Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ใช้ในระบบประสาทอัติโนมัติ - Coggle Diagram
ยาที่ใช้ในระบบประสาทอัติโนมัติ
ระบบประสาทอัติโนมัติ
เป็นระบบประสาทที่อยู่นอกอำนาจการควบคุมจิตใจ
การทำงานของระบบประสาทอัติโนมัติ
ควบคุมอวัยวะภายในโดยประสานการทำงานร่วมของANS
1.ระบบประสาทซิมพาเทติก
ทำงานเพื่อให้สามารถ"ต่อสู่หรือถอยหนี"
2.ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
เปรียบเสมือนการชะลอหรือห้ามระบบ"เพื่อให้พักผ่อนหรือย่อยอาหาร"
สารสื่อประสาทและตัวรับในระบบประสาทอัติโนมัติ
1.สารสื่อประสาทในระบบประสาทซิมพาเทติก
เรียกว่าAdrenergicagents
2.สารสื่อประสาทในระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
เรียกว่าCholinergicagents
3.สารสื่อระบบประสาทในระบบโซมาติก
มีเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อลายซึ่งหลั่งAchออกฤทธิ์ที่Nicotinicreceptorsกล้ามเนื้อลาย
การแบ่งประเภทของAdrenergic receptors
α1
พบที่
กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด
ทางเดินปัสสาวะ
มดลูกทำให้เกิดตอบสนองแบบหดตัว
ยกเว้นทางเดินอาหารทำให้เกิดการยับยั้งเคลื่อนไหว
α2
พบที่
ปลายระบบประสาทซิมพาเทติกที่เนื้อเยื่อต่างๆ
สมองจะยับยั้งการหลั่งNE
β1
พบที่
หัวใจ
β2
พบที่
กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด
หลอดลม
ทางเดินปัสสาวะ
มดลูก
β3
พบที่
เซลล์ไขมัน
การแบ่งประเภทของCholinergic receptor
Nicotinic receptor
พบที่ปมประสาท
2.ตัวรับMuscarinic
M1
พบที่สมอง
Peripheral neuron
Gastric parietal
M2
พบที่หัวใจและบางส่วนของPeripheral neuron
M3
พบ
ตามต่อมมีท่อต่างๆ
กล้ามเนื้อเรียบของทางเดินอาหาร
ทางเดินหายใจ
M4
พบที่ระบบประสาท
M5
พบที่Dopamine neuron
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทอัติโนมัติ
1.ยาโคลิเนอร์จิก
ออกฤทธิ์คล้ายการกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
เอนไซม์ทำลายAch
1.1สารโคลิเนอร์จิกออกฤทธิ์โดยตรง
ได้แก่
Ach
สารสังเคราะห์cholineester
Achจัดเป็นยาต้นแบบแต่ไม่สามารถนำมารักษาเพราะฤทธิ์กระจายมากและออกฤทธิ์สั้น
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นที่
Muscarinic
Nicotinic receptor
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.ระบบไหลเวียนเลือด
ทำให้ลดความต้านทานหลอดเลือดส่วนปลาย
หลอดเลือดขยาย
ลดความดันโลหิต
ลดการเต้นหัวใจ
2.ระบบหายใจ
กล้ามเนื้อเรียบหลอดลมหดตัว
3.ระบบทางเดินปัสสาวะ
กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหดตัว
4.ระบบทางเดินอาหาร
เพิ่มการหลั่งสารคัดคลั่ง
น้ำลาย
กรดในกระเพาะอาหาร
ต่อมในตับและลำไส่เล็ก
5.ฤทธิ์ต่อตา
ม่านตาหรี่
6.ระบบประสาทส่วนกลาง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาระบบทางเดินปัสสาวะ
ใช้รักษาต้อหิน
ใช้รักษาอาการท้องอือ
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
Bethanechol,Pilocarpineชนิดเม็ด
มึนเวียนศรีษะคล้ายเป็นลม
อาเจียน
มีน้ำลาย
มีน้ำมูก
น้ำตาไหล
เหงื่อออก
ปวดท้องมวน
Pilocarpineแบบหยอด
ตามัว
ระคายเคือง
คันตา
ตาแดง
น้ำตาไหล
ข้อห้ามใช้
ผู้เป็นโรคหืดหรือปวดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
