Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนตร์สั้น เรื่อง A Beautiful Mind, อ้างอิง มาโนช หล่อตระกูล.(2554)…
ภาพยนตร์สั้น เรื่อง A Beautiful Mind
ข้อมูลทั่วไปผู้ป่วย
ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 24 ปี
เชื้อชาติ : อเมริกัน , สัญชาติ : อเมริกัน
อาการสำคัญ
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล หวาดระแวงว่ามีคนสะกดรอยตามจะมาทําร้ายวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เพื่อนร่วมงานจึงนําส่งโรงพยาบาลจิตเวช
ประวัติการเจ็บป่วย
ปฏิเสธ การแพ้ยา แพ้อาหาร
2 ปีก่อนมาโรงพยาบาล หลังจบปริญญาเอกด้านคณิตศาสตรถ์ ถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเรียกตัวไปช่วยถอดรหัสทางการทหาร ผู้ป่วยทํางานอย่างลับๆ จนกระทั่ง พบว่ามีคนสะกดรอยตามเขาอยู่ตลอดและพยายามทําร้ายเขาตลอด ผู้ป่วยกลัวการถูกทําร้ายมาก แต่พยายามเก็บเป็นความลับไม่ให้ใครรู้ เนื่องจากเขาเป็นสายลับแม้กระทั่งภรรยา
ปัญหาที่มองเห็น
ความผิดปกติด้านสังคม
ในวัยเด็ก
ไม่ชอบทํากิจกรรมนันทนาการ ชอบทําอะไรด้วยตนเอง ไม่มีเพื่อนสนิท
มีปัญหาในการปรับตัวกับผู้อื่น ผู้ป่วยชอบอยู่คนเดียว
โดนเพื่อนแกล้งเนื่องจากผู้ป่วยเก่งกว่าและฉลาดกว่าคนอื่น
ในวัยรุ่น
ผู้ป่วยพบว่ามีเพื่อนร่วมมหาลัยเดียวกันชื่อชารล์ส
เป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท
ผู้ป่วยเริ่มมีความคิดหมกหมุ่นและความคิดแปลกๆ
วัยผู้ใหญ่
ผู้ป่วยพบว่าชารล์สมาปรากฏตัวในหลายสถานการณ์
คอยให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยเสมอ
ผู้ป่วยทํางานที่วีลเลอร์แลปส์และสายลับ ผู้ป่วยเริ่ม
สร้างห้องทํางานลับ ในการทํางานเป็นสายลับ
ความผิดปกติด้านพฤติกรรม
พูดตะกุกตะกักเป็นบางครั้ง
ทำร้ายตนเอง จิกข้อมือ ใช้ศรีษะกระแทกหน้าต่าง
มองซ้ายขวาตลอดเวลา
ความผิดปกติด้านความรู้สึก
ขาดความกระตือรือร้น
ไม่แสดงอารมณ์ มีลักษณะเฉื่อยชา
ความผิดปกติด้านการรับรู้
visual hallucination มีภาพหลอน คิดว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา
ความผิดปกติด้านความคิด
ผู้ป่วยยังคงมีความเชื่อว่าตนเองเป็นสายลับของกระทรวงกลาโหม
ถูกเรียกตัวให้ไปทําหน้าที่อย่างลับๆหลังเรียนจบปริญญาเอก
หวาดระแวงว่ามีคนสะกดรอยตามจะมาทําร้าย
โรคที่คาดว่าจะเป็น
โรคจิตเภท (schyzophrenia) มีอาการหลายอย่างอย่างหนึ่งที่เป็นกันมาก คือ การเห็นภาพหลอนรวมทั้งการคิดเอาเองว่ามีคนตามฆ่าตามทําร้าย เห็นอะไรเห็นใครก็ระแวงไปหมด (paranoid) คนที่มีปัญหาทางจิตแบบนี้จึงมักเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่คบหาสมาคมกับใคร อยู่ในโลกของตัวเองที่เชื่อว่าเป็นจริง
โรคจิตเภท (schyzophrenia)
สาเหตุ
ปัยจัยทางชีวภาพ
พันธุกรรม
ชีวเคมี(การปฏิบัติการของสารสื่อประสาท neurotransmission
เช่น dopamine, serotonin, norepinephrine, acetylcholine
กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของระบบประสาท
ปัยจัยทางด้านจิตสังคม
ความขัดแย้งภายในจิตใจ(ความบกพร่องของอีโก้)
การสื่อสารสองนัย(ทำให้เด็กเกิดความลังเล ขาดความมั่นใจ)
ครอบครัวทำหน้าที่ผิดปกติ(ป่วยทางจิต
บุคลิกภาพแปรปรวน ติดสุรา ติดสารเสตติด
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกผิดปกติ
การดำเนินของโรค
ระยะก่อนป่วย
มีความบกพร่องเล็กน้อยทางความคิด
ระยะอาการนำ
เริ่มมีอาการทางจิต
ระยะโรคกำเริบ
อาการทางจิตเด่นชัด ส่วนใหญ่เป็นอาการด้านบวก
ระยะเรื้อรัง/อาการหลงเหลือ
อาจมีอาการทางบวกอยู่บ้าง อาการทางจิต
จะค่อยๆลดลงตามอายุที่มากขึ้น
อาการและอาการแสดง
กลุ่มอาการด้านบวก (Positive Symptoms)
อาการหลงผิด (Delusion)
มีความคิดและการกระทำของเขาถูกควบคุมโดย
อำนาจภายนอกบางอย่าง(delusion of control)
มีความคิดถูกตึงออกไปจากสมองด้วย
อำนาจบางอย่าง(though withdrawal)
มีความคิดของตนเป็นความดิดคนอื่นใส่เข้ามา(hough insertion)
เชื่อว่ามีผู้อื่นล่วงรู้ความคิดของตน(though broadcasting)
อาการประสาทหลอน (Hallucination)
หูแว่ว ภาพหลอน ประสาทหลอนทางการรับ
สัมผัสทางกาย การได้กลิ่น การรับรส
