Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่8, นางสาวเณสรา คามจังหาร 6001211078 เลขที่ 50 Sec.A - Coggle Diagram
บทที่8
8.1 การแจ้งข่าวร้าย (Breaking a bad news)
ข่าวร้าย
หมายถึง ข้อมูลที่ทำให้เกิดความรู้สึกหมดความหวัง
มีผลกระทบต่อความรู้สึก การดำเนินชีวิต
และอนาคตของบุคคลนั้น
การลุกลามของโรคไม่ตอบสนองต่อการรักษา
การกลับเป็นซ้ำของโรค
ความพิการ
การสูญเสียภาพลักษณ์ของตัวเอง
การเป็นโรครุนแรงหรือรักษาไม่หาย
การเสียชีวิต
ผู้แจ้งข่าวร้าย
เนื่องจากมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและญาติ
มีความเครียด สับสน กังวลใจ
บั่นทอนทำลายความหวัง
กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้รักษากับผู้ป่วย
เป็นประเด็นด้านกฎหมายและจริยธรรม เมื่อแจ้งข่าวร้าย
แล้วอาจมีปฏิกิริยาที่ไม่สามารถคาดเดาของผู้ป่วยและญาติ
การแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ป่วยหรือญาติจึงเป็นหน้าที่สำคัญของแพทย์
ปฏิกิริยาจากการรับรู้ข่าวร้าย
ระยะปฏิเสธ (Denial)
เป็นระยะแรกหลังจากผู้ป่วยและญาติรับทราบข้อมูล
จะรู้สึกตกใจ ช็อคและปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้
ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับความจริง ไม่เชื่อผลการรักษา
และอาจขอย้ายสถานที่รักษา
ระยะโกรธ (Anger)
ความโกรธเป็นภาวะธรรมชาติและเป็นการเยียวยาความ
รู้สึกที่เกิดจากสูญเสีย หรือข่าวร้ายที่ได้รับ
ระยะต่อรอง (Bargaining)
เป็นระยะที่ต่อรองความผิดหวังหรือข่าวร้ายที่ได้รับ
การต่อรองมักจะแฝงด้วยความรู้สึกผิดไว้ด้วย
ระยะซึมเศร้า (Depression)
เมื่อผ่านระยะปฏิเสธ เสียใจ หรือระยะต่อรองไปสักระยะ
ผู้ป่วยและญาติจะเริ่มรับรู้ว่าสถานการณ์ที่
เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกซึมเศร้าจะเริ่มเกิดขึ้น
ระยะยอมรับ (Acceptance)
เป็นปฏิกิริยาระยะสุดท้าย เริ่มยอมรับสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง
อารมณ์เจ็บปวดหรือซึมเศร้าดีขึ้น และมองเหตุการณ์อย่างพิจารณามากขึ้น
บทบาทพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัว
รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ เห็นใจ
เปิดโอกาสให้ได้ซักถามข้อสงสัย
ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจ
ให้ผ่านระยะเครียดและวิตกกังวล
ในระยะโกรธ ควรยอมรับพฤติกรรมทางลบของผู้ป่วย
และญาติโดยไม่ตัดสิน ให้โอกาสในการระบายความรู้สึก
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินโรค
แนวทางการรักษา
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
สะท้อนคิดให้ครอบครัวค้นหาเป้าหมายใหม่ในชีวิตอย่างมีความหมาย
จัดการกับอาการที่รบกวนผู้ป่วย
เพื่อให้ได้รับความสุขสบาย ควบคุมความปวด
ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยและญาติ
ทำหน้าที่แทนผู้ป่วยในการเรียกร้อง ปกป้องผู้ป่วย
ให้ได้รับประโยชน์ และปกป้องศักดิ์ศีรความเป็นมนุษย
ให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการรักษา
ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาตามความเชื่อ
ให้การช่วยเหลือในการจัดการสิ่งที่ค้างคาในใจ
8.2 ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต
และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตหรือไอซียู เป็นหอผู้ป่วยที่มี
ศักยภาพสูงในการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤต
มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
ผู้ป่วยและญาติ รวมทั้งทีมสุขภาพล้วนมีจุดมุ่งหมาย
ในการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยรอดพ้นภาวะวิกฤต
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต
(End of life care in ICU)
วิธีการดูแลที่มุ่งเน้นเป้าหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต
ให้ผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวคุกคามต่อชีวิต
palliative care
เป็นการยอมรับสภาวะที่เกิดขึ้น และยอมให้ผู้ป่วยเสียชีวิตตามธรรมชาติ
เป็นกระบวนการดูแลผู้ป่วยและตั้งเป้าหมายของการดูแลตั้งแต่วันแรก สนับสนุนให้มีการทำ Family meeting
ข้อสังเกต
มีการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตน้อยกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่สุขสบายและไม่ได้รับการจัดการ
อย่างเหมาะสมมากกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
มีการสื่อสารในหัวข้อแผนการรักษาน้อยกว่าผู้ป่วยอื่นในโรงพยาบาล
ความแตกต่างระหว่างการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย
ในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและทั่วไป
