Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น A beautiful mind - Coggle Diagram
ภาพยนต์สั้น A beautiful mind
โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง
Paranoid Schyzophrenia
อาการ
ทางทฤษฎี
อาการทางบวก
ประสาทหลอน (hallucinations)
อาการหลงผิด (delusions)
ความคิดผิดปกติ (thought disorders)
พฤติกรรมผิดปกติ (behavioral disorganization)
ประโยคคำพูดฟังไม่รู้เรื่อง ใช้ศัพท์แปลกๆ ( Disorganized Speech)
อาการทางลบ
สีหน้าอารมณ์เฉยเมย (blunting of affect)
ไม่พูดหรือพูดน้อย (alogia)
ไม่ยินดียินร้าย (anhedonia)
บกพร่องทางเชาวน์ความคิด ( cognitive deficit)
ไม่มีสัมพันธภาพกับใคร (lack of socialization)
กรณีศึกษา
มีอาการหวาดระแวง กลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเองและครอบครัว
มีอาการหลงผิด คอยระแวงว่าจะมีคนมาจับผิดและทำร้ายตนเอง
วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวออกจากที่ทำงาน
มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว ได้ยินเสียงมีคนมาพูดคุยด้วย
มีอาการพูดพึมพำ พูดโต้ตอบคนเดียว
มีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำลายข้าวของ
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว
มีสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก แต่จะแสดงสีหน้า แววตา
และท่าทีหวาดกลัว เมื่อพบจิตแพทย์
การวินิจฉัย
A. มีอาการต่อไปน้ตีั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
ประโยคคำพูดฟังไม่รู้เรื่อง ใช้ศัพท์แปลกๆ
(disorganized speech)
grossly disorganized behavior
อาการด้านลบ ได้แก่
flat affect, alogia หรือ avolition
B. มีความเสื่อมหรือปัญหาในด้าน social / occupational function มาก เช่น ด้านการงาน สัมพันธภาพต่อผู้อื่น หรือสุขอนามัยของตนเอง
C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยต้องมีactive phase (ตามข้อ A) อย่างน้อยนาน 1 เดอืน
กรณีศึกษา
B. ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว ไม่มีสัมพัธภาพกับผู้อื่น
A. มีอาการมากกว่า 2 อาการ
มีสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก
ผู้ป่วยมีอาการหลงผิด ระเเวงว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเองและคนรอบข้าง
มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว ได้ยินเสียงคนพูดคุยด้วย
มีอาการพูดพึมพำ พูดโต้ตอบคนเดียว
ผู้ป่วยมีอาการมาแล้ว 2ปีก่อนมาโรงพยาบาล
สาเหตุ
ปัจจัยด้านพันธุกรรม
ครอบครัวตำหนิ
สภาพครอบครัวไม่เหมาะสมในการแก้ไขให้ดีขึ้น
ปัจจัยด้านชีวเคมีของสมอง
สารสื่อประสาทในสมอง
ปัจจัยด้านจิตใจ
ความเครียด
ในอดีตมักจะโดนเพื่อนแกล้ง
4.ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม
เป็นคนเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว
ไม่มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
การรักษา
รักษาในโรงพยาบาล เมื่อ
มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
ต้องควบคุมเรื่องยา กรณีไม่ยอมรับประทานยา
มีอาการข้างเคียงจากยาอย่างรุนแรง
รักษาด้วยยา
ควบคุมอาการ ให้อาการสงบลง
ให้ยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
รักษาด้วยไฟฟ้า ใช้เมื่อไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา
รักษาด้านจิตสังคม
จิตบำบัด
ให้คำแนะนำกับครอบครัว
กลุ่มบำบัด
นิเวศน์บำบัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่นเนื่องจากมีอากาประสาทหลอน
