Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ - Coggle Diagram
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
วิวัฒนาการของกฎหมายวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการออกกฎหมายขึ้นควบคุมการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน พ.ศ. 2472 มีการแก้ไขโดยการตัดสาขาสัตวแพทย์ออกโดยให้การประกอบโรคศิลปะเป็นการกระทำต่อมนุษย์เท่านั้น
พ.ศ. 2479 แบ่งการประกอบโรคศิลปะออกเป็น 2 แผน ได้แก่ แผนโบราณ และแผนปัจจุบัน
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2528 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528
กฎหมายควบคุมการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการ ผดุงครรภ์ จึงได้แยกออกจากพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 พร้อมกับการ เปลี่ยนแปลงการเรียกชื่อผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน สาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
การสอบขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และการต่ออายุ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ทุก 5 ปี มี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2540 จวบจนถึงปัจจุบัน
กฎหมายอาญาสำหรับพยาบาลและการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ประเภทของความรับผิดทางอาญา
ความผิดต่อแผ่นดิน
เป็นความผิดที่สำคัญและร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายและสังคมส่วนรวม เช่น การกระทำที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร การปลอมและการแปลงเอกสาร การลักทรัพย์
ความผิดต่อส่วนตัว
เป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายฝ่ายเดียว และ กฎหมายบัญญัติประเภทไว้ชัดเจน เช่น ความผิดฐานฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ผู้อื่น หมิ่นประมาท ความผิดฐาน บุกรุก
ความผิดทางเพศ
โทษทางอาญา
โทษประหารชีวิต
เป็นโทษสูงสุด สำหรับลงโทษผู้กระทำความผิดคดีอุกฉกรรจ์ ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงจากยิงเป้าที่แดนประหารเป็นการฉีดยาหรือสารพิษเข้าร่างกายจนเสียชีวิต
โทษจำคุก
เป็นโทษจำกัดเสรีภาพของนักโทษที่ถูกควบคุมไว้ในเรือนจำ ตามระยะเวลาที่ กำหนดไว้ในคำพิพากษามีหลักเกณฑ์การ
รอการลงโทษหรือรอลงอาญา ดังนี้
เป็นความผิดมีโทษจำคุก
ศาลต้องลงโทษจ าคุกไม่เกิน 3 ปี
ผู้กระทำความผิดต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
ศาลคำนึงถึงองค์ประกอบต่อไปนี้ คือ อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษา สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อม
โทษกักขัง
เป็นโทษที่เปลี่ยนจากโทษอย่างอื่นมาเป็นโทษกักขัง
โทษปรับ
การเสียค่าปรับ คือ การชำระเงินต่อศาลตามจำนวนที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษา
โทษริบทรัพย์สิน
ศาลมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สิน
ลักษณะสำคัญของความรับผิดทางอาญา
ต้องมีบทบัญญัติความผิดและกำหนดโทษไว้โดยชัดแจ้ง
คือ ในขณะที่กระทำผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติความผิดและโทษเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
ต้องตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร
คือ การตีความ การกระทำที่เป็นเหตุให้บุคคลอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ไม่ว่าจะใช้ยา ทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นที่คล้ายกัน ดังนั้นการฉีดยาหรือให้ยานอนหลับแก่ผู้ป่วย
ไม่มีผลย้อนหลังที่เป็นโทษ
คือ จะไม่มีผลในการเพิ่มโทษแก่บุคคล หากขณะกระทำยัง ไม่มีกฏหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด
หลักเกณฑ์ความรับผิดทางอาญา
การกระทำ คือ ผู้กระท าต้องรู้สึกตัวและรู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด เช่น พยาบาลวิชาชีพผูกรัด ข้อมือผู้ป่วย พยาบาลรู้ว่ากำลังผูกข้อมือผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยดึงสายน้ำเกลือ
กฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและกำหนดโทษ คือ ผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่มีความผิดจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด และก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อผู้ต้องหา หรือจำเลยเหมือนเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้
กระทำโดยเจตนา ประมาท หรือไม่เจตนา คือ จิตใจของผู้กระทำ ซึ่งในทางอาญาถือว่าผู้กระทำต้องมีเจตนาที่จะกระทำผิดเสมอจึงจะลงโทษ แต่บางกรณีที่ผู้กระทำอาจทำเพราะประมาทหรือไม่เจตนา อาจมีความผิดถ้ากฎหมายบัญญัติว่ามีความผิด
