Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพยนต์สั้น A Beautiful Mind - Coggle Diagram
ภาพยนต์สั้น A Beautiful Mind
คาดการณ์โรคที่เกี่ยวข้อง
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
ประสาทหลอน (hallucination)
เป็นการรับรู้โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก
Gustatory Hallucinatio
n ประสาทหลอนทางการรับรส
Olfactory Hallucination
ประสาทหลอนทางการได้กลิ่น
Auditory hallucination
ประสาทหลอนทางการได้ยิน
ข้อมูลจากเคส
ได้ยินเสียงคนคุยกัน
เสียงที่ต้วผู้ป่วยคุยกับเพื่อนที่ชื่อชาร์ล
เสียงผู้ชายที่ชื่อจอร์นว่าเหมือนจะมายิงภรรยาตนเอง
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาเรียกตัวไปช่วยถอดรหัสทางการทหาร
Tactile Hallucination
ประสาทหลอนทางการสัมผัส
ข้อมูลจากเคส
ได้รับสารรังสีที่ข้อมือเป็นเลขรหัสลับเมื่อได้เข้าทำงาน
เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ป่วยพยายามหาเลขรหัสจนเลือดออก
Visual hallucination
ประสาทหลอนทางการมองเห็น
ข้อมูลจากเคส
ผู้ป่วยเห็นภาพหลอน
เห็นกลุ่มคนสะกดรอยตามเขาไปถึงที่ทำงาน
เห็นเพื่อนที่ชื่อชาร์ลกำลังมาดูลูกแทนผู้ป่วยตอนที่ผู้ป่วยกำลังจะอาบน้ำให้ลูก
ผู้ป่วยเห็นเพื่อนที่ชื่อชาร์ลก่อนที่ตนเองโดนจับตัวก่อนไปรักษา
มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
ผู้ป่วยบอกว่า "ชาล์ล ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้จริง ๆ" แต่พยาบาลมองไม่เห็นใคร
ผู้ป่วยบอกว่า "สายลับรัสเซีย มันตามผมไปถึงที่บ้าน"
ชนิดของโรคจิตเภท
Simple Type
Disorganized Type (Hebephenic)
Catatonic Type
Paranoid Type
Schizoaffective
Undifferentiated Type
Residual Type
เนื้อหาความคิดที่ผิดปกติ (Disorder of content)
Delusion of persecution
หลงผิดคิดว่าผู้อื่นจะมาปองร้าย
วิตกกังวล แววตาหวาดระแวง ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
บอกว่าจิตแพทย์ที่รักษาเขาเป็นสายลับรัสเซีย
เชื่อว่าตนเองเป็นสายลับของกระทรวงกลาโหม กำลังถูกปองร้ายจากกลุ่มคนที่เป็นสายลับรัสเซีย
วิ่งหนีออกมาจากที่ทำงานเพราะมีคนสะกดรอยตามและกำลังจะทำร้าย
หวาดกลัวเมื่อพบจิตแพทย์
ผู้ป่วยบอกว่า "สายลับรัสเซีย มันตามผมไปถึงที่บ้าน"
Delusion of being controlled
หลงผิดคิดว่าการกระทำของตนถูกควบคุมโดยสิ่งอื่นภายนอก
มีคนมาสะกดรอยตามทำให้เขากลัวและกังวลอย่างมาก
บอกว่าจิตแพทย์ที่รักษาเขาเป็นสายลับรัสเซีย
กำลังถูกปองร้ายจากกลุ่มคนที่เป็นสายลับรัสเซีย
เกณฑ์วินิจฉัย DSM-5
A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือน โดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่1 อาการ
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน
พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่คนในสังคมหรือวัฒนธรรมของผู้ป่วยไม่ทำกัน พฤติกรรมการ
เคลื่อนไหวมากเกินไป น้อยเกินไป หรือแปลกประหลาด
อาการด้านลบ
สีหน้าทื่อ
เฉยเมย
แยกตัวจากคนอื่น
B. ระดับความสามารถในด้านสำคัญๆ เช่น ด้านการทำงาน การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น หรือการดูแลตนเองลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อยหนึ่งด้าน
C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยต้องมี active phase (ตามข้อ A) อย่างน้อย 1 เดือน (อาจน้อยกว่านี้หากรักษาได้ผล) และรวมช่วงเวลาที่มีอาการในระยะ prodromal หรือ residual phase โดยในช่วง prodromal หรือ residual phase อาการที่พบอาจเป็นเพียงอาการด้านลบ หรืออาการตามข้อ A ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป แต่แสดงออกแบบเล็กน้อย (เช่น คิดแปลกๆ หรือมีอาการรับรู้ที่ไม่ปกติแต่ไม่ถึงขั้นประสาทหลอน)
