Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาพุทธ - Coggle Diagram
การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาพุทธ
พุทธศาสนากับความจริงสูงสุด4 ประการ
อริยสัจ 4
ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
สมุทัย คือ เหตุเกิดแห่งทุกข์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ดับความอยาก
ทุกข์ คือ สภาพิที่ทนได้ยากภาวะบีบคั้นกดดันขัดแย้ง
มรรค คือ ทางปฏิบัติตนในการออกจากทุกข์ 8ประการ
ประกอบด้วย
สัมมาวาจา ควบคมวาจาของตนไม่กล่าวเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ
สัมมาสังกัปปะ มีความคิดถูกต้อง คู่กับสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง ความไม่รู้ก่อให้เกิดความเห็นผิด
สัมมากัมมันตะ การประพฤติที่ถูกต้อง
สัมมาวายามะ พยายามที่จะหยุดความคิดที่ชั่ว ควบคุมตนเอง มีวินัยในตนเอง ไม่ปลุกเร้าและหยุดอกุศลวิตก
สัมมาสติ การรู้สึกตัวอยู่เสมอ
สัมมาอาชีวะ ประกอบอาชีพในทางสุจริต
สัมมาสมาธิการที่จิตใจสงบ มีอารมณ์เดียวไม่ฟุ้งซ่านพร้อมที่จะพินจารณาสัจภาวะ
ปฏิจจสมุปบาท
กฏไตรลักษณ์
ประกอบด้วย
ทุกขัง คือ ความทุกข์ถูกบีบคั้นไม่สมอยากตั้งอยู่ไม่ได
อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตนที่เเท้จริง
อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง
นิพพาน
มีเนื้อหาดังนี้
ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง สิ้นตัณหา
อสังขตธรรม เป็นการสิ้นไปแห่ง ราคะ โทสะ โมหะ
เป็นความดับสนิทของตัณหา ปล่อยวาง สลัดทิ้งโดยสิ้นเชิงซึ่งตัณหา
ความคลายกำหนัด กำจัดความเมา ความกระหาย ก่อนเสียชื่อ ความอาลัย
อายตนะ (สิ่ง) สิ่งนั้นมีอยู่ไม่ใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ มิใช่โลกนี้-โลกหน้า มิใช่อาทิตย์-ดวงจันทร์ ในอายตนะไม่มีไป-มา ไม่มีตั้งอยู่ ไม่มีเกิด-ตาย เป็นอสังขตะ คือ ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคองแนวทางพุทธศาสนา
ก่อนจิตจะดับนั้น ต้องมีอารมณ์ อย่างใดหนึ่ง คือ
กรรมนิมิต
คือเครื่องหมายของกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว ดีก็ตาม ไม่ดีก็ตาม ในเวลาใกล้จะดับจิตกรรมดีและกรรมชั่วที่ได้กระทำไว้แล้วนั้นแหละ
คตินิมิต
หมายถึงเครื่องหมายของภพภูมิที่จะเกิด มาปรากฏให้เห็น ในเวลาเมื่อใกล้จะตาย ถ้าจะไปเกิดในอบายภูมิมี นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน จะต้องเห็นเครื่องหมายที่จะไปเกิด
กรรมอารมณ์
คือ อารมณ์ของกรรมที่บุคคลได้กระทำไว้แล้ว ดีก็ตามไม่ดีก็ตาม เวลาใกล้จะดับจิตอารมณ์อันนั้นแหละจะมาปรากฏทางด้านจิตใจของผู้ใกล้จะตาย
ความตายตามแนวทางพุทธศาสนา มีความเข้าใจ ดังนี้
ความตายเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
ความตายเป็นทั้งวิกฤตและโอกาส กล่าวคือ เป็นวิกฤตทางกาย และเป็นโอกาสทางจิตวิญญาณ
ความตายเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ทางพุทธศาสนากล่าวว่า “มีสิ่งหนึ่งที่สืบเนื่องต่อไปจากความตาย อาจเป็นชีวิตใหม่ ภพใหม่”
ความตายมีทั้งมิติทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ ในทางพุทธศาสนา ถือว่าการหมดลมหายใจเป็นเพียงการตายทางกายภาพ แต่ยังไม่นับว่ากระบวนการตายสิ้นสุดลง เพราะจิตยังทำงานอยู่
ความตายเป็นทั้งความแน่นอน และความไม่แน่นอนไปพร้อม ๆ กันที่แน่นอนคือ ทุกคนต้องตาย แต่ที่ไม่แน่นอน คือ ไม่ทราบว่าจะตายเมื่อไร ที่ไหน ด้วยโรคอะไร
การประคองรักษาจิตให้สงบเป็นปกติท่ามกลางสภาพความเจ็บป่วยทุกข์ทรมานนั้นเป็นไปได้โดยผู้ป่วยสามารถฝึกจิตเองหรืออาจอาศัยสภาพแวดล้อมช่วย
การตายที่ดีทางพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตายอย่างไร สภาพแบบไหน แต่อยู่ที่สภาพจิตก่อนตายว่าเป็นอย่างไร ให้ระลึกถึงสิ่งที่ดี
หลัก 7 ประการของการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยระยะท้าย
ช่วยให้เขาจดจ่อในสิ่งที่ดีงาม
ช่วยให้เขาปลดเปลื้องสิ่งค้างคาใจ
ช่วยให้เขายอมรับความตายที่จะมาถึงการพูดให้เขายอมรับความตายที่จะมาถึง