การรับรู้ที่ผิดปกติผิดไปจากความจริง(llusion)
ความผิดปกติของความคิด
disorganized thinking
พูดเปลี่ยนเรื่องโดยขาดการเชื่อมโยง
มีความคิดไม่ต่อเนื่อง
ความผิดปกติของพฤติกรรม
(abnormal disorganized behavior )
ไม่สมเหตุสมผล เช่น สวมเสื้อหนาในอากาศร้อน
หัวเราะโดยไม่มีเหตุผล ร้องเอะอะโวยวาย
catatonic อยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหวหรือวุ่นวายคาดเดาไม่ได้
กลุ่มอาการด้านลบ (NegativeSymptoms)
Alogia พูดน้อยหรือไม่พูด
Affective flattening การแสดงออกทางด้าน
อารมณ์ลดลงมาก หน้าตาเฉยเมย
Avolition ขาดความกระตือรือร้นเฉื่อยชาลง
Asociality เก็บตัวเฉย ๆ ไม่ค่อยแสดงออก
กฏหมายพรบ.
มาตรา ๒ บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณี
หนึ่ง ดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา
(๑) มีภาวะอันตราย
(๒) มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา
มาตรา ๑๘ การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้าการกระทำต่อสมองหรือระบบประสาทหรือการบำบัดรักษาด้วยวิธีอื่นใด ที่อาจเป็นผลทำให้ร่างกายไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างถาวรให้กระทำได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น โดยผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น ความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรง หรืออาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม และประโยชน์ของการบำบัดรักษา
(๒) กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยหากมิได้บำบัดรักษาจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วย ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการสถานบำบัดรักษาให้นำความในมาตรา ๒๑ วรรคสาม มาใช้บังกับกับการให้ความยินยอมตาม (๑) โดยอนุโลม
การรักษา
การรักษาด้วยยา
ระยะควบคุมอาการ
เป้าหมายของการักษาในระยะนี้ คือ การควบคุมอาการให้สงบ
ลงโดยเร็ว ขนาดของยาที่ใช้โดยทั่วไป คือ chlorpromazine
300-500 มก./วัน หรือ haloperidol 6-10 มก./วัน
ระยะให้ยาต่อเนื่อง
หลังจากที่อาการสงบลงแล้ว ผู้ป่วยยังจำเป็นต้องได้รับยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมามีอาการกำเริบซ้ำ ขนาดของยาจะต่ำกว่าที่ใช้ใน
ระยะแรก โดยทั่วไปจะค่อย ๆ ลดยาลงจนถึงขนาดต่ำสุดที่คุมอาการได้
การรักษาด้วยไฟฟ้า
(electroconvulsive therapy)
การรักษาด้วยไฟฟ้าในผู้ป่วยโรคจิตเภทนั้นผลไม่ดีเท่าการ
รักษาด้วยยา โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนอง
ต่อการรักด้วยยา โดยใช้ ECT ร่วมไปด้วย
การรักษาด้านจิตสังคม
จิตบำบัด (psyghotherapy) ใช้วิธีการของจิตบำบัดชนิดประดับประคอง ผู้รักษาพึงตั้งเป้าหมายตามที่เป็นจริงและผู้ป่วยสามารถนำไปปฏิบัติได้
การให้คำแนะนำแก่ครอบครัว (family counseling or psychoeducation)การทำครอบครัวบำบัดหรือให้ความรู้ในเรื่อง
โรค รวมทั้งสิ่งที่ญาติควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย จะช่วยได้เป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มบำบัด (group therapy) เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผู้ป่วย โดยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกว่ามีเพื่อน มีคนเข้าใจ ไม่โดดเดี่ยว มีการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำแก่กัน ฝึกทักษะทางสังคม
นิเวศน์บำบัด (milieu therapy) เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลเพื่อช่วยส่งเสริมขบวนการรักษา ประกอบด้วย การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในหอผู้ป่วย การจัดสภาพแวดล้อมภายในหอผู้ป่วยให้น่าอยู่
อ้างอิง
มาโนช หล่อตระกูล.(2554).โรคจิตเภท.สืบค้นจาก
https://med.mahidol.ac.th/ramamental/sites/
นิตยา ศรีจำนง.(2561).การพยาบาล
ผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านความ คิดและการรับรู้. สืบค้นจาก
http://www.elnurse.ssru.ac.th/nitaya_si/pluginfile.php
นางสาวสศิมา สวดมาลัย เลขที่ 78 ห้อง2B
รหัส 613601187