Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind, นางสาวทรียารัตน์ มั่งมี เลขที่28…
ภาพยนต์สั้น เรื่อง A beautiful mind
กฎหมาย พรบ.
มาตรา 15 ผู้ป่วยย่อมมีสิทธิดังต่อไปนี้
1.ได้รับการบำบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
2.ได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการบำบัดรักษาไว้เป็นความลับ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้เปิดเผยได้
3.ได้รับการคุ้มครองจากการวิจัยตามมาตรา 20
4.ได้รับการคุ้มครองในระบบประกันสุขภาพและประกันสังคม และระบบอื่น ๆ ของรัฐอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยในประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่
1.ในกรณีที่อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยหรือผู้อื่น
2.เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน
3.มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย
มาตรา 17 การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วยจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่เป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บำบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
มาตรา 18 การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า การกระทำต่อสมองหรือระบบประสาทหรือการบำบัดรักษาด้วยวิธีอื่นใด ที่อาจเป็นผลทำให้ร่างกายไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างถาวรให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1.กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น โดยผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น ความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรง หรืออาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม และประโยชน์ของการบำบัดรักษา
2.กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยหากมิได้บำบัดรักษาจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วย ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
มาตรา 21 การบำบัดรักษาจะกระทำได้ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการอธิบายเหตุผลความจำเป็นในการบำบัดรักษา รายละเอียดและประโยชน์ของการบำบัดรักษาและได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยเว้นแต่เป็นผู้ป่วยตามมาตรา 22
ถ้าต้องรับผู้ป่วยไว้ในสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา ความยินยอมตามวรรคหนึ่งต้องทำเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้ป่วยเป็นสำคัญ
หนังสือให้ความยินยอมตามวรรคสองและวรรคสาม ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ หรือขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ความยินยอมรับการบำบัดรักษา ให้คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล หรือผู้ซึ่งปกครองดูแลบุคคลนั้น แล้วแต่กรณี เป็นผู้ให้ความยินยอมตามวรรคสองแทน
มาตรา 22 บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา
1.มีภาวะอันตราย
มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา
เชื่อมโยงกับ Case
อาการของผู้ป่วย
คิดว่าตนเองเป็นสายลับทางการทหาร
คิดว่ามีคนสะกดรอยตาม และจะทำร้ายตน
หูแว่ว ได้ยินเสียงหัวหน้าทางการทหารสั่ง
เห็นคนสนิทอยู่ด้วยทั้งๆที่ไม่มีใคร
เดินหลังค่อม สีหน้าเรียบเฉย ไม่สบตากับผู้อื่น
แสดงท่าทีหวาดระแวง มองซ้ายขวาตลอด
พูดตะกุกตะกัก และพูดเร็ว
มีสมาธิดี หมกมุ่นในเรื่องที่สนใจอย่างมาก
สาเหตุ
ด้านจิตใจ
ความเครียด
ความต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคม
ด้านสังคมและวัฒนธรรม
มีปัญหาในการปรับตัว เป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อน
มีความกดดันจากสภาพแวดล้อมที่มีคนเก่งรอบตัว
การรักษา
การใช้ยา
ยาต้านโรคจิตเภทกลุ่มเก่า (first generation antipsychotics)
haloperidol และ fluphenazine มีฤทธิ์ยับยั้งตัวรับ D2 ที่แรง
ออกฤทธิ์หลักโดยยับยั้งตัวรับ D2 ที่สมองส่วน limbic system
chlorpromazine และ thioridazine มีฤทธิ์ยับยั้งตัวรับ D2 ที่ต่ำ
perphenazine และ zuclopentixol มีฤทธิ์ยับยั้งตัวรับ D2 ปานกลาง
ยาต้านโรคจิตเภทกลุ่มใหม่ (second generation antipsychotics)
clozapine
risperidone
quetiapine
olanzapine
ziprasidone
aripiprazole
paliperidone
มีกลไกการออกฤทธิ์โดยยับยั้งตัวรับ D2 ที่สมองส่วน limbic system
มีฤทธิ์ยับยั้งตัวรับ 5-HT2A ส่งผลเพิ่มระดับ DA ที่สมองส่วน nigrostriatal, mesocortical และ tuberoinfundibular tract
ยาฉีด
Intermediate acting injection antipsychotics
Zuclopenthixol acetate
Long acting injection antipsychotics
Flupenthixol depot
Haloperidol decanoate
Fluphenazine decanoate
Short acting injection antipsychotics
Haloperidol
การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy:ECT)
การรักษาด้านจิตสังคม (Psychosocial Intervention)