ช่วยปล่อยว่างสิ่งต่าง ๆ
การให้ความรัก ความเข้าใจ
สร้างบรรยากาศที่เอื้อให้ใจสงบ
กล่าวคำอำลา หากเขาคิดว่าจะอยู่กับเราได้ไม่นาน ก็ควรกล่าวคำอำลา อาจพูดขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เขาทำให้กับทุกคน หรือแนะนำให้เขาปล่อยวาง
วัตถุประสงค์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ทำกิจวัตรสำคัญเท่าที่ทำได้
เป็นตัวของตัวเอง
ลดความทุกข์ทรมาน
อยู่อย่างมีคุณค่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต
วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องต่อความตาย
ขั้นที่ 2 สูงขึ้นไป เป็นอริยสาวกผู้มีการศึกษาได้สดับแล้วก็ระลึกถึงความตายเป็นอนุสติ สำหรับเตือนใจไม่ให้ประมาท
ขั้นที่ 3 คือให้รู้เท่าทันความตาย ซึ่งมีคติเนื่องอยู่ในธรรมดาจะได้ชีวิตที่ปราศจากความทุกข์ ไม่ถูกบีบคั้นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นกลัวต่อความพลัดพราก
ขั้นที่ 1 มนุษย์ปุถุชนทั่วไป ท่านว่าเป็นปุถุชนที่ยังมิได้สดับคือยังไม่มีการศึกษาก็ระลึกถึงความตายด้วยความหวาดหวั่นพรั่นกลัว เศร้าหดหู่ท้อแท้ ระย่อท้อถอย
การพยาบาลผู้ป่วยในวาระสุดท้ายของชีวิต
การพยาบาลด้านจิตใจและจิตวิญญาณ
เมื่อคนป่วยหนักใกล้ตายยิ่งต้องการประคับประคองใจอย่างมาก สิ่งที่คนใกล้ตายกลัวมากที่สุดคือ การถูกทอดทิ้ง การอยู่อย่างโดดเดี่ยว และสิ่งที่ต้องการ คือมีความต้องการใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ
การพยาบาลด้านร่างกาย
เมื่อคนใกล้ตายความอ่อนเพลียเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ แต่ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใด ๆ ควรให้ผู้ป่วยในระยะนี้พักผ่อนให้เต็มที่
การนำผลการปฏิบัติศีล 5 มาเป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพ
ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
ตามความเชื่อและความศรัทธาของผู้ที่นิยมบริโภคอาหารเจ กล่าวว่า “กินผักกินไม้หยุดทำลายชีวิตสัตว์”
ศีลข้อ 2 อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
การไม่ต้องการอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน ส่งผลให้เกิดความเครียด ซึ่งความเครียดส่งผลให้ เกิดการเจ็บป่วยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อาจถึงขั้นร้ายแรง คือ ต้องรับโทษทางกฎหมาย หรือเครียดจนเกิดโรคทางจิตเวช
ศีลข้อ 3 กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ผู้ที่ประพฤติผิดศีธรรมในกาม หมายถึง ผู้ที่รักร่วมเพศ รักเพศเดียวกัน มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ก็ส่งผลให้เกิดโรคติดต่อต่าง ๆ ได้
ศีลข้อ 5 สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและสิ่งเสพติด
เมื่อดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอออล์ มีผลร้ายต่อสุขภาพของตนเอง
การเกิดโรคมะเร็งปอดที่มีสาเหตุมาจากการเป็นผู้สูบบุหรี่มือสอง คือ การได้รับจากผู้สูบมือหนึ่งที่เป็นคนใกล้เคียง และสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลภาวะ (pollution environment) ของระบบทางเดินหายใจ
ศีลข้อ 4 มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
การโกหก พูดไม่จริง เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่ได้รับข้อเท็จจริง
พุทธศาสน์กับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
พระพุทธเจ้ากับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ประกอบด้วย
การดูแลรักษาด้านจิตวิญญาณ
ในพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักที่เวฬุคาม เมืองเวสาลี เมื่อใกล้จะปรินิพพานทรงมีพระสติสัมปชัญญะไม่พรั่นพรึง
การดูแลรักษาด้านสังคม
อัครสาวกของพระพุทธเจ้า คือพระโมกคัลลานะ ดูแลรักษาพระสารีบุตร
การดูเเลรักษาด้านจิตใจ
พระพุทธเจ้าทรงฟังพระมหาจุนทะสาธยาย โพชฌงค์ที่เวฬุวัน แล้วหายจากอาการประชวร
การดูแลรักษาด้านร่างกาย
หมอชีวกโกมารภัจจ์ดูแลให้พระพุทธเจ้าเสวยยาคู ปรุงงา ข้างสาร ถั่วเขียว และให้ทรงสรงน้าร้อนละลายด้วยน้าอ้อย