Professional culture
ทีมสุขภาพจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ป่วยรอดชีวิต
ความคาดหวังของผู้ป่วยและครอบครัว
มีความคาดหวังสูงที่จะดีขึ้นจากภาวการณ์เจ็บป่วยที่รุนแรง
ความไม่แน่นอนของอาการ
Multidisciplinary team
แพทย์แต่ละสาขามุ่งเน้นในการรักษาอวัยวะที่ตนรับผิดชอบ
อาจทำให้ไม่ได้มองผู้ป่วยแบบองค์รวม
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติมีอาการไม่สุขสบายหลายอย่างและมีแนวโน้มถูกละเลย
ทรัพยากรมีจำกัด
สิ่งแวดล้อมในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
องค์ประกอบของการดูแลผู้ป่วย
ระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
การสื่อสาร
หลีกเลี่ยงคำศัพท์แพทย์
ให้เกียรติครอบครัวโดยการฟังอย่างตั้งใจ
และให้เสนอความคิดเห็น
ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกครั้งที่พูดคุยกับครอบครัว
มีความเห็นใจครอบครัวที่ต้องประเชิญเหตุการณ์นี้
ควรมีแผ่นพับแนะนำครอบครัวถึงการเตรียมตัว
ก่อนทำการประชุมครอบครัว
บทสนทนาควรเน้นที่ตัวตนของผู้ป่วยมากกว่าโรค
บอกการพยากรณ์โรคที่ตรงจริงที่สุด
ปล่อยให้มีช่วงเงียบ
เนื้อหาที่จะพูดคุยนั้นอาจแบ่งตามช่วงเวลา
การจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
การวางแผนหรือการตั้งเป้าหมายการรักษา
แพทย์และทีมสุขภาพ มีบทบาทอย่างมาก เป็นบุคคลสำคัญ
ที่จะช่วยทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จโดยหัวใจสำคัญของการวางแผนการรักษา
ทักษะการสื่อสาร
การพยากรณ์โรค (prognostication)
เป้าหมายในการรักษา อาจจะเป็นได้ในหลายรูปแบบ
มุ่งเน้นให้สุขสบาย
ทำทุกอย่างเต็มที่
ลองทำดูก่อน และถ้าตอบสนองไม่ดี
อาจพิจารณายุติการรักษาบางอย่าง
การทำประชุมครอบครัวทุกครั้ง ควรมีการบันทึกไว้
เพื่อเป็นหลักฐานทางการแพทย์
ข้อควรระวัง
การพยากรณ์โรคแบบไม่มีอคติ (bias)
การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต
(manage dying patient)
หากมีเวลาเตรียมตัวก่อนเสียชีวิตหลายวัน
อาจพิจารณาย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยที่ญาติสามารถ
เข้าเยี่ยมได้ใกล้ชิด สงบ และมีความเป็นส่วนตัว
แต่ในกรณีที่การเสียชีวิตอาจเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน
ทีมสุขภาพสามารถจัดสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยวิกฤติให้สงบที่สุด
การดูแลจิตใจครอบครัวผู้ป่วยต่อเนื่อง
(bereavement care)
หลังจากที่ผู้ป่วยเสียชีวิตไปแล้วทีมสุขภาพ
อาจทำการแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย
ไม่ควรพูดคำบางคำ เช่น “ไม่เป็นไร” “ไม่ต้องร้องไห้”
การสื่อสารที่ดี และดูแลช่วงใกล้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิด
สามารถช่วยลดการเกิดความเครียดจากการสูญเสียคนรักได้
หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง
ใช้หลักการ ABCD
Behavior การปฏิบัติต่อผู้ป่วยและญาติ
ควรปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ทั้งวัจนะ และอวัจนะภาษา
Compassion มีความปรารถนาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและญาติไม่ทุกข์ทรมาน
Attitude ทัศนคติของทีมสุขภาพอาจส่งผลต่อการปฏิบัติงาน
Dialogue เนื้อหาของบทสนทนาควรมุ่งเน้นที่ตัวตนของผู้ป่วย
การสื่อสาร
การประเมินความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว
การจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
ข้อดี
ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการดูแลแบบ palliative care
ข้อจำกัด
รูปแบบการดูแลแบบนี้ยังไม่มีหลักฐาน
ว่าสามารถลดอัตราการครองเตียงได้
การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้น ๆ
มาร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์
ข้อดี
ลดการรักษาที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
สามารถลดการเกิดปัญหาระหว่างทีมสุขภาพกับครอบครัวได้
สามารถลดอัตราการครองเตียงในไอซียูได้
ลดการเกิด “ICU strain” หรือ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานในไอซียู
ทีม palliative care เป็นทีมที่ชำนาญมีความรู้
เป็นประโยชน์ต่อการดูแลต่อเนื่องหลังจากออกจากไอซียู
ข้อจำกัด
ทีม palliative care อาจไม่ได้มีทุกโรงพยาบาล
บางครั้งยังก่อให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ร่วมงานกันเอง
เนื่องจากไอซียูแต่ละโรงพยาบาลมีผู้ป่วยที่เข้ารักษา
รวมทั้งทรัพยากรแตกต่างกันไป
แบบผสมผสาน
แพทย์เวชบำบัดวิกฤตมีความรู้ความสามารถในการดูแล
แบบ palliative care ให้กับผู้ป่วยทุกคน
นางสาวเณสรา คามจังหาร 6001211078 เลขที่ 50 Sec.A