลังได้รับยาเคมีบำบัด
Cyclophosphamide
ออกฤทธิ์จับหรือรวมกับ DNA ของเซลล์มะเร็ง ทำให้เพิ่มจำนวนไม่ได้
ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด
ผลต่อระบบผิวหนัง
หลังจากให้ยา 2-3 wk จะทำให้ผมร่วง
ผมจะงอกขึ้นมาใหม่หลังหยุดยา 2-3 เดือน ลักษณะผมจะเปลี่ยนไป สี ความหนา ความยืดหยุ่น
ผิวหนังมีสีคล้ำ ผิวแห้ง
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ยาเคมีบำบัดจะถูกขับออกทางไต ยาบางชนิดมีฤทธิ์ทำลายไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ Cystitis
จากการตกตะกอนของยาเคมีบำบัด
ต้องได้รับน้ำทางหลอดเลือดดำและทางปากมากพอ
เพิ่มประสิทธิภาพในการขับยาโดยการปรับปัสสาวะให้มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยให้ 7.5% NaHCO3
ติดตามค่า
sp.gr ให้ต่ำกว่า 1.010
ค่า PH ในปัสสาวะสูงกว่า 6.5-7
ยาที่มีผลต่อไต
Methotrexate
Ifosfamide
Cyclophosphamide
Streptozocin
จะทำการติดตาม Bun ,Cr เพื่อดูการทำงานของไตเป็นระยะ
ผลต่อระบบทางเดินอาหาร
อาการ
คลื่นไส้ อาเจียน
แพทย์ให้ยา onsia (ondansetron) เข้าทาง IV
แผลในปากและคอ
เบื่ออาหาร
ปวดท้อง ท้องเดิน ท้องผูก
การติดเชื้อในช่องปาก
การป้องกัน
ให้บ้วนปากด้วย 0.9%NSS ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หรือในรายที่มีแผลที่ปากให้บ้วนทุก 2 ชม.
การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
เนื่องจากผู้ปววยมีภูมิต้านทานต่ำ ต้องป้องกันโดยการรับประทานอาหาร Low Bacterial diet อาหารที่สุก สะอาด และปรุงเสร็จใหม่
ตับ
ยาที่ทำลาย
Vincristine
Methotrexate
หลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด 2-3 สัปดาห์ตับส่วนที่ถูกทำลายจะหาย
อาการ
อ่อนเพลีย
ปวดชายโครงข้างขวา
ตัวตาเหลือง
ท้องโตหรือเท้าบวม
ตรวจติดตามการเจาะเลือด ตรวจ Liver function Test เพื่อดูการทำงานของตับเป็นระยะ
ผลต่อระบบเลือด
เม็ดเลือดขาวต่ำ
(Leukopenia)
ประเมินค่า ANC
(Absolute neutrophil count)
ANC = [(% neutrophils + %bands) x total WBC ] / 100
ถ้า % bands ไม่มีห็ไม่ต้องเอามาจำนวน
แบ่ง 3 ระดับ
ปานกลาง
ANC = 500 - 1000 เซลล์/ลบ.มม
รุนแรง
ANC ต่ำกว่า 500 ลบ.มม
ถ้า ANC ต่ำกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำอย่างรุนแรงเสี่ยงต่อการติดเชื่อแบคที่เรียแกรมลบในเลือดและติดเชื้อรา
เล็กน้อย
ANC = 1000-1500 เซลล์/ลบ.มม
เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
งดการให้ยาเคมีบำบัด
การดูแล
หลังจากที่ได้รับยาเคมีบำบัดเด็กจะมีเม็ดเลือดขาวต่ำในวันที่ 6-12 และปกติภายในวันที่ 21
เด็กที่มี ANC ต่ำ ต้องอยู่ห้องแยกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
เกร็ดเลือดต่ำ
เกร็ดเลืดน้อยกว่า 100,000/mm3
ทำให้เลือดออกง่าย
ต่ำกว่า 50,000 เซลล์/ลบ.มม
ทำให้เลือดออกง่ายหยุดยาก
ปัสสาวะมีเลือดปน
จุดเลิอดออกใต้ผิวหนัง หรือมีจ้ำเลือด Ecchymosis
รายที่ต่ำกว่า 10,000 เซลล์/ลบ.มม.