เหตุยกเว้นความรับผิดทางอาญา คือ
เหตุยกเว้นความรับผิด
การกระทำที่โดยทั่วไปกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แต่ถ้ามีเหตุการณ์หรือสภาพแวดล้อมบังคับให้ผู้กระทำต้องกระทำเช่นนั้น ผู้กระทำจะไม่มีความผิดทางอาญา เช่น การป้องกันตนเองหรือผู้อื่น
เหตุยกเว้นโทษ
การกระทำที่เป็นความผิดทางอาญาที่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ กระทำด้วยความจำเป็น การกระทำผิดเพราะความบกพร่องทางจิต การกระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน การกระทำของเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
เหตุลดหย่อนโทษ
การกระทำความผิดโดยไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด การกระทำโดยบันดาลโทสะ
อายุความ
อายุความฟ้องคดีทั่วไป
ระยะเวลาของอายุความแปรตามอัตราโทษตามความผิด เช่น อายุความ 20 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ 20 ปี และ อายุความ 1 ปี สำหรับความผิดลหุโทษ เป็นต้น
อายุความฟ้องคดีความผิดอันยอมความได้
เช่น ความผิดฐานบุกรุกหรือหมิ่นประมาท กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
ความรับผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาล
ความประมาทในการประกอบวิชาชีพ
การกระทำหรือการพยาบาลโดยขาดความระมัดระวัง หรือไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอตามวิสัยของวิชาชีพ จนเกิดความเสียหายอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิตแก่ผู้ใช้บริการ
แบ่งเป็น 6 ประเภท
ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ (Failure to follow standard of care)
ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์การแพทย์ไม่ถูกต้อง (Failure to use equipment in a responsible manner)
ความบกพร่องด้านการสื่อสาร (Failure to communication) เช่น ไม่รายงานแพทย์ เมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือรายงานแพทย์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม
ความบกพร่องด้านการบันทึก (Failure to document) เช่น ไม่บันทึกความก้าวหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยไว้ในเวชระเบียน
ความบกพร่องด้านการประเมินและเฝ้าระวังอาการ (Failure to assess and monitor)
ความบกพร่องด้านการไม่พิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย (Failure to act as patient advocate)
บทลงโทษตามกฎหมายอาญาในความผิดฐานประมาทนั้น
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายเล็กน้อยแก่ร่างกายหรือจิตใจ เป็นความผิดลหุโทษ คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย เช่น ให้เลือดผิดหมู่ เพราะไม่ตรวจสอบถุงเลือดก่อนให้
การทอดทิ้งหรือละเลยผู้ป่วย
ความผิดฐานนี้เกี่ยวกับผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายหรือสัญญาที่ ต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่ เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลคนวิกลจริตหรือผู้ป่วยจิตเวช แต่ไม่ดูแลปล่อยปละละเลยให้ผู้ป่วยออกไปโดยลำพังออกไปก่ออันตรายแก่ผู้อื่นหรือตนเอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย (Confidential disclosure)
รู้ความลับผู้อื่นมาเนื่องจากการประกอบอาชีพหรือจากการศึกษาอบรม
เปิดเผยความลับนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แนวปฏิบัติในการรักษาความลับของผู้ป่วย
ไม่นำเรื่องของผู้ป่วยมาวิพากษ์วิจารณ์ให้บุคคลภายนอกได้ยินหรือพูดในที่สาธารณะ
ไม่วางแฟ้มประวัติหรือเขียนการวินิจฉัยไว้ที่ปลายเตียง/หน้าห้องผู้ป่วย
กรณีศึกษาของนักศึกษาพยาบาล ไม่ควรเขียนนามสกุลจริงของผู้ป่วย
ไม่นำบันทึกรายงานของผู้ป่วยออกจากหอผู้ป่วย
ไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยแก่ญาติหรือคนอื่น โดยผู้ป่วยไม่ยินยอม
ระมัดระวังการพูดเกี่ยวกับการวินิจฉัย และการรักษาในห้องผู้ป่วยที่เป็นห้องรวม
อภิปรายข้อมูลผู้ป่วยเฉพาะกับผู้ร่วมทีมสุขภาพ
จัดเก็บรายงานผู้ป่วยไว้เป็นสัดส่วน
โรงพยาบาลควรมีนโยบายจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย
การปฏิเสธความช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิต
การไม่ช่วยเหลือหรือปฏิเสธการช่วยเหลือผู้อื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งๆ ที่ตนอาจช่วย ได้ (ปอ. มาตรา 374) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การปลอมเอกสารและการทำหรือรับรองเอกสารเท็จ