D. ต้องแยก โรคจิตอารมณ์ โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้วออก
E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากโรคทางกายและสารเสพติดออก
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติก หรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็ก จะวินิจฉัยโรคจิตเภท
ก็ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรืออาการประสาทหลอนที่เด่นชัดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ร่วมด้วย
โรคจิตหลงผิด(Delusional disorder)
ความหมาย
อาการหลงผิด (delusion) ตั้งแต่ 1 เรื่องนานตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
พบบ่อยที่สุดคือ ระแวงว่าตนถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกปองร้าย ผูกเรื่องเชื่อมโยงไปในแนวทางเดียวกัน
ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีประสาทหลอน เช่น หูแว่ว ผู้ป่วยมักจะยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ
มีความเชื่อที่ผิดไปจากความจริงเชื่อความคิดนั้นอย่างมากไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลความเป็นจริง
ประเภทของโรคจิตหลงผิด
หลงผิดว่าบุคคลอื่นมาหลงรักตัวเอง
บุคคลนั้นมักเป็นผู้ที่มีความสำคัญหรือมีชื่อเสียง (Erotomanic Type)
เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น(Grandiose Type)
ข้อมูลจากเคส
พยายามกรีดแขนหาชิพที่ฝังในแขนตัวเอง คิดว่ามันหายไป
คิดว่าตนเองมีความสามารถทางด้านคณิตศาสต์เหนือคนอื่น คิดว่านักคณิตศาสตร์มีความสำคัญต่ออนาคตของอเมริกา
บอกว่าที่เพื่อนชอบแกล้งเพราะคิดว่าเขาเก่งกว่า
คิดว่าตนเองเป็นสายลับของกระทรวงกลาโหม
ผู้ป่วยบอกว่า : ผมเก็บเรื่องการเป็นสายลับมาตลอด จนกระทั่ง ... (หยุดพูด ก้มหน้า ถอนหายใจ)
หลงผิดคิดว่าคู่ครองของตนนอกใจ (Jealous Type)
ระแวงว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง สะกดรอย หมายเอาชีวิต (Persecutory Type)
ข้อมูลจากเคส
พยายามกรีดแขนหาชิพที่ฝังในแขนตัวเอง คิดว่ามันหายไป
ขณะสอนเห็นผู้ชายสองคนพยายามเดินเข้ามาคิดว่าจะทำร้ายและจับผู้ป่วยไว้
ผู่ป่วยบอกว่า "พวกมันไล่ล่าผม สะกดรอยผม"
ผู้ป่วยบอกว่า "สายลับรัสเซียมันตามผมไปถึงที่บ้าน (พูดเสียงเบา หยุดชะงัก เพ่งมองที่ประตู) มันตามมาที่นี่ (ท่าทีหวาดกลัว)"
หลงผิดคิดว่าตนเองป่วย(Somatic Type)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ปัจจัยด้านสังคม
สังคมที่มีความเครียด กดดัน การแข่งขันสูง
ปัจจัยด้านจิตใจ
อาจเกิดจากการเลี้ยงดู ที่ไม่ได้รับความอบอุ่น
ปัจจัยด้านชีวภาพ
สัมพันธ์กับสมองส่วนที่ควบคุมความเป็นเหตุผลและอารมณ์ความรู้สึก
ความแตกต่างของจิตหลงผิดกับประสาทหลอน
อาการประสาทหลอน
การรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ โดยไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น หูแว่ว ได้ยินเสียงพูดคุยเป็นเรื่องราว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครพูด
อาการหลงผิด
เป็นความผิดปกติในเนื้อหาของความคิด
การบำบัดรักษาโรคจิตหลงผิด
เน้นที่สัมพันธภาพในการรักษา ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถช่วยผู้ป่วยได้ โดยรับฟังด้วยความเข้าใจ
การรักษาด้วยยา
รับตัวรักษาในโรงพยาบาล หากอาการรุนแรง
มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง หรือผู้อื่น
โรคกลัวการเข้าสังคม (Social anxiety disorder)
ความหมาย