ผู้ป่วยลำไส้อุดตัน
1.2สารโคลิเนอร์จิกออกฤทธิ์ทางอ้อม
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์AChEsinvChE
Achไม่ถูกทำลายจึงไปกระตุ้นตัวรับโคลิเนอร์จิกอย่างมากทั้งcentralและระบบประสาทส่วนปลาย
จับกับเอนไซม์ชั่วคราว
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.ผลต่อMuscarinic receptor
ผลต่อระบบไหลเวียนอาจทำให้หัวใจเต้นช้า
2.ผลต่อnicotinic receptor
กล้ามเนื้อมีอาการสั่นพริ้ว
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ในการรักษาอาการลำไส้กระเพาะปัสสาวะไม่บับตัว
ใช้ในการรักษาโรคMS
ใช้ในการยุติฤทธิ์ของยาคลายกล้ามเนื้อกลุ่มcompetitiveantagonist
รักษาอัลไซเมอร์
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
organophosphate
รูม่านตาเล็ก
หายใจลำบาก
หัวใจเต้นช้า
หน้ามืด
เหงื่ออก
ความดันโลหิตต่ำ
น้ำลายมาก
หลอดลมหดเกร็ง
เข้าสู่สมอง
ชัก
หยุดหายใจ
หมดความรู้สึก
2.ยาต้านมัสคารินิค
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์แย่งที่กับAchในการจับMuscarinic receptorแบบแข่งขัน
ทำให้ยามีผลลดพาราซิมพาเทติกโทนในร่างกาย
เป็นยายับยั้งฤทธิ์ของcholinergic drugs
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.ระบบตา
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบไม่สามารถหดตัวได้ดีจึงทำให้ม่านตาขยาย
iris sphincter
ciliary muscle
ยังทำให้ตาแห้ง
2.ระบบทางเดินอาหาร
ลดการบีบตัวของหลอดอาหารไปจนถึงลำไส้ใหญ่
3.ระบบทางเดินหายใจ
ยับยั้งการหลั่งของสารคัดหลั่ง
atropineยังสามารถลดหดเกร็งของหลอดลม
6.ระบบหัวใจและหลอดเลือด
หัวใจเต้นเร็ว
4.กล้ามเนื้อเรียบอื่นๆ
ลดความตึงตัวและความแรงในการบีบตัวของท่อปัสสาวะ
5.ต่อมเหงื่อ
ร่างกายขับเงื่อได้น้อยลง
การนำไปใช้ทางคลินิก
Antisecretoryรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
ใช้เป็นAntispasmodicsยาลดหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในช่องท้อง
ใช้รักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวมากเกินไป
ใช้ทางจักษุแพทย์
ใช้เป็นยาขยายหลอดลม
ใช้เป็นยาเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
รักษาโรคพาร์กินสัน
รักษาภาวะล้มเหลวของระบบไหลเวียนเลือด
เป็นยาป้องกันและรักษาอาการเมารถ
เป็นยาต้านพิษ
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ปากแห้ง
ตาพร่ามัว
ใจสั่น
ร้อนวูบวาบทางผิวหนัง
ท้องผูก
ปัสสาวะลำบาก
3.ยากระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก
1.กลุ่มCatecholamines
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.ระบบไหลเวียนเลือด
หลอดเลือดหดตัว
2.ผลต่อกล้ามเนื้อเรียบ
เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อหลอดลมทางเดินอาหารและกล้ามเนื้อมดลูก
3.ผลกระตุ้นหัวใจ
กระตุ้นเพิ่มอัตราการเต้นและแรงบีบของกล้ามเนื้อหัวใจ
4.ผลต่อเมแทบอลิซึม
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
เพิ่มการสลายเนื้อเยื่อไขมัน
5.ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ
น้ำตาลในเลือดสูง
6.ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
ตื่นตัวและลดความอยากอาหาร
7.ผลต่อตา
รูม่านตาขยาย
เพ่ิมการสร้างน้ำลูกตา
