Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด,…
บทที่ 8 กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
มดลูกไม่เข้าอู่ในระยะหลังคลอด (Subinvolution)
มดลูกไม่เข้าอู่เป็นภาวะที่ขบวนการกลับคืนสู่สภาพเดิมของมดลูกใช้เวลานาน หรือขบวนการนั้นหยุดไปก่อนที่มดลูกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์
สาเหตุ
1. ภาวะใดๆ ที่ทำให้การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ได้แก่
มีเศษรกและ/หรือเยื่อหุ้มทารกค้าง
มีก้อนเนื้องอกของมดลูก
หญิงหลังคลอดครรภ์หลัง การตึงตัวของมดลูกไม่ดี
ผนังมดลูกถูกยึดขยายมาก เช่น ครรภ์แฝด แฝดน้ำ ทารกในครรภ์ตัวโต
กระเพาะปัสสาวะเต็มหรือมีอุจจาระเต็ม
ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ไม่ได้ให้ทารกดูดนมมารดา
มีการติดเชื้อของมดลูกหรือเยื่อบุมดลูกอักเสบ
มดลูกคว่ำหน้าหรือคว่ำหลังมาก
อาการและอาการแสดง
น้ำคาวปลาออกนานหรือมากกว่าปกติ น้ำคาวปลาเป็นสีแดง มีกลิ่นเหม็น
มดลูกนุ่มและใหญ่กว่าปกติ ระดับยอดมดลูกไม่ลดลง อาจกดเจ็บและมีอาการปวดมดลูก
อุณหภูมิสูงและอาจเกิดการตกเลือดระยะหลัง (Late P.P.H)
การรักษาพยาบาล
การป้องกันขณะทำคลอด ตรวจให้แน่ใจว่ารกคลอดครบ
ส่งเสริมให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก เช่น กระตุ้นให้ลุกจากเตียงโดยเร็ว ให้ลุกเดินบ่อยๆ ให้นอนคว่ำ หลีกเลี่ยงกระเพาะปัสสาวะเต็ม ป้องกันอาการท้องผูก
ส่งเสริมให้เลี้ยงทารกด้วยน้ำนมมารดา
ถ้ามีอาการเกิดขึ้น อาจต้องนอนโรงพยาบาล อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับอาการและการรักษา เพื่อให้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งแนะนำการปฏิบัติตัว และการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
ถ้าไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก น้ าคาวปลาไม่เหม็น มีเลือดออกน้อย ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
หลังให้แล้วประเมินขนาดของมดลูก
ถ้ามีอาการกดเจ็บ อุณหภูมิสูง และน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น อาจส่งเพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อตัวใด ให้สารน้ำทาง
หลอดเลือดดำ ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
รายที่มีเศษรกค้าง จำเป็นต้องขูดมดลูกเพื่อเอาเศษรกออก
สอนให้หญิงหลังคลอดดูแลตนเอง นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกายทั่วไปและบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
ภายนอก ถ้าอนุญาตให้กลับบ้านได้ แนะนำให้มาตรวจตามนัดหรือก่อนกำหนดนัดถ้ามีอาการผิดปกติ
การอักเสบของหลอดเลือดดำ (Thrombophlebitis)
การอักเสบของหลอดเลือดดำที่ขา (Femoral Thrombophlebitis)
อาการและอาการแสดง
ปวดเกร็ง, ผิวหนังแดงบริเวณขาที่เป็น
มีไข้สูง หนาวสั่น
มีอาการบวม เนื่องจากหลอดเลือดดำอุดตัน ต่อมาผิวหนังจะตึงและบางใสเป็นสีขาว
Homan's sign ให้ผลบวก (จะปวดน่องมากเมื่อดันปลายเท้าเข้ามาลำตัว)
การรักษาพยาบาล
หลีกเลี่ยงการขึ้นขาหยั่งนานๆ ขณะที่คลอด และใช้ผ้ารองบนขาหยั่งเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักกดลงบนน่องโดยตรง
กระตุ้นให้มารดาหลังคลอดลุกขึ้นจากเตียงโดยเร็ว (Early ambulation) เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดที่ขาดีขึ้นและลดการเกิดการแข็งตัวของเลือดขึ้น
ถ้ามารดาหลังคลอดไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ควรให้มารดาเริ่มบริหารส่วนขา ภายใน 8 ชั่วโมงหลังคลอด โดยการงอและเหยียดเข่าออก ยกขาแล้วหมุนเป็นวงกลม
รายที่มีหลอดเลือดด าพองขอด หรือเคยมีประวัติหลอดเลือดด าอักเสบในช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอด ควรให้สวมถุงน่อง(Support stocking) ไว้เพื่อช่วยให้การไหลเวียนดีขึ้น และป้องกันการคั่งของเลือดบริเวณส่วนล่างของร่างกาย การสวมถุงน่องนี้ควรสวมก่อนลุกจากเตียง เพราะการลุกยืนและเดินก่อนสวมถุงน่องจะทำให้เกิดการคั่งของเลือดแล้ว ควรถอดถุงน่องนี้วันละ 2 ครั้ง และตรวจดูว่ามีการอักเสบของหลอดเลือดดำเกิดขึ้นหรือไม่
แนะนำให้มารดาหลังคลอดดูแลตนเองดังนี้
หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ควรลุกเดินทุก 1/2-1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการคั่งของเลือดบริเวณขา
หลีกเลี่ยงการไขว่ห้าง เพราะจะเกิดแรงกดใต้เข่าท าให้การไหลเวียนเลือดบริเวณส่วนปลายลดลง
ขณะนั่งหรือนอน ควรยกปลายเท้าให้สูง เพื่อช่วยในการไหลเวียนกลับของเลือดจากส่วนปลายดีขึ้น
การอักเสบของหลอดเลือดดำในอุ้งเชิงกราน (Pelvic thrombophlebitis)
การอักเสบของหลอดเลือดดำในอุ้งเชิงกรานจะเกิดช้ากว่า Femoral thrombophlebitis ประมาณวันที่ 14 หรือ 15 หลังคลอดมักจะเกิดกับ Ovarian, Uterine หรือ Hypogastric veins การอักเสบนี้จะเกิดเนื้อตายของหลอดเลือดดำทำให้เกิดฝีในอุ้งเชิงกราน(Pelvic abscess) และอวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด, ไต และลิ้นหัวใจ ได้
อาการและอาการแสดง
มารดามีไข้สูง หนาวสั่น
อ่อนเพลีย
การรักษาพยาบาล
ให้มารดาพักผ่อนบนเตียง (Total bed rest)
ดูแลให้มารดาได้รับยาปฏิชีวนะ และยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษา
ดูแลทางด้านจิตใจ และเตรียมมารดากรณีที่ได้รับการเจาะเอาหนองออก (Colpotomy) หรือการผ่าตัด (Laparotomy)
ดูแลความสุขสบายทั่วไป และหากิจกรรมให้ทำอธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นซึ่งจะใช้เวลานาน 6-8 สัปดาห์
การติดเชื้อของเต้านม (Mastitis)
อาการและอาการแสดง
มีไข้สูง ชีพจรเร็ว
ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ อาจมีอาการหนาวสั่น
บริเวณเต้านมแดง ร้อน เต้านมแข็งตึงขยายใหญ่ กดเจ็บ
ถ้าเป็นฝี ผิวหนังจะใสเป็นมัน กดนุ่ม
อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้โต และเจ็บ
ปวดเต้านม มีอาการคั่งของน้ำนม น้ำนมออกน้อย
การป้องกันการติดเชื้อของเต้านม
ทำความสะอาดเต้านมและหัวนมทุกครั้ง หลังให้ทารกดูดนม และเปิดหัวนมให้สัมผัสอากาศภายนอกบางในแต่ละวัน
ขณะให้ทารกดูดนม ปากของทารกอยู่บนลานนม และควรกดปลายคางทารกให้อ้าปากก่อน แล้วจึงดึงหัวนมออก
ไม่ควรให้ทารกดูดนมข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
ควรล้างมือทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอนามัยหรือก่อนสัมผัสเต้านมและหัวนม
หากเต้านมหรือหัวนมแห้งเกินไป อาจใช้น้ำมันทาบางๆ เช่น ลาโนลิน (Lanolin)
ถ้ามีเต้านมคัดตึงให้ปฏิบัติดังนี้
6.1 ให้ทารกดูดนมบ่อยขึ้น
6.2 บีบน้ำนมออก ให้ลานนมอ่อนนุ่ม และนวดเต้านมเบาๆ ก่อนให้ทารกดูด
6.3 สวมเสื้อยกทรงที่พอเหมาะพยุงเต้านมไว้
6.4 อาบน้ำอุ่นจากฝักบัวหรืออาบน้ำอุ่นธรรมดา จะช่วยให้น้ำนมไหลดี หรือวางกระเป๋าน้ำแข็งที่เต้านมจะช่วยให้สุขสบายขึ้น
ควรแนะนำการดูแลเต้านม และเทคนิคการให้นมทารกอย่างถูกต้องเหมาะสม ตั้งแต่ก่อนออกจากโรงพยาบาล การสังเกต