จิตบําบัดรายบุคคล (Individual psychotherapy)
กลุ่มบําบัด (Group therapy)
พฤติกรรมบําบัด (Behavior therapy)
ครอบครัวบําบัด (Family therapy)
การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบําบัด (Milieu therapy)
การดูแล
ให้ข้อมูลในการบําบัดรักษาแก่ผู้ป่วย ผู้ดูแล ครอบครัวและชุมชน
1.ประเมินระดับความรุนแรง โดยการสังเกตพฤติกรรมการแสดงออก
สร้างสัมพันธภาพ และแสดงท่าที ที่เป็นมิตรต่อผู้ป่วยโดยการเรียกชื่อ และเปิดโอกาสให้
ผู้ป่วยไดพูดระบายความรู้สึก ไม่แสดงท่าทางท้าทายหรือข่มขู่ควรยืนห่างผู้ป่วย 2-3 เมตร
ให้ญาติที่ผู้ป่วยคุ้นเคยและไว้วางใจมาพูดโน้มน้าวให้ผู้ป่วยมีท่าที ที่สงบ
ให้การช่วยเหลือตามความเหมาะสม เช่น ให้ยาเพื่อควบคุมอาการ
การผูกรัดผู้ป่วยอาจจําเป็นในบางราย ควรใช้สายหนังหรือผ้าผืนใหญ่ มัดแทนเชือกเส้นเล็กๆและควรแก่การผูกรัดทันทีที่เห็นว่าผู้ป่วยเป็นอันตรายต่อผู้อื่น
รับฟังและเข้าใจผู้ป่วย พูดกับผู้ป่วยอย่างตรงไปตรงมา ว่าเราอยากจะช่วยเหลือไม่แสดงท่าทางตื่นกลัวต่อผู้ป่วย
จัดการสิ่งแวดล้อม ให้เอื้อต่อการให้การช่วยเหลือ ผู้ป่วยในภาวะวิกฤต
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วย สิทธิด้านการรักษาพยาบาลแก่ญาติและผู้ดูแล
ประสานการช่วยเหลือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตํารวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วางแผนการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่รวมกับชุมชนได้
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
เกณฑ์การวินิจฉัย (DSM-5)
A.มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน โดยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อย่างน้อย 1 อาการ
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน (การพูดในลักษณะที่หัวข้อ วลีหรือประโยคที่กล่าวออกมาไม่สัมพันธ์กัน)
พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่คนในสังคมหรือวัฒนธรรมของผู้ป่วยไม่ทำกัน พฤติกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไป น้อยเกินไป หรือแปลกประหลาด (catatonic behavior)
อาการด้านลบ เช่น สีหน้าทื่อ เฉยเมย แยกตัวจากคนอื่น
B.ระดับความสามารถในด้านสำคัญๆ เช่น ด้านการทำงาน การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น หรือการดูแลตนเองลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อยหนึ่งด้าน
C.มีอาการโรคจิตต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยอย่างน้อยต้องมีช่วงที่มีอาการตรงตามเกณฑ์ข้อ A อย่างน้อย 1 เดือน
D.ต้องแยก โรคจิตอารมณ์โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้วออก
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติก หรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็กจะวินิจฉัยโรคจิตเภทก็ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรืออาการประสาทหลอนที่เด่นชัดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ร่วมด้วย
E.ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากโรคทางกายและสารเสพติดออก
ลักษณะทางคลินิก
กลุ่มอาการด้านลบ (Negative symptoms)
ขาดความสนใจและความ
กระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ
ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
สัมพันธภาพกับผู้อื่นไม่ดี
ความคิดในเชิงนามธรรมเสียไป
สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ใด
ไม่พูด แยกตัวเอง
กลุ่มอาการด้านบวก (Positive symptoms)
Hallucination
ความผิดปกติทางการรับรู้ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการประสาทหลอน(hallucination)
อาการ
เห็นภาพหลอน
ได้กลิ่นที่ไม่มีจริง
ได้ยินเสียงคนพูดคุยโดยไม่เห็นตัวคนพูด หูแว่ว
สัมผัสหลอน
ได้รสสัมผัสทางลิ้นที่ไม่มีจริง
Delusions
อาการ
เกิดความหึงหวงรุนแรง
คิดว่ามีคนพูดจาเกี่ยวกับตน
หลงผิดว่าตนมีโรคทางกาย
หลงผิดคิดว่าตนเองเป็นบุคคลสำคัญ มีอำนาจพิเศษ
คิดว่าตนเองทำความผิดอย่างมาก
หลงผิดหวาดระแวงว่าจะมีคนคอยจับผิดทำร้ายเขา
มีความเชื่อผิดเกี่ยวกับบุคคล สถานที่ และสถานการณ์รอบตัว
เขื่อว่าผู้อื่นสามารถล่วงรู้ความคิดตนได้
รู้สึกว่าความคิดของตนถูกดึงออกไปจากสมอง
เชื่อว่าความคิดที่มีอยู่ไม่ใช่ของตน แต่เป็นความคิดผู้อื่นนำมาใส่เข้าตน
มีความเชื่อที่ผิดไปจากความเป็นจริง เชื่อความคิดนั้นอย่างมาก และไม่สามารถอธิบายหรือแก้ไขด้วยเหตุผลและความเป็นจริง (Fixed false believe)
ความผิดปกติทางความคิด คือ อาการหลงผิด (delusion)
โรคจิตหลงผิด (delusional disorder)
อาการ
มีอาการหลงผิดเรื่องเดียว หรือหลงผิดเป็นเรื่องราวเชื่อมโยง
ไม่พบว่ามีประสาทหลอนหรือถ้ามีก็เป็นครั้งคราวไม่เด่นชัด และมีความสัมพันธ์กับเรื่องที่หลงผิด
มีอาการแบบโรคจิตเภท เช่น หลงผิดคิดว่าถูกควบคุม และอารมณ์เฉยเมย
มีอาการหูแว่วเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยสูงอายุ
นางสาวทรียารัตน์ มั่งมี เลขที่28 ห้องA รหัส613601029