ความผิดฐานปลอมเอกสาร การปลอมเอกสารเป็นการกระทำเอกสารโดยผู้กระทำไม่มีสิทธิ หรือไม่มีอำนาจกระทำ และทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
ความผิดฐานทำหรือรับรองเอกสารเท็จ ผู้กระทำมีสิทธิและมีอำนาจทำเอกสารนั้น แต่ผู้ทำไม่ได้ ระบุข้อมูลที่เป็นจริง
การทำให้หญิงแท้งลูก (Induced abortion)
การทำให้ตนเองแท้งลูก จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งลูกโดยผู้เสียหายยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งลูกโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม การทำแท้งตามมาตรานี้เป็นการกระทำ ที่หญิงตั้งครรภ์ไม่สมัครใจ จึงมีบทลงโทษหนักขึ้น ตามลักษณะการกระทำ
การพยายามทำให้หญิงแท้งลูก คือ การทำแท้งที่ไม่ได้กระทำไปจนครบ กระบวนการ หรือกระทำไปจนครบทุกขั้นตอน แต่ไม่บรรลุผล
การทำให้หญิงแท้งที่ถูกกฎหมาย การทำแท้งจะถูกกฎหมาย หากแพทย์เป็นผู้กระทำภายใต้เงื่อนไข
ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๒
บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำ นั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว
มาตรา ๑๘
ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน โทษประหารชีวิตและโทษจำคุกตลอดชีวิตมิให้นำมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดในขณะที่มี อายุต่ำกว่าสิบแปดปี
มาตรา ๑๙
ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย
มาตรา ๒๓
ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสาม เดือน ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน
มาตรา ๒๘
ผู้ใดต้องโทษปรับ ผู้นั้นจะต้องชำระเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาต่อศาล
มาตรา ๒๙
ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพื่อใช้ค่าปรับ
มาตรา ๓๐
ในการกักขังแทนค่าปรับ ให้ถืออัตราห้าร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณี ความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง ห้ามกักขังเกินกำหนดหนึ่งปี
มาตรา ๓๐/๑
ผู้ต้องโทษปรับซึ่งมิใช่นิติบุคคลและไม่มีเงินชำระ ค่าปรับอาจยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีเพื่อขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
มาตรา ๓๐/๒
ภายหลังศาลมีคำสั่งอนุญาตตามมาตรา ๓๐/๑ แล้ว ความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าผู้ต้องโทษปรับมีเงินพอชำระค่าปรับได้ในเวลาที่ ยื่นคำร้องตามมาตรา ๓๐/๑ ศาลจะเพิกถอนคำสั่ง อนุญาตดังกล่าวและปรับ หรือกักขังแทนค่าปรับ
มาตรา ๓๐/๓
คำสั่งศาลตามมาตรา ๓๐/๑ และมาตรา ๓๐/๒ ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๓๒
ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
มาตรา ๓๓
ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว
มาตรา ๓๔
บรรดาทรัพย์สิน
มาตรา ๓๗
ถ้าผู้ที่ศาลสั่งให้ส่งทรัพย์สินที่ริบไม่ส่งภายในเวลาที่ศาลกำหนด ให้ยึดทรัพย์สินนั้น ให้ชำระราคาหรือสั่งยึดทรัพย์สินอื่นของผู้นั้นชดใช้ราคาจนเต็ม
มาตรา ๔๖
้ศาลมีอำนาจสั่งกักขังผู้นั้นจนกว่าจะทำทัณฑ์ บนหรือหาประกันได้ แต่ไม่ให้กักขังเกินกว่าหกเดือน หรือจะสั่งห้ามผู้นั้นเข้าในเขตกำหนดตามมาตรา ๔๕ ก็ได้ การกระทำของผู้ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีมิให้อยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติตามมาตรานี้
มาตรา ๔๗
ถ้าผู้ทำทัณฑ์บนตามความในมาตรา ๔๖ กระทำผิดทัณฑ์บน ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ ผู้นั้นชำระเงินไม่เกินจำนวนที่ได้กำหนดไว้ในทัณฑ์บน ถ้าผู้นั้นไม่ชำระให้นำบทบัญญัติในมาตรา ๒๙ และ มาตรา ๓๐ มาใช้บังคับ
มาตรา ๕๙
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำ โดยประมาท
มาตรา ๖๔
บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้
มาตรา ๖๕
ผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
มาตรา ๖๗
ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้น โดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
มาตรา ๖๘
ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่ง เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา ๗๐
ผู้ใดกระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน แม้คำสั่งนั้นจะมิชอบด้วยกฎหมาย ถ้า ผู้กระทำมีหน้าที่หรือเชื่อโดยสุจริตว่ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ เว้นแต่จะรู้ว่าคำสั่งนั้นเป็น คำสั่งซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๗๒
ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา ๗๓