แสดงการยอมรับอาการประสาทหลอนของผู้ป่วย ซึ่งทำได้โดยการรับฟัง และไม่โต้แย้ง และบอกความจริงให้กับผู้ป่วยได้รู้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้เลือกคิดและตัดสินใจเงจากความจริงที่ได้บอกแก่ผู้ป่วย
สร้างความไว้วางใจในการติดต่อกับผู้ป่วยแบบตัวต่อตัว (One to one relationship) โดยเน้นการสร้างความวางใจและความเชื่อถือ เพื่อให้ผู้ป่วยกล้าระบายความรู้สึกที่มีออกมา
ประเมินการรับรู้ของผู้ป่วย ว่ามีระดับการรับรู้เพียงใด มีอาการประสาทหลอนเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ และเกิดขึ้นตอนไหน มีการตอบสนองอย่างไร โดยประเมินจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้นและสัมผัสทางกาย เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือได้ถูกต้องและเหมาะสม
สื่อสารกับผู้ป่วยต้องเปิดเผย จริงใจ รักษาคำพูด ให้ข้อมูลอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการมองเห็นจ้อง หรือระมัดระวังการกระซิบกระซาบต่อหน้าผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอาจเข้าใจว่า พยาบาลนินทาให้ร้ายหรือระแวง
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบำบัดกับผู้อื่น ลดเวลาที่ผู้ป่วยอยู่คนเดียว ซึ่งอาจทำให้มีความคิดหมกมุ่นอยู่ในเรื่องเดิมๆ กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่น เพื่อให้ผู้ป่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการประสาทหลอน
ติดตามและประเมินซ้ำเกี่ยวกับพฤติกรรมแยกตัวของผู้ป่วย เช่น ประเมินพฤติกรรมการเก็บตัว แยกตัว เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการแยกตัว ทั้งนี้หากพบผู้ป่วยแยกตัวไม่ดีขึ้น พิจารณาให้รักษา
มีความบกพร่องในการสื่่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจความต้องการของตนเนื่องจากมีพฤติกรรม แยกตัวจากผู้อื่น
ประเมินลักษณะการสื่อสารของงผู้ป่วยว่ามีความพกพร่องอย่างไร เช่น พูด หลายเรื่องผสมกันจนคนฟังไม่เข้าใจ หรือไม่พูดเพราะอาการทางจิตต่างๆ
สร้างสัมพันธภาพแบบ one to one เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย และไว้วางใจ จัดเวลาเข้าไปพบและพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอถึงแม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ป่วยพูด หรือผู้ป่วยไม่โต้ตอบ เพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า ตนเองได้รับการยอมรับและยังเป็นที่ต้องการของผู้อื่น ควรสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างชัดเจน เช่น สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยประโยคสั้นๆเข้าใจง่ายเรียกชื่อผู้ป่วยให้ถูกต้อง
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เป็นตัวของตัวเอง โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมกับสมาชิกอื่นที่ผู้ป่วยพอใจ และพยาบาลควรให้กำลังใจ หรือแรงเสริม เมื่อเห็นผู้ป่วยร่วมในกิจกรรม
พยาบาลต้องตระหนักว่า พฤติกรรมแยกตังนี้เป็นปัญหาด้านความสามารถทางด้านสังคมที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพของผู้ป่วย ดังนั้นพยาบาลต้องอดทนให้เวลาผู้ป่วยในการปรับปรุง
ลักษณะสำคัญ
มีความหมกมุ่น อยู่กับอาการหลงผิด หรือหูแว่ว หวาดระแวง
ประวัติทั่วไป
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยชื่อ นายจอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (Mr. John Forbes Nash, Jr.)