มีโอกาสเกิดเลือดออกในสมองหรือทางเดินอาหาร
เม็ดเลือดแดงต่ำ
(Anemia)
ระดับค่าเลือด Hb = 8-10 gm/dl ,HCT = 24-30 gm/dl แพทย์พิจารณาให้ยาเคมีบำบัด
ต้องมีการได้รับการตรวจเลือดทุกครั้งก่อนได้รับยาเคมีบำบัด เนื่องจากไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดต่างๆได้น้อยลง ถ้าผลการตรวจไม่พร้อมแพทย์จะงดการให้ยาเคมีบำบัดชั่วคราว
การวางแผนการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
การดูแลป้องกันการเกิดแผลในปาก
Cell เยื่อบุช่องปากถูกทำลายด้วยยาเคมีบำบัด และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำ
ถ้าเกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 cell/cu.mmจะไม่ให้แปรงฟันแต่บ้วนปากด้วย 0.9% NSS
เกร็ดเลือดมากกว่า 50,000 สามารถแปรงฟันได้แต่แปรงสีฟันต้องอ่อนนุ่ม
แพทย์จะให้ยา Xylocaine Viscus
ให้ครั้งละ 1 ml ให้อมไว้ 2-3 นาทีแล้วบ้วนทิ้ง
ไม่ควรกลืนเนื่องจากมีผลต่อการทำงานของหัวใจ เนื่องจากมียาชาเป็นส่วนผสม
ออกฤทธิ์ทำให้ชา ลดอาการเจ็บแผลในปาก
แพทย์จะให้ Nystatin oral suspention
ยาฆ่าเชื้อราในปาก
อมไว้ 2-3 นาที สามารถกลีนได้ ไม่ต้องให้น้ำตาม เพื่อให้ยาอยู่ในช่องปากนานที่สุด
ต้องดูแลให้ยาหลังยาตัวอื่นๆ หรือหลังอาหารและน้ำ
การรักษาประมาณ 7-14 วัน
การดูแลปัญหาซีด
การให้เลือด (Pack Red Cell)
การติดตามV/S ทุก 15 นาที 4 ครั้ง หลังจากนั้นทุกครึ่ง ชม.จนคงที่
จะให้ยา Pre- med (PCM CPM lasix) ก่อนการให้เลือด
ต้องดูแลให้เลือดหมดภายใน 3-4 ชม.
หลังให้เลือดหมดแล้ว 4 ชม.ตรวจค่า Hct
แนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารที่มีธาตุเหล็กและโปรตีนสูง เพื่อสร้างเม็ดเลือด
เฝ้าระวังภาวะชักจากความดันสูง (HCC syndrome : Hypertensive convalsion cerebral Hemorrhage syndrome ) อาจทำให้เกิดเลือดออกในสมอง
รับประทานอาหารสุกใหม่
(Low Bacterial Diet)
ให้มีโปรตีนและแคลลอรี่สูง
งดอาหารที่ลวก ย่าง ผักสด ผลไม้เปลืองบาง เช่นชมพู่ องุ่น
ดื่มนมสเตอริไลส์ และ UHT
ควรแนะนำให้ญาติไม่ซื้อข้าวแกงมาให้ผู้ป่วย แต่ควรเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่
กินอาหารกระป๋องแทนผลไม้สด
การดูแลป้องกันเลือดออกง่ายหยุดยาก
แพทย์มีแผนให้ Platlet concentration
ให้หมดภายใน 1/2 -1 ชม. เนื่องจากhalf life สั้น
การให้แบบfree flow
จะให้ยา Pre- med (PCM CPM lasix) ก่อนการให้เลือด
ระหว่างให้จะต้องติดตาม V/S อย่างต่อเนื่อง
การดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยาเคมีบำบัดผ่านทางช่องไขสันหลัง Intrathecal : IT
การให้ยาเพื่อเข้าไปฆ่าเซลล์มะเร็งในระบบประสาทส่วนกลาง
ยาที่ใช้บ่อย MTX
การดูแล
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ6-8 ชม.หลังจากให้ยา เพื่อป้องกันการเกิด Herniation ของสมอง
การนอนราบสามารถพลิกตะแคงตัวได้ แต่ห้ามลุกนั่งในเวลาที่กำหนด
กาให้ยาต้องนำน้ำไขสันหลังออกเท่ากับจำนวนยาที่ให้ การนับหยด 15 หยด = 1 CC
ก่อนเจาะน้ำไขสันหลังจะให้ยาเพื่อให้ Pt.หลับ แล้วจัดท่าคางชิดอก
การเจาะน้ำไขสันหลัง
ตรวจค่าPtn และSugar ถ้า Ptn สูงและSugar ต่ำ อาจแสดงการลุกลามของมะเร็งไปสมอง
น้ำตาลในCSF
มีการสั่งตรวจค่าน้ำตาลในเลือดเพื่อเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในCSF และตรวจ cell count cell diference เพื่อหา PMN หรือ Neutrophil ถ้า PMNสูง แสดงว่ามีการติดเชื้อในระบบประสาท
ค่าปกติของ CSF50-80 mg/dl
ค่าโปรตีน 12-60 mg/dl
ภาวะแทรกซ้อน
Tomorlysis Syndrome : TLS
การสลายของเซลล์มะเร็งจำนวนมากและรวดเร็ว ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเซลล์มะเร็งออกมา เช่น กรดนิวคลีอิก โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสเข้ามาในกระแสเลือดมากในเวลาสั้นๆ ทำให้เกิดความผืดปกติทางเมตาบอลิก
ความผิดปกติของElectrolyte
ภาวะฟอสเฟตในเลอดสูง
พบหลังจากให้ยารักษามะเร็ง 24-48 ชม.