เด็กอายุยังไม่เกินสิบปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดเด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา ๙๖
ภายใต้บังคับมาตรา ๙๕ ในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
มาตรา ๑๐๒
ความผิดลหุโทษ คือ ความผิดซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับ ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๖๙
ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๗๖
ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลัง ประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา ๒๗๗
ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดย เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา ๒๗๗ ทวิ
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๗๗ วรรค หนึ่งหรือวรรคสาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สาม แสนบาทถึงสี่แสนบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๒๗๗ ตรี
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม หรือมาตรา ๒๗๗ วรรค สี่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต
มาตรา ๒๘๒
ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือพาไปเพื่อการ อนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา ๒๘๓
ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือพาไปเพื่อการ อนาจารซึ่งชายหรือหญิง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา ๒๘๔
ผู้ใดพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลัง ประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา ๒๘๘
ผู้ใดะ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๒๙๑
ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา ๒๙๗
ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตราย สาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา ๓๐๐
ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๑
หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๒
ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๓
ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๔
ผู้ใดเพียงแต่พยายามกระทำความผิดตามมาตรา ๓๐๑ หรือมาตรา ๓๐๒ วรรค แรก ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา ๓๐๕
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา ๓๐๑ และมาตรา ๓๐๒ นั้น เป็นการ กระทำของนายแพทย์ และ จำเป็นต้องกระท าเนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น หรือหญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญา ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๘๒ มาตรา ๒๘๓ หรือมาตรา ๒๘๔
มาตรา ๓๐๗
ผู้ใดมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญาต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ เพราะอายุ ความป่วยเจ็บ กายพิการหรือจิตพิการ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้นั้นเสียโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่ชีวิต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๒๓
ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่นโดยเหตุที่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗๓
ผู้ใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริต ปล่อยปละละเลยให้บุคคลวิกลจริตนั้นออกเที่ยว ไปโดยลำพัง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา ๓๗๔
ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตราย แก่ตนเองหรือผู้อื่นแต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๙๐
ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์สำหรับพยาบาลและการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๑๕
ทารกในครรภ์มารดามีสิทธิต่างๆ หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก
มาตรา ๑๙
บรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์
มาตรา ๒๐
จะบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส สำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติ มาตรา ๑๔๔๘
มาตรา ๒๑
ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน
มาตรา ๒๒
ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง
มาตรา ๒๓
ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว
มาตรา ๒๔
ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร
มาตรา ๒๕
ผู้เยาว์อาจทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุ 25 ปีบริบูรณ์