อายุ 24 ปี
ประวัติครอบครัว
มีภรรยาชื่อ อลิเซีย และลูก1คน
มีน้องสาว 1 คน
สัมพันธภาพในครอบครัว
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัว
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นเกือบทำร้ายภรรยาและลูก
ผู้ป่วยไม่มีความรู้สึก ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นและมีพฤติกรรมที่แปลกๆ
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
ชอบเก็บตัว
ไม่มีเพื่อนสนิทและมักมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
ผู้ป่วยเรียนเก่ง
ไม่ชอบกิจกรรมนันทนาการแต่มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ และทำการทดลองด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 12 ปี
วัยรุ่น
ผู้ป่วยหันมาสนใจทางด้านคณิตศาสตร์และมุ่งมั่นในการเรียน
ผู้ป่วยเริ่มมีบุคลิกที่ดูแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเริ่มทำงาน
ชาร์ลอยู่กับเขาตลอดและเป็นเพื่อนคนเดียวที่สามารถพูดคุย
เรียนปริญญาเอก
มีความโดดเด่นทางด้านการเรียนในระดับอัจฉริยะ
เริ่มมีความหมกมุ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมากขึ้น
พบว่าชาร์ลเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตเขา
ให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยเสมอ
โรคจิตหลงผิด
(Delusional disorder)
อาการ
:no_entry: กรณีศึกษา
มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว ได้ยินเสียงมีคนมาพูดคุยด้วย
มีอาการพูดพึมพำ พูดโต้ตอบคนเดียว
มีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำลายข้าวของ
สีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก
ทฤษฎี
อารมณ์ไม่ผิดปกติอย่างในโรคจิตเภทหรือโรคอารมณ์แปรปรวน พฤติกรรมทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อาการมักคงอยู่นานเป็นเดือนเป็นปีหรือบางรายเป็นอยู่ตลอดชีวิต
หลงผิดซึ่งอาจเป็นเรื่องเดียวหรือหลายเรื่องที่ เกี่ยวข้องกัน
ไม่มีประสาทหลอน ยังพูดคุยรู้เรื่อง
อาการจากกรณีศึกษากับทฤษฎีไม่สอดคล้องกัน
การพยาบาล
อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้อื่นเนื่องจากมีความคิดหลงผิด
ทำของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยคิดว่าเขาควรจะตาย ผู้ป่วยจะพยายามฆ่าตัวตาย เพื่อหาวิธีป้องกันและช่วยเหลือได้ทันที
ยอมรับในความคิดหลงผิดของผู้ป่วย โดยพยาบาลไม่ควรโต้แย้ง หรือท้าทาย ว่าที่ผู้ป่วยเล่าให้ฟังนั้นไม่จริง และพยาบาลไม่ต้องปฏิบัติตามที่ผู้ป่วยเชื่อ และไม่ควรนำคำพูดของผู้ป่วยไปพูดล้อเล่น
พยาบาลต้องตระหนักว่า ความคิดของผู้ป่วยเป็นความคิดที่ยึดเเน่นและผู้ป่วยเชื่อว่าเป็นจริงตามนั้น
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อ เป็นแนวทางให้ผู้ป่วยได้พูดถึงความคิดของเขาได้อย่างอิสระ และเพื่อได้รับฟังความคิดของผู้ป่วย
การรักษา
รักษาด้วยยา
จิตบำบัด
ลักษณะสำคัญ
โรคจิตชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการหลงผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกันตลอดเวลาอาการหลงผิดเป็นอาการทางจิตที่ผู้ป่วยมีความเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงแต่ไม่สามารถลบความเชื่อนั้นออกจากความทรงจำไปได้
สาเหตุ
จิตใจ
ภาวะเครียด
มีอาการหวาดระแวง กลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเองและครอบครัว
มีอาการหลงผิด คอยระแวงว่าจะมีคนมาจับผิดและทำร้ายตนเอง
สังคม
ผู้ป่วยมีภาวะเครียดเนื่องจากอยากเป็นที่ยอมรับของผู้อื่น
ชีวภาพ
จำแนกเป็น
Erotomanic type หลงผิดว่าบุคคลอื่นมาหลงรักตนเอง โดยบุคคลนั้นมักเป็นผู้ที่มีความสำคัญ หรือมีชื่อเสียง
Grandiose type เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น
Jealous type หลงผิดว่าคู่ครองของตนนอกใจ
Persecutory type : :red_flag: :red_flag:
ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย
หวาดระแวงว่ามีคนสะกดรอยตามจะมาทำร้าย
Somatic type หลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง
พรบ.สุขภาพจิต 2551
มีภาวะอันตราย
อาการก้าวร้าว
ทำร้ายตนเองและผู้อื่น
พกอาวุธ
ทำลายข้าวของ
มีความจำเป็นต้องการได้รับการบำบัดรักษา :red_flag:
เจอ แจ้ง ตรวจ ส่ง
มีความเจ็บป่วยเกิดขึ้นแต่ไม่ยินยอมเข้ารับการรักษา
มาตราที่ 18: การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy, ECT) ให้กระทำได้ในกรณีที่ผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
ความสำคัญ
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑ เน้นการบังคับรักษาผู้ป่วยทางจิต แม้ผู้ป่วยจะไม่ยินยอม ถือเป็นการให้ความคุ้มครองเจ้าพนักงานตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เอาตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยไม่ถือว่าเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด
ผู้ป่วยเป็นโรคอะไร?
โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง
Paranoid Schyzophrenia :check:
เพราะจากสาเหตุ อาการจากสถานการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับทฤษฎีแล้วตรงกัน