Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสวนล้าง, นางสาวอมิตตา อารีย์ เลขที่4 ห้องB - Coggle Diagram
การสวนล้าง
การล้างหู
การล้างหู (Ears washing) หมายถึง การใช้น้ำอุ่นที่สะอาดฉีดเข้าไปในช่องหู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อล้างสิ่งที่ไม่ต้องการ หรือเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากหู
จุดเน้นสำคัญ
-ข้อห้ามเด็ดขาด
1.ขณะล้างหูอย่าสอดปลายเข็มไปลึกเกินครึ่งนิ้ว เพราะถ้าลึกกว่านี้จะไปทำอันตรายแก้วหูได้
- ไม่ล้างหูในคนที่มีแก้วหูทะลุฉีกขาด และหูชั้นกลางอักเสบได้ ซึ่งมีอาการดังต่อไปนี้ มีไข้อาเจียนหรือท้องเสีย มีของเหลวสีเขียวหรือเหลืองออกมาจากหู เจ็บหูอย่างรุนแรง
-จุดควรระวัง
1.ไม่ควรฉีดน้ำเข้าไปตรงๆ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อแก้วหูได้
2.การล้างเอาขี้หูออกมักจะทำในรายที่ผู้ป่วยมีขี้หูอัดแน่น (impacted cerumen) และแข็ง และได้หยอดยาละลายขี้หูจนขี้หูอ่อนตัวแล้ว จึงจะล้างออกได้สะดวก
-เทคนิค
น้ำที่ใช้ควรมีอุณหภูมิพอเหมาะ (37 องศาเซลเซียสเท่ากับ) ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการเวียนศีรษะได้
การล้างตา
คือ การทำความสะอาดภายในตาด้วยเทคนิคไร้เชื้อ (sterile technique) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อขจัดฝุ่นละออง สารเคมี ล้างพิษหรือสิ่งแปลกปลอมออกจากตา บรรเทาอาการเจ็บปวด ล้างตาเตรียมความสะอาดก่อนผ่าตัด และทำให้เกิดความสุขสบาย ดังนั้นพยาบาลจึงต้องมีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องในการให้การดูแลเรื่องการล้างตาเพื่อบรรเทาความไม่สุขสบายของผู้ป่วยหรือลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อเมื่อไม่ยึดหลักเทคนิคไร้เชื้อ
จุดเน้นสำคัญ
-ข้อห้ามเด็ดขาด
ห้ามล้างตาผู้ป่วย Eye injury ชนิด mechanical injury หรือการบาดเจ็บทางตาที่เกิดจากวัตถุ เช่น Rupture globe, Rupture eye ball ผู้ป่วยหลังผ่าตัดตา Post operation intraocular surgery
-จุดควรระวัง
1.ระหว่างล้างตา ระวังอย่าพุ่งน้ำลงบนกระจกตา เพราะจะทำให้ผู้ป่วยปวดได้
2.ถ้าต้องการล้างตา 2 ข้าง ให้ล้างตาข้างที่สะอาดก่อนเสมอ กรณีที่มีการติดเชื้อ
-เทคนิค
ก่อนจะดันน้ำยาลงไปที่ตาผู้ป่วย แนะนำให้ผู้ป่วยกลอกตามาทางหางตาก่อน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงแรงกระแทกของน้ำที่จะพุ่งลงบนกระจกตา
การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ
การสวนปัสสาวะ หมายถึง การสอดใส่สายสวน (catheter) จากภายนอกผ่านท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แบ่งตามเทคนิคได้ 2 ชนิด ได้แก่ การสวนปัสสาวะชนิดเป็นครั้งคราว (intermittent catheterization) และการสวนปัสสาวะชนิดคาสายปัสสาวะ (indwelling catheterization or retained catheterizations: IUCs)
จุดเน้นสำคัญ
-จุดควรระวัง
- พยาบาลต้องประเมินลักษณะการไหล ปริมาณและลักษณะของสารน้ำและปัสสาวะที่ไหลออกมาเป็นระยะ และต้องคอยดูแลปรับอัตราการไหลของสารน้ำที่ใส่เข้าไปชะล้างกระเพาะปัสสาวะให้สอดคล้องกับจำนวนสารน้ำและปัสสาวะที่ไหลออกมา ถ้าสารน้ำไหลเข้าน้อย จำนวนสารน้ำและปัสสาวะที่ไหลออกมามีเลือดออกมาก จะเกิดลิ่มเลือดหรือเป็นตะกอนอุดกั้นการไหลของสารน้ำและปัสสาวะได้ ซึ่งประเมินได้จากปัสสาวะไหลน้อยลงหรือหยุดไหล ผู้ป่วยรู้สึกปวดถ่ายปัสสาวะ หน้าท้องโป่งนูน หรือมีปัสสาวะและสารน้ำไหลซึมรอบท่อสายสวนปัสสาวะ
-
-
-
-