Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย, นางสาวสลิลทิพย์ สุวรรณประสิทธิ์…
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
ความหมาย
ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ที่รัฐหรือผู้มีอำนาจกำหนดขึ้น เพื่อควบคุมความประพฤติ/ พฤติกรรมของมนุษย์ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เกิดความไม่สงบขึ้นในสังคม หากผู้ใดฝ่า ฝืนย่อมต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
ลักษณะของกฎหมาย
กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์
กฎหมายต้องเป็นข้อบังคับที่เป็น มาตรฐานที่ใช้วัดหรือกำหนดความประพฤติของคนในสังคมว่าถูกหรือผิด ทำได้หรือไม่ได้
กฎหมายต้องกำหนดขึ้นโดยรัฐหรือผู้มีอำนาจ
ต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของผู้มี อำนาจในรัฐ (รัฏฐาธิปัตย์) สำหรับประเทศไทย องค์กรที่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย เช่น รัฐสภา รัฐบาล องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น
กฎหมายต้องบังคับใช้โดยทั่วไป
มีการประกาศใช้แล้ว บุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้ กฎหมายโดยเสมอภาค จะมีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ หรือทำให้เสียประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล ใดโดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
ข้อยกเว้นในบางกรณี เช่น กรณีของฑูตต่างประเทศซึ่งเข้ามาประจำใน ประเทศไทยอาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายภาษีอากร
กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ
กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของบุคคล ดังนั้นเพื่อให้บุคคลนั้นปฏิบัติตาม จึงจำต้องมีสภาพบังคับในกรณีที่มีการผ่าฝืนกฎหมาย หากเกณฑ์ใดไม่มี สภาพบังคับก็ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย
สภาพบังคับที่มีผลร้าย
โทษทางอาญา
ประหารชีวิต คือการนำตัวผู้กระทำ ความผิดไปฉีดยาพิษให้ตาย
จำคุก
กักขัง
ปรับ
ริบทรัพย์สิน
สภาพบังคับที่มีผลดี
กรณีจดทะเบียนสมรส ทำให้บุตรเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถใช้สิทธิของคู่สมรสไปลดหย่อนภาษีได้
ประเภทของกฎหมาย
กฎหมายที่แบ่งตามสิทธิประโยชน์ และความสัมพันธ์ของบุคคล
กฎหมายมหาชน (Public Law)
กฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับ ประชาชน โดยรัฐเป็นฝ่ายปกครองที่มีอำนาจเหนือกว่าประชาชน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายปกครอง
กฎหมายอาญา
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ธรรมนูญศาลยุติธรรม
กฎหมายเอกชน (Private Law)
กฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับ เอกชน รวมทั้งหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจแบบเอกชน
กฎหมายแพ่ง
กฎหมายพาณิชย์
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม
กฎหมายระหว่างประเทศ (International Law)
เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศต่อประเทศ หรือรัฐต่อรัฐ โดยมีแหล่งกำเนิดจากขนบธรรมเนียมประเพณี ข้อตกลงหรือ สนธิสัญญาระหว่างประเทศ
แผนกคดีเมือง
เขตแดน การฑูต การทำสนธิสัญญา หรือกรณีพิพาท
แผนกคดีบุคคล
สัญชาติ ภูมิลำเนา การสมรส การทำนิติกรรม และทรัพย์สิน
แผนกคดีอาญา
กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน กฎหมายความ ร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา
กฎหมายที่แบ่งโดยแหล่งกำเนิดของกฎหมาย
กฎหมายภายใน
เป็นกฎหมายที่องค์กรของรัฐที่มีอำนาจในการบัญญัติกฎหมาย บัญญัติขึ้น ใช้ภายในประเทศ
กฎหมายภายนอก
เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ หรือ เกิดจากความตกลงระหว่างประเทศ เช่น สนธิสัญญา อนุสัญญา
กฎหมายที่แบ่งโดยเจตนารมณ์และเนื้อหาของกฎหมาย
กฎหมายระเบียบราชการ กฎหมาย การเงินการคลัง กฎหมายธุรกิจ กฎหมายสาธารณะสุข กฎหมายอุตสาหกรรม
กฎหมายที่แบ่งโดยลักษณะการใช้กฎหมาย
กฎหมายสารบัญญัติ
กฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
กฎหมายวิธีสบัญญัติ
วิธีพิจารณา ความแพ่ง วิธีพิจารณาความอาญา
กฎหมายที่แบ่งโดยสภาพบังคับทางกฎหมาย
กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง
ระบบของกฎหมาย
ระบบกฎหมายจารีตประเพณี หรือระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (Common law system)
ประเทศที่ใช้กฎหมายระบบจารีตประเพณี
ประเทศอังกฤษ
สหรัฐอเมริกา
แคนาดา
ออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์
อินเดีย
ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร คำพิพากษาของศาลถือเป็นกฎหมาย การพิพากษาคดียึดตามคำพิพากษาเดิม จึงเป็น การพิจารณาคดีเฉพาะเรื่องไปสู่เรื่องทั่วไป (Induction)
ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร หรือระบบประมวลกฎหมาย (Civil law system)