กลัวต่อสถานการณ์ในการเข้าสังคม มีความคิดในแง่ลบต่อตนเอง ผู้อื่น รวมไปถึงการปฏิสัมพันธ์ในทางสังคม มีอาการหวาดระแวง
ในสถานการณ์ทางสังคม ผู้ป่วยจะอยู่เงียบ ๆ หลีกเลี่ยงการเป็นที่สนใจ บางครั้งอาจมีอาการหน้าแดง ตั่วสั่นง่าย และจะค่อย ๆ หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม จนสุดท้ายจะเลือกวิธีการหนีจากสถานการณ์ต่าง ๆ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคกลัวการเข้าสังคม
ความเขินอาย
การเผชิญสถานการณ์ทางสังคมที่น่าอับอายต่าง ๆ
ตอนวัยรุ่นโดยไม่มีความมั่นใจทางสังคม
การได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือน่ากลัวในสถานการณ์สังคมนำไปสู่ความกลัว
พันธุกรรม
โอกาสที่จะเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมจะสูงขึ้นถ้าสมาชิกในครอบครัวเป็น
ได้รับการดูแลอย่างมากเกินไป
ถูกหัวเราะเยาะใส่ถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกปฏิเสธ
การรักษาโดยจิตแพทย์
การรักษาด้วยจิตบำบัด
"การบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy: CBT)"
การรักษาด้วยยา
ยาลดอาการซึมเศร้า (Antidepressants)
ยาระงับความวิตกกังวล (Anti Anxiety)
เป็นแนวทางการรักษารอง หากใช้การรักษาแบบจิตบำบัดแล้วไม่ได้ผล
การฝึกทักษะอื่นๆ ที่จำเป็น
ทักษะการสร้างสัมพันธภาพกับคนรอบข้าง
ทักษะการผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวล
ทักษะการพูดต่อหน้าสาธารณะ
ทักษะการเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ
วิธีการป้องกันโรคกลัวการเข้าสังคม
เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
พัฒนาการเข้าสังคมโดยการพูด
สาเหตุของโรคกลัวการเข้าสังคม
ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม
อาจะเป็นผลมาจากการลอกเลียนแบบผู้ที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมจากสมาชิกในครอบครัว
สารสื่อประสาทในสมอง
เซโรโทนิน (Serotonin)
ควบคุมอารมณ์
โดปามีน (dopamine)
น้อยกว่าปกติ
ปฏิกิริยาต่อความกลัวที่รุนแรงเกินไป
ทำให้รู้สึกกลัวเพิ่มมากขึ้น
ผลกระทบ
เป็นอุปสรรคต่อการเรียนและการงาน
มีปัญหาในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
เสียโอกาสในการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือพบเจอคนใหม่ๆ
โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง (Schizophrenia paranoid)
ความหมาย
เป็นกระบวนการคิดที่เชื่อว่าได้รับอิทธิพลจากความวิตกกังวลหรือความกลัวอย่างหนัก
การคิดหวาดระแวงแบบรวมความเชื่อว่าถูกปองร้าย (persecutory belief) หรือความเชื่อว่ามีการคบคิดเกี่ยวกับภัยคุกคามที่รับรู้ต่อตน
เกี่ยวข้องกับความกลัวอย่างไร้เหตุผล
การจำแนกสภาวะระแวง
Paranoid state, simple
มีความหลงผิดว่าตนถูกควบคุมบังคับ ถูกปองร้าย
Paranoia
หลงว่าตนมีความสำคัญเป็นพิเศษ ตนถูกปองร้าย หรือร่างกายผิดปกติ
Paraphrenia
มีอาการประสาทหลอน เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด
Induced psychosis
เกิดในคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนอีกคนซึ่งมีความหลงผิดอยู่ ความหลงผิดของเขาทั้งสองจะคล้ายกัน
Other and unspecified
สภาวะระแวงแบบอื่นๆ ที่ไม่เข้าลักษณะ 4 แบบ
ลักษณะของความหวาดระแวง
มีความคิดสงสัยไม่แน่ใจคอยสังเกตพฤติกรรม และการกระทำของคนอื่น
ปฏิเสธการมีสัมพนัธภาพกับผู้อื่น มองผู้อื่นในแง่ร้าย
ไม่ยืดหยุ่นไม่สนใจต่อเหตุผลของผู้อื่น
ไวต่อการกระตุ้นและระมัดระวังตัวมาก
มีอารมณ์ก้าวร้าวผลุนผลันและรุนแรง
ใช้กลไกทางจิตแบบ Denial และ Projection
สาเหตุของการเจ็บป่วย