มาตรา ๒๖
ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ผู้เยาว์จำหน่ายทรัพย์สินเพื่อการอันใดอันหนึ่งอัน ผู้เยาว์จะจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้ตามใจสมัคร
มาตรา ๒๗
ผู้แทนโดยชอบธรรมอาจให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการประกอบธุรกิจทางการค้าได้
มาตรา ๒๘
บุคคลวิกลจริตผู้ใด ถ้าคู่สมรสก็ดี ผู้บุพการร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถ ศาลจะสั่งให้บุคคล วิกลจริตผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถก็ได้
มาตรา ๒๙
การใด ๆ อันบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นเป็นโมะียะ
มาตรา ๓๑
ถ้าเหตุที่ทำให้เป็นคนไร้ความสามารถได้สิ้นสุดไปแล้ว ให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ให้เป็นคนไร้ความสามารถนั้น
มาตรา ๓๒
บุคคลใดมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ เมื่อบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๘ ร้องขอต่อศาล ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้
มาตรา ๓๓
ในคดีที่มีการร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลใดเป็นคนไร้ความสามารถเพราะวิกลจริต ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าบุคคลนั้นไม่วิกลจริต แต่มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ศาลอาจสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้
มาตรา ๓๔
คนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดได้
มาตรา ๓๖
ถ้าเหตุที่ศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถได้สิ้นสุดไปแล้ว ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๓๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๖๑
ถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาปสูญก็ได้
มาตรา ๖๒
บุคคลซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ให้ถือว่าถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนด ระยะเวลาดังที่ระบุไว้ในมาตรา ๖๑
มาตรา ๖๓
เมื่อบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้น ยังคงมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือว่าตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในมาตรา ๖๒ ก็ดีให้ศาลสั่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
มาตรา ๖๔
คำสั่งศาลให้เป็นคนสาบสูญหรือคำสั่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๖๕
นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ อาศัยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
มาตรา ๖๖
นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
มาตรา ๘๓
สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล
มาตรา ๑๒๒
มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล
มาตรา ๑๔๙
นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร
มาตรา ๑๕๐
การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัย
มาตรา ๑๕๑
การใดเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย ถ้ามิใช่กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การนั้นไม่เป็นโมฆะ
มาตรา ๑๕๒
การใดมิได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การนั้นเป็นโมฆะ
มาตรา ๑๕๓
การใดมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยความสามารถของบุคคล การนั้นเป็นโมฆียะ
มาตรา ๑๕๗
การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะ
มาตรา ๑๕๙
การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นโมฆียะ
มาตรา ๑๖๔
การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ
มาตรา ๑๗๒
โมะะกรรมนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมะะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้
มาตรา ๑๗๓
ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของนิติกรรมเป็นโมฆะ นิติกรรมนั้นย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น
มาตรา ๑๗๔
การใดเป็นโมฆะแต่เข้าลักษณะเป็นนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะ ให้ถือตามนิติกรรมซึ่งไม่เป็นโมฆะ
มาตรา ๑๗๕
โมฆียะกรรมนั้นบุคคลต่อไปนี้จะบอกล้างเสียก็ได้ ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้เยาว์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว บุคคลศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
มาตรา ๑๗๖
โมฆียะกรรมเมื่อบอกล้างแล้วให้ถือว่าเป็นโมะะมาแต่เริ่มแรก