ยากลุ่มCatecholamines
1.1Epinephrine
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นทั้งαและβตัวรับถูกทำลายอย่างรวดเร็วโดยMAOและCOMT
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
3.ระบบหายใจ
กล้ามเนื้อทางเดินหายใจและหลอดลมคลายตัว
4.ผลต่อเมแทบอลิซึม
ทำให้กลูโคสและแลกโตสในเลือดสูง
2.ระบบทางเดินอาหาร
กล้ามเนื้อเรียบของหลอดอาหารคลายตัว
กล้ามเนื้อหูรูดบีบตัว
5.ยาเข้าสู่สมองได้น้อยจึงไม่มีฤทธิ์กระตุ้นสมอง
1.ระบบไหลเวียนเลือด
เพิ่มอัตราการเต้นและแรงบีบตัวของหัวใจ
เพ่ิมความดันโลหิต
การนำไปใช้ทางคลินิก
ภาวะหัวใจหยุดเต้น
ภาวะแอนาฟิแล็กซิส
ใช้เพื่อห้ามเลือด
ใช้ผสมยาเฉพาะที่
1.2Norepinephrine
กระตุ้น α1และβ1ตัวรับ
ทำให้เพิ่มความต้านทานรวมหลอดเลือดส่วนปลายได้มาก
ทำให้หลอดเลือดหดตัว
เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
เพิ่มcardiacoutput
ประโยชน์ทางคลินิก
รักษาความดันโลหิตต่ำรุนแรง
1.3Dopamine
2.DA ขนาดปานกลาง
กระตุ้นตัวรับβ1
เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ
เพิ่มอัตราการเต้นหัวใจเพียงเล็กน้อย
1.DA ในขนาดต่ำ
กระตุ้นตัวรับD1ทำให้เกิดvasodilationของหลอดเลือดในไตและหลอดเลือดัวใจ
เพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงที่ไต
เพิ่มการขับโซเดียมทางปัสสาวะ
3.DA ขนาดสูง
กระตุ้นตัวรับα1
เกิดหลอดเลือดหดตัว
เพิ่มความดันโลหิต
ประโยชน์ทางคลินิก
รักษาภาวะช็อกจากหัวใจ
1.4Dobutamine
ออกฤทธิ์กระตุ้นตัวรับβ1ฤทธิ์ต่อตัวรับα มีน้อย
ทำให้หลอดเลือดขยายตัวจึงไม่ใช่ยาเพิ่มความดัน
ประโยชน์ทางคลินิก
เช่นเดียวกับ DA
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ระบบประสาท
วิตกกังวล
ปวดศรีษะ
อาการสั่น
ระบบไหลเวียน
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปอดบวมน้ำ
เจ็บหน้าอก
2.Alpha-adrenergic agonist
2.1Alpha-1 agonist
2.1.1phenylephrine
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดหดตัว
เพิ่มแรงต้านในหลอดเลือด
เพ่ิมความดันโลหิต
ยารูปแบบรับประทานหรือพ่นจมูก
ทำให้หลอดเลือดในเยื่อเมือกในโพรงงจมูกหดตัว
ยาเมื่อใช้บ่อยๆจะเกิดการดื้อยาและเยื่อโพรงจมูกกลับบวมขึ้นหลังหยุดยา
2.1.2Midodrine
ทำให้หลอดเลือดหดตัว
ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่ม
ออกฤทธิ์นาน 3-4ชั่วโมง
ใช้ในผู้ป่วยหน้ามืดจากความดันโลหิตต่ำ
2.2Alpha-2 agonist
Clonidine
ออกฤทธิ์กระตุ้นตัวรับα2ที่สมองและหลอดเลือด
ผ่านสมองใช้เป็นยาลดความดันโลหิต
ชนิดรับประทาน
แผ่นแปะผิวหนัง
ประโยชน์ทางคลินิก
รักษาความดันโลหิตสูง
เป็นยาเลือกใช้ในสตรีตั้งครรห์
รักษาอาการขาดเหล้า
รักษาอาการร้อนวูบวาบในสตรีวัยหมดประจำเดือน
ยังใช้ร่วมกับยาอื่นในการระงับปวดจากมะเร็ง
3.Beta-adrenergicagonist
3.1β2adrenergicagonist
1.ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น
ยาจำเพาะต่อตัวรับβ2
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบหลอดลมคลายตัว
ใช้รักษาหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน
ออกฤทธิ์เร็วภายใน 15 นาที
เมื่อใช้แบบยาพ่น
บรรเทาอาการจับหืดเฉียบพลัน
ระยะออกฤทธิ์ 3-4ชั่วโมง
Terbutalineรับประทาน