เก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิท
ทำงานเป็นสายลับ จึงต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับ
ไม่คิดว่าตนเองเจ็บป่วยทางจิต
ที่ตนเองแสดงพฤติกรรมแปลกๆเพราะต้องรักษาความลับทางการทหารเพื่อความมั่นคงของชาติและที่วิ่งหนีออกมาจาก ที่ทำงานเพราะมีคนสะกดรอยตามและกำลังจะทำร้ายเขา
อาการที่ผิดปกติจากการตรวจสภาพจิต
ลักษณะทั่วไป
นั่งกุมมือและบีบมือตัวเองเกือบตลอดเวลา
สีหน้าวิตกกังวล แววตาหวาดระแวง ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
การเคลื่อนไหว
ผู้ป่วยเดินหลังค่อม มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา
ระดับของการรู้สึกตัว
มีอาการเหม่อลอยบ้างเล็กน้อย
การรับรู้
การรับรู้บิดเบือนไปจากความเป็นจริง
การมองเห็นภาพหลอน
ความตั้งใจและสมาธิ
จากการสนทนาผู้ป่วยมีความตั้งใจและสมาธิดี ถึงขั้นหมกมุ่นกับบางเรื่องที่มีความสนใจเป็นพิเศษ
ความสามารถในการรับสัมผัส
ผู้ป่วยพูดคนเดียวเหมือนกำลังสนทนากับใคร สอบถามทราบว่าผู้ป่วยกำลังสนทนากับเพื่อนชื่อชาร์ลส์
การคิด
คงมีความเชื่อว่าตนเองเป็นสายลับของกระทรวงกลาโหม
การพูด
พูดตะกุกตะกักในบางครั้ง
การตัดสินใจ
คิดช้าและมีท่าทีหวาดระแวงเกือบตลอดเวลา
การแสดงอารมณ์
มีสีหน้าเรียบเฉย แต่จะแสดงสีหน้า แววตาและท่าทีหวาดกลัวเมื่อพบจิตแพทย์
การรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
ไม่คิดว่าตนเองเจ็บป่วยทางจิตที่ตนเองแสดงพฤติกรรมแปลกๆเพราะต้องรักษาความลับทางการทหารเพื่อความมั่นคงของชาติ
คิดว่ามีคนสะกดรอยตามและกำลังจะทำร้ายเขา
การรักษา
Thorazine (Chlorpromazine) 30 mg IM q 6 hrs
กลุ่มยา
ฟีโนไทอาซีน (Phenothiazine)
การออกฤทธิ์
ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท Dopamine
ใช้ลดอาการกระสับกระส่าย หวาดระแวงก่อนผ่าตัด ( pre - operative anxiety )
รักษาพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก
ควบคุมอาการคลื่นไส้ อาเจียนที่เกิดขึ้นทั่วไป และหลังผ่าตัด
ชื่อทางการค้า
Thorazine และ Largactil
อาการข้างเคียง
มีอาการง่วงซึม ปากแห้ง ปวดศีรษะ ผิวหนังไวต่อแสงแดด ตาสู้แสงไม่ได้
บางรายอาจมีอาการข้างเคียงทางระบบประสาท
เกิดขึ้นเมื่อใช้ยาไปเป็นเวลานาน
กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก (Dystonia)
นั่งไม่ติดที่ (Akathisia)
อาการคล้ายพาร์กินสัน (Pseudoparkinsonism)
การขยับของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติควบคุมไม่ได้ที่บริเวณปาก ลิ้น ใบหน้า แขนขาหรือลำตัว (Tardive dyskinesia)
Diazepam 10 mg IM q 4 hrs prn
กลุ่มยา
เบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine)
การออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ต่อสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุลกัน
ใช้เพื่อคลายความวิตกกังวลอันเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหานอนไม่หลับ
รักษาผู้ป่วยโรควิตกกังวล
ผลข้างเคียง
มึนงง เห็นภาพหลอน มีความคิดและมีพฤติกรรมที่ต่างไปจากที่เคย
กระสับกระส่าย ก้าวร้าว ไม่เป็นมิตร
กล้ามเนื้อกระตุก ตัวสั่น
กระเพาะปัสสาวะสูญเสียการควบคุม ทำให้ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย
การรักษาด้วยไฟฟ้า
ECT (Electroconvulsive Therapy) 1 course (5 times per week/ 10 weeks) เป็นขั้นตอนรักษาสุดท้ายเมื่อรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผล
กลไกการรักษา
ใช้กระแสไฟฟ้าขนาดต่ำ ๆ จากเครื่องผ่านแผ่นอิเลคโทรด (Electrode) วาง
ตรงบริเวณขมับ (Temporal)