อาการและได้รับการรักษาตั้งแต่แรกจะช่วยให้รักษาง่ายและหายเร็ว
ถ้ามีหัวนมแตกต้องรีบรักษา อาจใช้ที่ครอบหัวนม (nipple shield) ขณะให้ทารกดูดนม
การรักษาพยาบาล
ตรวจดูอาการและอาการแสดง ส่งเพาะเชื้อจากน้ำนมและหัวนม บางครั้งอาจต้องเพาะเชื้อจากในปากของทารกด้วยและหา sensitivity เพื่อให้ยาปฏิชีวนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา ยาที่ให้ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์กว้าง เช่น Cephalosporins และ Vancomycin
ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา เมื่อมีอาการปวดรุนแรง หรือใช้น้ำแข็งประคบและสวมเสื้อชั้นในช่วยพยุงไว้ตลอดเวลา ควรระมัดระวังไม่ให้คับจนเกินไป ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวด
ใช้ความร้อนประคบเต้านมข้างที่มีพยาธิสภาพจะช่วยลดการอักเสบและอาการบวมของเต้านม
มารดาอาจให้นมบุตรได้ ถ้าไม่มีการติดเชื้อที่รุนแรง หรือปวดมาก เพราะการที่น้ำนมถูกขับออกจะช่วยป้องกันการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมารดาจะมีอาการปวดคัดตึงเต้านมมาก มักจะไม่ให้บุตรดูดนม หากมารดาต้องการจะเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาต่อ ควรบีบน้ำนมทิ้งตามเวลาที่ให้นมหลังให้ยาปฏิชีวนะไปประมาณ 2-3 วัน มารดาจะมีอาการดีขึ้นจึงสามารถให้นมบุตรต่อได้
Vulva Hematomas (การบวมเลือดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก)
เป็นการฉีกขาดของหลอดเลือดดำ บริเวณช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทำให้เลือดคลั่งค้างรวมเป็นถุงโปร่ง พบในรายที่มีการเย็บแผลฝีเย็บบกพร่อง ทำให้มีเลือดออกบริเวณแผลฝีเย็บ ถ้าจำนวนเลือดที่คลั่งอยู่มีจำนวนน้อย จะทำให้เกิดอาการปวดบริเวณแผล แผลจะไม่ติดกันเกิดการอักเสบเป็นหนอง ถ้าตำแหน่งที่เลือดคลั่งอยู่ต่ ากว่า Urogenital diaphragm ก้อนเลือดที่คลั่งค้างจะดันแผลฝีเย็บนูนโปร่งไปที่ทวารหนักและก้นกบ มารดาหลังคลอดจะเจ็บมาเมื่อแตะ บางรายมีความรู้สึกปวดถ่วงคล้ายกับความรู้สึกต้องการจะถ่ายอุจจาระ
การวินิจฉัย: พยาบาลใช้การประเมินแผลฝีเย็บ โดยใช้หลักดังนี้
R = Redness
E = Edema
E = Ecchymosis
D = Discharge
A = Approxomation
P = Pain
สาเหตุ
.มีการบาดเจ็บจากการคลอดทั้งในรายคลอดปกติหรือสูติสาสตร์หัตการ
เย็บซ้อมบริเวณที่มีการฉีกขาดหรือตัดฝีเย็บไม่ดี
บีบคลึงมดลูกรุนแรงทำให้เลือดคลั่งที่ Connective tissue ใต้เยื่อบุช่องท้อง และใน Broad ligament
การรักษา
Small Vulva hematomas สามารถซึมซับได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ใช้น้ำแข็งหรือการใช้ความร้อนอาจจะช่วยลดอาการบวมและความไม่สุขสบาย กรณีมีก้อนขนาดใหญ่หรือแพร่ขยายไปถึงช่องท้องแพทย์อาจเปิดแผลที่เย็บไว้บริเวณที่มีการคลั่งของเลือดโดยระบายเลือดออก ถ้ามีการฉีกขาดถึง Broad ligament อาจท าให้Hysterectomy
การพยาบาล
ตรวจและประเมินแผลฝีเย็บ
เมื่อพบความผิดปกติดังกล่าว ให้ประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการปวดและบวม หากเลือดหยุดและก้อนเลือดขนาดเล็กมีเลือดจำนวนไม่มากสามารถปิดแผลโดยไม่ต้องเย็บ กรณีก้อนเลือดขนาดใหญ่เพิ่มขนาดมากขึ้นภายหลังการประคบน้ำแข็งแล้วให้รายงานแพทย์ทันทีเพื่อเปิดแผลระบายเลือดที่คลั่งค้างโดยเร็ว
การป้องกัน
ทำคลอดให้ถูกเทคนิค
เย็บซ่อมแซมบริเวณที่มีการฉีกขาดอย่างถูกวิธี
คลึงมดลูกอย่างถูกวิธี
เฝ้าระวังในรายที่มีภาวะเสี่ยงสูง
นางสาวสุพิชชา พรมโชติ เลขที่ 70
ห้อง ก ชั้นปีที่ 4