เมื่อ Calcium phosphorus product >58 mg/dl ทำให้เกิดผลึกแคลเซียมฟอสเฟส อาจทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้
เกิดจากฟอสเฟสไปจับกับ Ca ทำให้ Ca ต่ำ และเกิดการชักเกร็ง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และชักได้
ภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
พบหลังได้รับยาเคมี 48 -72 ชม.
เกิดจากการสลายกรดนิวคลีอิก กลุ่มพิวรีน ไปเป็น hypoxanthine และ xanthine และเป็นกรดยูริก
กรดยูริกทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ และเกิดการตกตะกอนของผลึกกรดยูริกที่ท่อไต
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
เป็นภาวะที่ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะและเสียชีวิต
มักพบหลังจากได้รับยารักษามะเร็ง 12-24 ชม.
มีความร้ายแรงสูงสุด
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
การได้รับยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
ได้รับรังสีรักษา (Radiotherapy)
เกิดขึ้นเอง
เกิดขึ้นบ่อยที่สุดผู้ป่วยที่มีปริมาณเซล์มะเร็งจำนวนมาก และมะเร็งที่มีความไวต่อเคมีบำบัด
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเสียชีวิต จากการที่มีโพแทสเซียมสูง
พบกล้ามเนื้อตะคริว ชักเกร็ง ชัก ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะจากการที่ภาวะฟอสเฟสในเลือดสูงและแคลเซียมในเลือดต่ำ
ภาวะง่วงซึม และภาวะทางเดินปัสสาวะอุดตันหรือไตวาย จากการที่มีกรดยูริกในเลือดสูง
ระบบทางเดินอาหาร
การวินิจฉัย
ไม่มีเกณฑ์การวินิจฉัย ที่เป็นมาตรฐานทั่วไป
วินิจฉัยทางคลินิกรวมกับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ภาวะ Febrile neutropenia
มีจำนวนเม็ดเลือดขาว neutrophil น้อยกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม หรือมีANC < 1000 เซลล์/ลบ.มม และจะลดลงจนน้อยกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม
สาเหตุ
การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดทำให้กดการทำงานของไขกระดูก
การฉายรังสีที่มีปริมาณสูง
พบในผู้ป่วยลิวคีเมียที่มีเซล์มะเร็งในกระแสเลือดมาก ทำให้เม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลในเลือดลดลง
อาจเกิดได้ทั้งการใช้ยาเคมีบำบัดและการใช้รังสีรักษา
อาการ
อาการของการติดเชื้อมีน้อย ไข้เป็นอาการเพียวอย่างเดียวที่แสดงการติดเชื้อ
การใช้ยาต้านเชื้อรา (antifungal therapy)
ถ้าเป็นนิวโทรพีเนียนานกว่า 1 wk มีโอกาสเกิดการติดเชื้อรา
ผู้ป่วยที่มี Febrile neutropenia นานกว่า 5 วัน แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะให้ยาต้านเชื้อรา
เช่น amphotericin B
ผลข้างเคียง
มีไข้ หนาว สั่น
คลื่นไส้ อาเจียน
พิษต่อไต ทำให้ Creatinine ในเลือดสูง และเกิดโรคไตผิดปกติในการขับกรด
BP ต่ำ
ชัก
การใช้ Granulocyte colony - Stimulating factor (G - CSF)
ช่วยลดระยะเวลาของการเกิดนิวโทรพีเนียหลังได้รับยาเคมีบำบัด
ช่วยให้การผลิตเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิล ได้เร็วกว่าที่ร่างกายผลิตได้เอง
ควรให้ G- CSFหลังจากวันสุดท้ายแต่ละรอบของการให้ยาเคมีบำบัด
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือการปวดกระดูก แต่จะหายไปเมื่อเม็ดเลือดขาวย้ายจากไขกระดูกไปเลือด
มะเร็งไต Wilm Tumor
การเจริญผิดปกติของเนื้อไตชั้น parenchyma กลายเป็นก้อนเนื้อไต
ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ คลำได้ทางหน้าท้อง
จะไม่ให้คลำบ่อย เพราะก้อนอาจแตก และเกิดการแพร่กระจาย
นางสาว ปิยวรรณ แสวงวงษ์ เลขที่ 71 รุ่น 36/1 612001072
อ้างอิง : อาจารย์กัลยา ศรีมหันต์ (2563).บทที่ 10 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเซลเจริญผิดปกติ.สืบค้นวันที่ 22 มิถุนายน 2563.จากเว็บไซต์
https://drive.google.com/file/d/1xScpt8eSefZQf0jwz5yVrzWX63IF1qxr/view
อาจารย์กัลยา ศรีมหันต์ (2563).การดูแลเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด.สืบค้นวันที่ 22 มิถุนายน 2563.จากเว็บไซต์
https://drive.google.com/file/d/1rvWO-f0bWr2lo27K_qsLywJu4JJyyvmO/view