เพื่อไปกระตุ้นสมองทำให้เกิดการชักเกร็งทั่วร่างกายเรียกว่า Generalized Seizure
การชักแบบโรคลมชัก
มีอาการเกร็งกระตุกไปทั้งตัว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี
สิ่งที่จะดูว่ารักษาได้ผลหรือไม่
ความดันโลหิตสูงขึ้น
ม่านตาทั้งสองขยายกว้างตลอดเวลา
ดูจากผลการบันทึกของคลื่นสมอง(EKG)
สังเกตอาการแสดงที่ตัวผู้ป่วย จะมีชักเกร็งและกระตุกให้เห็น(tonic and clonic covulation)
ขนลุก
ข้อบ่งชี้ในการรักษา
โรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง (Severe Depression)
จิตเภชชนิดที่มีการคลั่ง(Affective Type) หรือซึมเฉย (Catatonic Type)
Severe Mania
โรคจิตที่มีอาการรุนแรง (Severe Psychosis)
โรคจิตที่รักษาด้วยยาแล้วไม่หาย
กฎหมายและพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
พ.ร.บ.สุขภาพจิต ฉบับที่ 2 พ.ศ.2562 ฉบับปรับปรุงล่าสุด
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บุคคลที่มี
ความผิดปกติทางจิตยังไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างถูกต้องและเพียงพอ
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551
ใจความสำคัญของพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑ มีสาระสำคัญคือ การนำบุคคลที่มีภาวะอันตรายหรือมีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาให้ได้รับการบำบัดรักษา ภาวะอันตรายที่กล่าวถึงคือ อันตรายที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติทางจิต ที่แสดงออกมาทางพฤติกรรม อารมณ์ ความคิดหลงผิดหรือพฤติกรรมที่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับ
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยทางจิตเวชหรือผู้บกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญาจะได้รับจากพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.๒๕๕๑ นี้ คือ ผู้ป่วยทางจิตเวชหรือผู้บกพร่องฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะที่ขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ความยินยอมรับการบำบัดรักษา จะได้รับการบำบัดรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันหรือบรรเทามิให้ความผิดปกติทางจิตมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อป้องกันการกระทำที่เกิดจากอาการทางจิตที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง เช่นการทำร้ายตนเอง หรือการฆ่าตัวตาย
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่นเนื่องจากมีอาการประสาทหลอน
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินการรับรู้ของผู้ป่วย ว่ามีระดับการรับรู้เพียงใดมีอาการประสาทหลอนเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ และเกิดขึ้นตอนไหน
แสดงการยอมรับอาการประสาทหลอนของผู้ป่วย ซึ่งทำได้โดยการรับฟัง และไม่โต้แย้ง และบอกความจริงให้กับผู้ป่วยได้รู้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้คิดและตัดสินใจจากความจริงที่ได้บอกแก่ผู้ป่วย
3.สร้างความไว้วางใจในการติดต่อผู้ป่วยแบบตัวต่อตัว (one to one relationship) โดยเน้นความวางใจและเชื่อถือเพื่อให้ผู้ป่วยกล้าระบายความรู้สึกที่มีออกมา
สื่อสารกับผู้ป่วยต้องเปิดเผย จริงใจ รักษาคำพูด ให้ข้อมูลอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการมองแบบจ้อง หรือระวังการกระซิบกระซาบต่อหน้าผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอาจระแวงว่าพยาบาลกำลังนินทาให้ร้ายได้