มาตรา ๑๗๗
ถ้าบุคคลผู้มีสิทธิบอกล้างโมยฆีะกรรมตามมาตรา ๑๗๕ ผู้หนึ่งผู้ใด ได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม
มาตรา ๑๗๘
การบอกล้างหรือให้สัตยาบันแก่โมะียะกรรม ย่อมกระทำได้โดยการแสดงเจตนา แก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวกำหนดได้แน่นอน
มาตรา ๑๘๑
โมฆียะกรรมนั้นจะบอกล้างมิได้เมื่อพ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่เวลาที่อาจให้สัตยาบันได้
มาตรา ๓๖๖
ข้อความใดๆ แห่งสัญญาอันคู่สัญญาแม้เพียงฝ่ายเดียวได้แสดงไว้ว่าเป็น สาระสำคัญอันจะต้องตกลงกันหมดทุกข้อนั้น
มาตรา ๔๒๐
ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิต จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา ๔๒๕
นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา ๔๒๖
นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
มาตรา ๔๒๗
บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม
มาตรา ๔๒๙
บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดใน ผลที่ตนทลำะเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย
มาตรา ๔๓๐
ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นชั่วครั้งคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด
มาตรา ๔๓๘
ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
มาตรา ๔๔๓
ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอัน จำเป็นอย่างอื่น ๆ อีกด้วย
มาตรา ๔๔๔
ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป
มาตรา ๔๔๕
ในกรณีทำให้เขาถึงตาย ้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย
มาตรา ๔๔๖
ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกาย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้
มาตรา ๔๔๘
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปี หนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด
มาตรา ๔๕๖
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ
มาตรา ๑๐๑๕
ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเมื่อได้จดทะเบียนตามบัญญัติแห่งลักษณะนี้แล้ว ท่านจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหาก
มาตรา ๑๔๔๘
การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์แล้ว
มาตรา ๑๔๔๙
การสมรสจะกระทำมิได้ถ้าชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริต
มาตรา ๑๔๗๖
สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกัน
มาตรา ๑๔๘๐๑
การจัดการสินสมรสซึ่งต้องจัดการร่วมกันหรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา ๑๔๗๖
มาตรา ๑๕๔๗
เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดา มารดาได้สมรสกัน
มาตรา ๑๕๙๙
เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
มาตรา ๑๖๐๐
ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตาย เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
มาตรา ๑๖๐๑
ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน
มาตรา ๑๖๐๒
เมื่อบุคคลใดต้องถือว่าถึงแก่ความตายตามความในมาตรา ๖๒ แห่งประมวล กฎหมายนี้ มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
-
มาตรา ๑๗๐๓
พินัยกรรมซึ่งบุคคลที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ทำขึ้นนั้น เป็นโมฆะ
มาตรา ๑๗๐๔
พินัยกรรมซึ่งบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำขึ้นนั้น เป็นโมฆะ
กฎหมายแพ่ง
เป็นส่วนหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ่
กำหนดสิทธิ หน้าที่ และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
กฎหมายพาณิชย์
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายหรือกิจการใดๆ ที่ได้กระท าในเรื่องหุ้นส่วน บริษัท ประกันภัย ตั๋วเงิน เป็นต้น
องค์ประกอบของนิติกรรม
ผู้กระทำต้องแสดงออกในฐานะที่เป็นเอกชน
คือ ไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐ
การกระทำโดยเจตนา
เป็นการกระทำที่ทำด้วยใจสมัคร เพื่อให้บุคคลภายนอกรับรู้ถึงความต้องการ
การแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง ทำโดยวาจา เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น การทำสัญญาจ้างแรงงาน การทำสัญญาซื้อขาย การส่ายหน้า หรือโบกมือปฏิเสธ
การแสดงเจตนาโดยปริยาย เป็นการแสดงเจตนาไม่ชัดแจ้งแต่การกระทำอื่นๆ ที่ทำให้ต่าง ฝ่ายต่างเข้าใจ เช่น การขึ้นรถเมล์แล้วยื่นเงินค่าโดยสารให้กระเป๋ารถเมล์
การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
