Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยการเรียนรูัที่ 3 การรักษาเบื้องต้นในกลุ่มอาการที่พบบ่อย…
หน่วยการเรียนรูัที่ 3 การรักษาเบื้องต้นในกลุ่มอาการที่พบบ่อย (เรื่องกลุ่มอาการอื่นๆ ที่พบบ่อย ) นางสาวสุพัตรา ปุริจันทร์ รหัส601410053-6
อาการซีด(pallor)
หมายถึง อาการที่สีของผิวหนัง (หน้า ริมฝีปาก ลิ้น เล็บ มือ เท้า ที่ด้านในของเปลือกตา หรือที่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกายที่สามารถมองเห็นได้) ดูจางลง เนื่องจากไม่มีเลือดฝาด
อาการซีดจึงเป็นอาการที่วินิจฉัยได้ไม่ยาก เพราะอาศัยการดูความเข้มของสี (เลือด) ของผิวในบริเวณต่างๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นด้วยตาเปล่าแล้วเปรียบเทียบกับคนทั่วไป อาการซีดเนื่องจากไม่มีเลือดฝาด
-
-
อาการซีดจากโรคโลหิตจาง
การเสียเลือด
การเสียเลือดอย่างรวดเร็ว เช่น การตกเลือด เนื่องจากถูกแทง ถูกยิง หรือมีบาดแผล การตกเลือดจากแผลในกระเพาะ ลำไส้ การตกเลือดจากการคลอดหรือแท้งบุตร เป็นต้น
การเสียเลือดอย่างเรื้อรัง เช่นการเสียเลือดทางประจำเดือนในหญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกคน ทำให้เกิดโรคเลือดจางได้
โรคพยาธิลำไส้ เช่น โรคพยาธิปากขอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโรคเลือดจางในคนชนบทในเมืองไทย
. การทำลายเม็ดเลือดแดง
โรคไข้มาลาเรีย เกิดจากพยาธิมาลาเรียที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง ทำลายเม็ดเลือดแดง แล้วกระจายเข้าสู่กระแสเลือด
-
-
-
-
-
การวินิจฉัย
-
-
การตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น ตรวจอุจจาระ ปัสสาวะ เอกซเรย์ เจาะไขกระดูก ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารหรือลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
-
-
-
อ่อนเพลียเป็นความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย, เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหรือขาดพลังงาน
สาเหตุ
-
-
-
Sleep disorders such as ongoing insomnia , obstructive sleep apnea , or narcolepsy หลับผิดปกติเช่นนอนไม่หลับ หยุดหายใจขณะหลับอุดกั้น
-
-
-
-
-
ปวดกล้ามเนื้อ
-
นิยามของโรคนี้ คือ กลุ่มอาการปวดจากปมกล้ามเนื้อหดตัวซึ่งเป็นบริเวณที่ขาดเลือดไปเลี้ยงและแสดงอาการปวดออกมาเฉพาะแบบตามแต่กล้ามเนื้อนั้นๆ และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการชา รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ตาแดง น้ำตาไหล
สาเหตุ
-
-
การออกแรงอย่างหนักของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการคั่งของกรดแล็กติก ทำให้กล้ามเนื้อล้าและปวด อาการปวดจะกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกร็งแข็งโดยอัตโนมัติ (muscle spasm)
ปัจจัยกระตุ้น
การบาดเจ็บรุนแรงเฉียบพลัน (Macrotrauma) เช่น อุบัติเหตุศีรษะกระแทก ทำให้กล้ามเนื้อคอ บ่าไหล่หดเกร็ง หันคอไม่สุด รู้สึกมึนและวิงเวียนศีรษะ
การบาดเจ็บไม่รุนแรงแต่เรื้อรัง (Microtrauma) เช่น อยู่ในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน (เกร็งยักบ่าไหล่ ห่อไหล่) ยกของผิดท่า
ความเครียด (Psychological stress) และความเร่งรีบในการทำงาน
โรคเรื้อรังต่างๆ (Chronic illness) เช่น หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังคด
การวินิจฉัย
กดเจ็บเฉพาะที่ (Regional pain) และแสดงอาการปวดร้าวไปตามอาการที่ปรากฏ (Reproducible refer pain) จำกัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ก่ออาการนั้นๆ
วิธีการรักษา
กำจัดปมกล้ามเนื้อที่หดเกร็งที่เกิดขึ้น ได้แก่การยืดกล้ามเนื้อ -การนวด -การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ -การใช้เข็มคลายกล้ามเนื้อ -การฉีดยาชาเฉพาะจุดไปที่บริเวณกล้ามเนื้อหดเกร็ง
-
-
-
-
โรคปวดข้อ
โรคข้อเสื่อม