ยับยั้งมดลูกบีบตัวใช้ในการชะลอหรือป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
2.ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว
Salmeterol&formoterol
เป็นยาออกฤทธิ์ยาวนานกว่า12ชั่วโมง
เมื่ออยู่ในรูปแบบยาพ่น
ช่วยบรรเทาอาการหืดSalmeterolช้าใช้เวลาหลายชั่วโมง
formoterolออกฤทธิ์เร็วกว่าจึงรักษาระยะเฉียบพลันและระยะยาว
3.2β3adrenergicagonist
Mirabegron
เป็นยาออกฤทธิ์จำเพาะต่อβ3
มีผลทำให้กล้ามเนื้อปัสสาวะคลายตัว
ใช้รักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
4.Indirect-acting andmixed-typeadrenergicagonist
4.1Ephedrine&pseudoephedrine
Ephedrine
ไม่ได้ใช้ทางคลินิกแล้ว
pseudoephedrine
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมีใช้อย่างจำกัดในโรงพยาบาล
pseudoephedrine
เป็นยาลดน้ำมูกและคัดจมูก
4.2Amphetamine
เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางที่มีความแรงสูง
ออกฤทธิ์โดยตรงและทางอ้อม
สามารถให้โดยการรับประทานและฤทธิ์อยู่ได้นาน
ยามีผลเพิ่มความดันโลหิต
ในขนาดสูงมีผลทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เพิ่มความตื่นตัว
ลดความรู้สึกอ่อนล้า
ประโยชน์ทางคลินิกของยาในกลุ่มSympathomimetics
1.ภาวะหัวใจหยุดเต้น
เพิ่มความดันโลหิต
เพิ่มเลือดไปเลี้ยงหัวใจ
2.ภาวะช็อก
กระตุ้นแรงบีบตัวและอัตราการเต้นของหัวใจ
เพิ่มความดันโลหิต
3.Anaphylaxis
4..ใช้เป็นยาขยายหลอดลม
6.ช่วยลดความดันโลหิต
7.ลดการคั่งการบวมของเนื้อเยื่อในจมูก
8.มีผลคลายกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
5.ช่วยลดความดันในลูกตาโดยลดการผลิตน้ำในลูกตา
4.ยาปิดกั้นอะดรีเนอร์จิครีเซพเตอร์
1.α-blocker
ยาที่มีการใช้ปัจจุบันคือselective
α1-antagonistออกฤทธิ์จำเพาะต่อα1-receptor ที่อยู่ภายใต้
เซลล์กล้ามเนื้อเรียบ
ผนังหลอดเลือด
หัวใจ
ต่อมลูกหมาก
ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ
ลดความต้านทานของหลอดเลือดแดง
ผนังหลอดเลือดขยาย
ลดความดันโลหิตได้ดี
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่ต่อมลูกหมากและท่อปัสสาวะคลายตัว
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
การที่ความดันต่ำในขณะเปลี่ยนอิริยาบถมักพบบ่อยในการใช้ยาระยะแรก
2.β-blocker
2.1Non-selectiveβ-blocker
Propranolol
เป็นยาต้นแบบ
ยับยั้งβ1และตัวรับβ2
ถูกดูดซึมได้ดี
มีfirst-passเมแทบอดีซึมสูง
ประโยชน์การรักษา
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง
ลดอาการใจสั่น
ลดการตื่นเต้นได้ง่าย
รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
2.2selectiveβ-blocker
MetoprololและAtenolol
ใช้ในการรักษา
โรคความดันโลหิตสูง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เจ็บแน่นหน้าอก
เป็นยาสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลว
ห้ามใช้ยากับผู้ป่วยที่มีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่า45ครั้ง/นาที
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ทำให้หัวใจเต้นช้า
หลอดลมตีบแคบผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่ควรใช้
รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปวดศีรษะ
นอนไม่หลับ
เหนื่อยล้า
ภาวะน้ำตาในเลือดต่ำ