รัฐสภาเป็น ผู้ออกกฎหมาย ศาลต้องพิพากษาตามตัวบทกฎหมาย จึงเป็นการพิจารณาคดีจากหลักเกณฑ์ทั่วไปสู่เฉพาะ เรื่อง (Deduction) และค าพิพากษาของศาลเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้กฎหมาย
ลำดับชั้นหรือศักดิ์ของกฎหมาย
รัฐธรรมนูญ (Constitutional Law)
กฎหมายที่มีศักดิ์สูงสุด กำหนดรูปแบบการ ปกครองประเทศ และวางระเบียบอ านาจสูงสุดของรัฐหรืออำนาจอธิปไตย ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจ บริหาร และอำนาจตุลาการ
พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด และประมวลกฎหมาย
พระราชบัญญัติ (พรบ.) (Act)
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา โดย ผู้ที่สามารถเสนอร่างกฎหมายนี้ คือ คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอผ่านพรรคการเมืองที่ ตนสังกัด
ประมวลกฎหมาย (Code of Law)
เป็นการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายลายลักษณ์ อักษรในเรื่องเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ให้มาอยู่ในหมวดเดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อง่ายต่อการศึกษา ค้นคว้า นำไปประยุกต์ ปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมาย
พระราชกำหนด (Royal Enactment)
เป็นกฎหมายที่รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้แก่ ฝ่ายบริหาร เพื่อออกข้อบังคับในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน อันจะเป็นประโยชน์ในการรักษาความ ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
พระราชกฤษฎีกา (Royal Decree)
เป็นกฎหมายที่กำหนดรายละเอียดที่เป็นหลักย่อยของ พระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ออกโดย ฝ่ายบริหารที่อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติ
กฎกระทรวง (Ministerial Regulation)
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหาร คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ซึ่งออกตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติ
ระเบียบ และข้อบังคับ (Rule/Regulation/Discipline)
กฎหมายที่ออกโดยหัวหน้า หน่วยงานองค์กร ผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารหน่วยงานหรือคณะกรรมการ เพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติงาน โดยอาศัยตามพระราชบัญญัติ
ประกาศและคำสั่ง (Announcement/Command)
เป็นกฎหมายที่ออกโดยหัวหน้า หน่วยงาน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ หรือเพื่อ ปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ
ข้อบังคับท้องถิ่น เป็นกฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
ลักษณะของระบบศาลไทย
ระบบศาลเดี่ยว
เป็นระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาททุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคดี แพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง หรือคดีประเภทอื่นๆ ระบบนี้เป็นระบบที่ใช้กันมากที่สุด ประเทศที่ใช้ระบบนี้ ได้แก่ กลุ่มประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายจารีตประเพณี (Common Law)
สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา
ระบบศาลคู่
เป็นระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทเฉพาะคดีแพ่งและคดีอาญา เท่านั้น
ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
ศาลของประเทศไทย
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอรรถคดีทั่วไป
ศาลยุติธรรม
เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือ กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น
ศาลชั้นต้น
เป็นศาลยุติธรรมที่พิจารณา และชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นแรก เมื่อมีการฟ้องร้องและน าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่ง กรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญาธนบุรี ศาลจังหวัด ศาลแขวง และ ศาลยุติธรรมอื่น
ศาลแพ่ง
ศาลอาญา
ศาลอุทธรณ์
ศาลลำดับที่สูงกว่าศาลชั้นต้น มีองค์คณะ ผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน เพื่อพิจารณาตัดสินคดีที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินแล้ว แต่คู่ความยังต้องการความเป็น ธรรม
ศาลฎีกา
เป็นศาลยุติธรรมสูงสุด มีประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นประมุข ของตุลาการศาลยุติธรรม เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีเพียงศาลเดียวตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร องค์คณะ ผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษา
ศาลปกครอง
เป็นศาลที่ใช้ระบบไต่สวน โดยในแต่ละคดีจะมีการพิจารณาโดยองค์คณะของตุลาการ ต่างจากศาลยุติธรรมซึ่งใช้ระบบกล่าวหา ศาลปกครองมี 2 ชั้น คือ ศาลปกครองชั้นต้น และศาล ปกครองสูงสุด
ศาลทหาร
มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ทหารกองประจำการกระทำผิดตามกฎหมายพระธรรมนูญศาลทหาร
นางสาวสลิลทิพย์ สุวรรณประสิทธิ์ 6001211054 Sec B เลขที่ 45