เป็นความผิดปกติของข้อที่พบได้บ่อยในช่วงเข้าสู่วัยกลางคนและพบได้เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะของโรคเกิดจากกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายลงอย่างช้าๆจนเป็นเหตุให้มีการ เปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของข้อ
-
-
โรคของเนื้อเยื่อรอบข้อ
บางครั้งถุง เบอร์ซ่า เส้นเอ็นใกล้ข้อตลอดจนปลอกหุ้มข้อก็เกิดการอักเสบ ทำให้เจ็บปวดขึ้นได้ ถุงเบอร์ซ่าเป็นถุงเยื่อบางๆ ที่ทำหน้าที่ให้เส้นเอ็นที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ข้อ ไม่มีการเสียดสีกับข้อ และกระดูก ถุงเบอร์ซ่าอาจจะมีผลึกหินปูนมาพอกอยู่ บางครั้งก็เกิดการอักเสบ จนเจ็บปวด และเคลื่อนไหวข้อไม่สะดวก บริเวณที่ปวดมักจะเป็นหัวไหล่ ตะโพก และส้นเท้า รักษาได้โดยลดการเจ็บปวดด้วยยา
โรคเส้นเอ็นเสื่อม
เส้นเอ็นเมื่อใช้งานมานานๆ ก็เสื่อมสภาพได้ แล้วก็จะมีหินปูนมาจับเกาะอยู่ที่เส้นเอ็น เช่น ข้อศอกเทนนิส(Tennis Elbow)
คนไข้สูงอายุใช้ข้อมือบ่อย ทำให้เป็นเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ในคนที่เป็นเบาหวานพบว่ามีเส้นเอ็นนิ้วมืออักเสบชนิดมีพังผืดรัดได้บ่อย ทำให้นิ้วมือดีดเด้งได้ (Trigger finger) การรักษาใช้วิธีฉีดยาเป็นส่วนใหญ่ เพราะกินยาแล้วไม่ค่อยได้ผลแล้วยังมีผลข้างเคียงแถมมาอีก ปัจจุบันไม่นิยมผ่าตัดถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
โรคเก๊าต์
-
โรคเก๊าต์เทียม
เป็นโรคข้ออักเสบจากผลึกเกลือชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Calcium pyrophosphate dihydrate สามารถก่อให้เกิดการอักเสบเลียนแบบโรคเก๊าท์แท้ได้ จึงเรียกว่าโรคเก๊าท์เทียม
-
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติ ของระบบภูมิคุมกันของร่างกาย โดยมีการหลั่งสารออกมาทำลายเยื่อบุข้อ ทำให้เยื่อบุข้อมีการอักเสบหนาตัวขึ้น มีการสร้างน้ำไขข้อเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการปวด บวม แดงร้อนที่ข้อและข้อฝืดแข็ง
ภาวะบวม (Edema)
-
Oncotic Presssure หรือแรงดูดกลับ คือ แรงที่ทำหน้าที่ในการดึงดูดน้ำไว้ภายในหลอดเลือด แรงนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโปรตีนภายในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัลบูมิน (Albumin)
อาการบวมสารน้ำ หมายถึง ภาวะที่มีสารน้ำขังอยู่ในช่องว่างระหว่างเซลล์ (interstitial tissue) จนเกิดอาการบวมให้เห็นทางภายนอก โดยเกิดจากความผิดปกติของกลไกการควบคุมแรงดันในร่างกายที่มีอยู่ 2 ระบบ
-
โรคไต
โรคไตบางชนิดมีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในส่วนที่ทำหน้าที่กรองเลือด ทำให้โปรตีนในเลือดหรืออัลบูมินรั่วออกทางปัสสาวะ เมื่อโปรตีนในเลือดต่ำลงจะทำให้เกิดอาการบวม
การบวมในผู้ป่วยโรคหัวใจโดยมากมักเกิดจากการที่หัวใจห้องขวาล่างทำงานลดลง ทำให้เลือดจากขาไม่สามารถไหลเข้าสู่หัวใจด้านขวาได้สะดวก
โรคตับ
ตับแข็ง เริ่มแรกจะมีอาการอ่อนเพลีย มีไข้ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และดีซ่าน ต่อมาจึงมีอาการบวมที่เท้าและขาทั้งสองข้าง และมีอาการท้องบวมโตกว่าปกติหรือที่เรียกว่า ท้องมาน เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่สร้างโปรตีนตัวสำคัญคืออัลบูมิน เมื่อไม่สามารถสร้างอัลบูมินได้ ก็ขาดตัวดูดกลับหรือ Oncotic Presssure ลดลง ทำให้มีสารน้ำจำนวนมากคั่งในร่างกาย
โรคเท้าช้าง
อาการในระยะแรก ผู้ป่วยอาจมีไข้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อม และ ท่อน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ขาหนีบ หรืออัณฑะ เนื่องจากพยาธิตัวแก่ที่อยู่ในท่อน้ำเหลืองสร้างความระคายเคืองแก่เนื้อ เยื่อภายใน รวมทั้งมีการปล่อยสารพิษออกมาด้วย อาการอักเสบจะเป็นๆ หายๆ อยู่เช่นนี้ และจะกระตุ้นให้เกิดอาการบวม
อาการขาโตเกิดจากการที่มีพยาธิโรคเท้าช้างตัวแก่ที่ตายแล้วหรือยังมีชีวิต อยู่ได้เข้าไปอุดตันท่อน้ำเหลือง ทำให้เกิดการระคายเคืองในท่อน้ำเหลือง รวมทั้งปล่อยสารพิษที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ
-