ติดตามและประเมินซ้ำเกี่ยวกับพฤติกรรมแยกตัวของผู้ป่วย เช่น ประเมินพฤติกรรมการเก็บตัว แยกตัว เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการแยกตัว ทั้งนี้หากพบผู็ป่วยแยกตัวไม่ดีขึ้นพิจารฯารักษา
5.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบําบัดกับผู้อื่นลดเวลาที่ผู้ป่วยอยู่คนเดียว ซึ่งอาจทําให้มีความคิดหมกมุ่นอยู่ในเรื่องเดิมๆกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่น เพื่อให้ผู้ป่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการประสาทหลอน
ข้อมูลสนับสนุน
ภรรยาให้ข้อมูลว่า ผู้ป้วยมีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขอย่างมากจนเกือบทำร้ายลูกและภรรยา
ปล่อยลูกไว้กับเพื่อนที่ชื่อชาล์ล ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง จนลูกเกือบจมน้ำ
เห็นผู้ชายใส่หมวกกำลังจะยิงภรรยาผู้ป่วยจึงเข้าไปผลักภรรยาตนเองจนล้ม
มีความบกพร่องในการสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจความต้องการของตน เนื่องจากมีพฤติกรรมแยกตัวจากผู้อื่น
กิจกรรมการพยาบาล
3.จัดเวลาเข้าไปพบและพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอถึงแม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ป่วยพูด หรือผู้ป่วยไม่โต้ตอบ เพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับและยังเป็นที่ ต้องการของผู้อื่นควรสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างชัดเจน เช่นสื่อสารกับผู้ป่วยด้วยประโยค สั้นๆ เข้าใจง่ายเรียกชื่อผู้ป่วยให้ถูกต้อง
สร้างสัมพันธภาพแบบ one to one เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ
4.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เป็นตัวของตัวเองโดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยทํากิจกรรมกับ สมาชิกอื่นที่ผู้ป่วยพอใจและพยาบาลควรให้กําลังใจ หรือแรงเสริม เมื่อเห็นผู้ป่วยร่วมในกิจกรรม
ประเมินลักษณะการสื่อสารของผู้ป่วยว่ามีความบกพร่องอย่างไร เช่น พูดหลายเรื่องผสมกันจนคนฟังไม่เข้าใจหรือม่พูดเพราะอาการทางจิตต่างๆ
5.พยาบาลต้องตระหนักว่าพฤติกรรมแยกตัวนี้เป็นปัญหาด้านความสามารถ ทางด้านสังคมที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพของผู้ป่วยดังนั้นพยาบาลต้องอดทนให้เวลาผู้ป่วยในการปรับปรุง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยบอกว่าชอบอยู่คนเดียวเพราะรู้สึกว่าเพื่อนชอบแกล้ง
มักมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับเพื่อน
เป็นคนชอบเก็บตัวไม่มีเพื่อนสนิท
ผู้ป่วยไม่ชอบทำกิจกรรมนันทนาการ
ประวัติผู้ป่วย
พัฒนาการตามช่วงวัย
ในช่วงวัยเด็ก
ผู้ป่วยเป็นเด็กเรียนเก่ง ชอบทำอะไรด้วยตนเอง
แต่เป็นคนเก็บตัว ไม่มีเพื่อนสนิทและมักมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
รู้สึกว่าเพื่อนชอบแกล้งเขาเพราะเห็นว่าเขาเก่ง
ในช่วงวัยรุ่น
สนใจทางด้านคณิตศาสตร์
เริ่มมีบุคลิกที่ดูแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
ยังคงเป็นคนเก็บตัวและไม่มีเพื่อนสนิท
เริ่มมีความคิดหมกมุ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ข้อมูลส่วนบุคคล
เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
อายุ 21 ปี
ผู้ป่วยชาย ชื่อนาย จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash,Jr.)
ประวัติครอบครัว
มีภรรยาชื่อ อลิเซีย และมีลูกด้วยกัน 1 คน
มีน้องสาว 1 คน
ความสัมพันธภาพในครอบครัว
ผู้ป่วยเป็นคนเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียว
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นเกือบทำร้ายลูกและภรรยา
ผู้ป่วยมีความคิดหมกมุ่นและพฤติกรรมที่แปลกๆ