การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาพุทธ(พุทธศาสนิกชน)
พุทธศาสนา กับความจริงสูงสุด 4 ประการ
กฏไตรลักษณ์
พุทธศาสนิกชน กับ ศีล5
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของพุทธศาสนิกชน
อนิจจัง
ความไม่เที่ยง
ทุกขัง
ความทุกข์ ถูกบีบคั้น ไม่สมอยาก ตั้งอยู่ไม่ได้
อนัตตา
ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง
อริยสัจ4หรือ
หลักปรมัตถธรรม
ทุกข์
ปฏิจจสมุปบาท
นิพพาน
สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะบีบคั้น กดดัน ขัดแย้ง มีความบกพร่อง
สมุทัย
เหตุเกิดแห่งความทุกข์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
นิโรธ
ความดับทุกข์ ดับความอยาก สิ้นราคะตันหา สิ้นโทสะ สิ้นโมหะ เป็นภาวะสงบ ปลอดโปร่ง เบิกบาน
มรรค 8
ตัณหา มี 3ด้าน
กามตัณหา
ภวตัณหา
วิภวตัณหา
ความดับสนิทของตัณหา การสิ้นไปของราคะ โทสะ โมหะ อายตนะ(สิ่ง)สิ่งนั้นมีอยู่ไม่ใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ มิใช่โลกนี้-โลกหน้า มิใช่ดวงอาทิตย์-ดวงจันทร์ ในอายตนะไม่มีไป-มา ไม่มีตั้งอยู่ ไม่มีตาย-เกิด เป็นอสังขตะ คือ ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์
กระบวนธรรมของจิต ในการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์ ใช้ในการปฎิบัติเพื่อการดับไปแห่งทุกข์ หรือจางคลายจากทุกข์ตามควรแห่งฐานะตน เพื่อความสุขจากการพ้นทุกข์
ทางปฎิบัติในการออกจากทุกข์ 8 ประการ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ
สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ
สัมมาทิฏฐิ
มีความคิดถูกต้อง คู่กับสัมมาทิฏฐิ
ควบคุมวาจาของตน ไม่กล่าวเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย
การประพฤติที่ถูกต้อง รักษากริยาทางกายไม่ทำร้ายทำลายชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยไม่ฉ้อโกง
ประกอบอาชีพทางสุจริต เว้นจากการค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ ยาพิษ เนื้อ สุรา ไม่ขมขู่
การรู้สึกตัวอยู่เสมอ ใจมีสติกำกับ กำหนดการเคลื่อนไหวของกาย กำหนดที่ความรู้สึกเวทนา เจ็บ กำหนดความนึกคิด
พยายามที่จะหยุดความคิดที่ชั่ว ควบคุมตนเอง มีวินัยในตนเอง
การที่จิตใจสงบ มีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน
ศีลข้อ2 อทินนาทานา เวรมณี
งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
ศีลข้อ3 กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ศีลข้อ4 มุสาวาทา เวรมณี
งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
ศีลข้อ5 สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี
งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย
การดูแลร่างกาย
การดูแลจิตใจ
การดูแลจิตวิญญาณ
การดูแลด้านสังคม
หมอชีวกโกมารภัจจ์ ดูแลให้พระพุทธเจ้าเสวยยาคู ปรุงงา ข้าวสาร
ถั่วเขียว และให้ทรงสรงน้ำร้อนละลายด้วยน้ำอ้อย
พระพุทธเจ้าทรงฟังพระมหาจุนทะสาธยาย โพชฌค์ที่เวฬุวัน แล้วหายจากอาการประชวร
ในพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักที่เวฬุคาม เมืองเวสาลี เมื่อใกล้จะปรินิพพาน ทรงมีประสติสัมปชัญญะ ไม่พรั่นพรึง
อัครสาวกของพระพุทธเจ้า คือพระโมกคัลลานะ ดูแลรักษาพระสารีบุตร
ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี
งดเว้นจากการทำชืวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
หมายถึง ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง คล่องแคล่ว มีกำลัง ไม่มีโรค ไม่พิการ
หมายถึง จิตใจที่มีความสุข รื่นเริง ไม่มีความเครียด มีสติสัมปชัญญะ
เป็นความสุขที่เกิดจากการเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจความจริงแห่งชีวิตและสรรพสิ่ง จนเกิดความรอบรู้
หมายถึง ความสามารถในการอยู่ร่วมกันในสังคม มีความสุข สันติภาพ
มีความเห็นถูกต้อง ความไม่รู้ก่อให้เกิดความเห็นผิด
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคองแนวทางพุทธศาสน์ ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
กรรมอารมณ์
กรรมนิมิต
คตินิมิตร
อารมณ์ของกรรมที่บุคคลได้กระทำไว้แล้ว ดีก็ตามไม่ดีก็ตาม เวลาใกล้จะดับจิตอารมณ์อันนั้นจะมาปรากฏทางด้านจิตใจของผู้ใกล้จะตาย
เครื่องหมายของกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว ดีก็ตามไม่ดีก็ตาม เวลาใกล้จะดับจิตกรรมดีและกรรมชั่วที่ได้กระทำไว้จะมาปรากฏให้เห็นในเวลาใกล้จะตาย
เครื่องหมายของภพภูมิที่จะเกิด มาปรากฏให้เห็นในเวลาใกล้จะตายถ้าจะไปเกิดในอบายภูมิมี นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน จะต้องเห็นเครื่องหมายที่จะไปเกิด เข่น เห็นกระทะทองแดง เห็นเหว เห็นหอก เห็นดาบ เห็นป่าไม้ เห็นภูเขาเหล่านี้หมายถึงอบายภูมิที่จะไปเกิด
แต่ถ้าจะไปเกิดเป็นมนุษย์ ต้องเห็นมารดา ถ้าไปเกิดเป็นเทวดา
ก็เห็นประสาท เห็นวิมาน
หลัก7ประการของการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้าย
การให้ความรัก ความเข้าใจ ผู้ป่วยใกล้ตายมักจะมีความกลัวหลายอย่าง เช่น กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวตายคนเดียว
ช่วยให้เขายอมรับความตายที่จะมาถึง การพูดให้เขายอมรับความตาย
ช่วยให้เขาจดจ่อสิ่งที่ดีงาม
ช่วยให้เขาปลดเปลืองเรื่องที่ค้างคาใจ อาจหมายถึง การแบ่งมรดก ความโกรธแค้น ความรู้สึกผิด
ช่วยปล่อยวางสิ่งต่างๆ แม้บางคนอาจไม่มีสิ่งค้างคาใจที่เป็นกุศล แต่ก็ต้องปล่อยวางทุกสิ่งเช่นกัน
สร้างบรรยากาศ เช่น การนำพระพุทธรูปที่เขานับถือมาให้บูชา หรือบรรยากาศที่ญาติมิตรพร้อมเพรียงกันช่วยกันสวดมนต์ ทำสมาธิ
กล่าวคำอำลา หากเขาคิดว่าจะอยู่กับเราได้ไม่นาน
วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องต่อความตายทางพระพุทธศาสนา
ขั้นที่1 มนุษย์ปุถุชนทั่วไป คือปุถุชนที่ยังไม่มีการศึกษาจะระลึกถึงความตายด้วยความหวาดหวั่น เศร้า หดหู่
ขั้นที่2 สูงขึ้นไป เป็นบุคคลที่มีการศึกษาจะระลึกถึงความตายเป็นอนุสติ สำหรับเตือนใจไม่ให้ประมาท เร่งขวนขวายปฏิบัติ ประกอบหน้าที่คุณงามความดีให้ชีวิตมีประโยชน์มีคุณค่า
ขั้นที่3 คือรู้ให้เท่าทันความตาย มีใจปลอดโปร่ง โล่ง สบายและเป็นอยู่ด้วยปัญญาที่กระทำไปตามเหตุผล ด้วยความรู้เท่าทันเหตุปัจจัย