คือ การกระทำที่กฎหมายให้อำนาจบุคคลกระทำได้ โดยชัดแจ้ง เช่น ผู้เยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติ ภาวะจ้างพยาบาลเฝ้าไข้ บิดามารดาสามารถบอกเลิกได้หรือยอมรับการว่าจ้าง
ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวสิทธิ
คือ ผลของการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน เช่น การรับของขวัญ เล็กๆ น้อยๆ จากผู้ป่วยเพื่อตอบแทนน้ำใจ การขึ้นเวรล่วงเวลา พยาบาลย่อมได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม
ประเภทของนิติกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามจำนวนคู่กรณี
นิติกรรมฝ่ายเดียว คือ นิติกรรมที่เกิดผลโดยการแสดงเจตนาของบุคคลเพียงฝ่ายเดียว
และมีผลผูกพันทางกฎหมาย เช่น พินัยกรรม คำมั่นจะให้รางวัล การบอกล้างโมฆียกรรม เป็นต้น
นิติกรรมหลายฝ่าย คือ นิติกรรมที่เกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของบุคคลตั้งแต่สอง ฝ่ายขึ้นไป และทุกฝ่ายตกลงยินยอมตามข้อตกลง เช่น สัญญาใช้ทุนการศึกษา สัญญาค้ำประกัน สัญญาซื้อขาย
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามการมีผลของนิติกรรม
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนายังมีชีวิต เช่น การให้โดยเสน่หา สัญญาการซื้อ ขาย สัญญาการใช้ทุนการศึกษา สัญญาค้ำประกัน เป็นต้น
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนาไม่มีชีวิต เช่น พินัยกรรม เป็นต้น
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามค่าตอบแทน
นิติกรรมที่มีค่าตอบแทน เช่น สัญญาจ้างงาน สัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน สัญญา เช่าทรัพย์ เป็นต้น
นิติกรรมที่ไม่มีค่าตอบแทน เช่น การให้โดยเสน่หา สัญญายืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย เป็นต้น
สภาพบังคับทางแพ่ง
โมฆะกรรม
คือ ความเสียเปล่าของนิติกรรม ไม่มีผลผูกตามกฎหมาย
นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย คือ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน
นิติกรรมที่ไม่ได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนด คือ ถ้าไม่ทำตามถือว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ
การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม คือ ตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรม ความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่มีผลตามกฎหมาย
โมฆียกรรม
ความสามารถของบุคคล นิติกรรมใดที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายเป็นโมฆะ
เช่น นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
การแสดงเจตนาโดยวิปริต การแสดงเจตนาโดยสคัำญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สิน การแสดงเจตนาโดยการฉ้อฉล การแสดงเจตนาโดยการข่มขู่
การบังคับชำระหนี้
เป็นการชำระเงิน ส่งมอบทรัพย์สิน กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้หนี้
การชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน
ความเสียหายที่คำนวณราคาเป็นเงินได้ คือ ความเสียหายที่แน่นอนและไม่ไกลเกินเหตุ รวมถึงการคืนทรัพย์สิน
ความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณราคาเป็นตัวเงินได้ เช่น หมิ่นประมาท ความเศร้าเสียใจที่ บุตรถูกรถชนตาย ค่าเสื่อมสุขภาพอนามัย ค่าทำขวัญ เป็นต้น
ความรับผิดจากการละเมิด
การกระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
คือ การประทุษกรรม หรือกระทำต่อผู้อื่นโดย ผิดกฎหมายด้วยการฝ่าฝืนข้อห้าม หรือละเว้นการกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายบัญญัติให้กระทำ
การกระทำโดยจงใจหรือประมาท
การกระทำโดยจงใจ คือ การกระทำที่ตั้งใจหรือเจตนาโดยผิดกฎหมาย ไม่มีสิทธิหรือใช้สิทธิเกินขอบเขตทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
การกระทำโดยประมาทเลินเล่อ หมายถึง การกระทำโดยมิได้จงใจ แต่กระทำ โดยปราศจาก ความระมัดระวังในระดับวิญญูชน
ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
การกระทำที่ทำให้บุคคลอื่นขาดประโยชน์ที่เคยได้รับ หรือได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินและสิทธิต่างๆ ความเสียหายแก่ชีวิต
ความเสียหายแก่ร่างกาย ความเสียหายแก่อนามัย ความเสียหายแก่เสรีภาพ ความเสียหายแก่ทรัพย์สินและสิทธิต่าง ๆ
อายุความ
คือ ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้บุคคลมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายภายในระยะเวลาที่ กฎหมายกำหนด ถ้าผู้เสียหายใช้สิทธินั้นร้องเรียนต่อศาลเกินระยะเวลาที่กำหนด ศาลจะมีคำสั่งยกฟ้องได้ เนื่องจากคดีขาดอายุความ