Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเด็นทาง จริยธรรมในการดูแลผู้ป่วย วิกฤต และการดูแลระยะ ท้ายของชีวิต,…
ประเด็นทาง
จริยธรรมในการดูแลผู้ป่วย
วิกฤต และการดูแลระยะ
ท้ายของชีวิต
การแจ้งข่าวร้าย (Breaking a bad news)
ข่าวร้าย
ข้อมูลที่ทำให้เกิดความรู้สึกหมดความหวัง มีผลกระทบต่อความรู้สึก การดำเนินชีวิต และอนาคตของบุคคลนั้น
ในหอผู้ป่วยวิกฤต
การได้รับการเจาะคอ
การใส่ท่อช่วยหายใจ
ผลเลือดเป็นบวก/การติดเชื้อ HIV
เป็นมะแรงระยะลุกลามรักษาไม่ได้
เป็นโรคแทรกซ้อนจนเสียชีวิต
ผล
ต่อผู้ป่วยและครอบครัว
ต่อผู้ดูแล
ผู้แจ้งข่าวร้าย
แพทย์เจ้าของไข้
ทีมรักษาผู้ป่วย
ทีม Palliative Care
ความพร้อมผู้แจ้งข่าวร้าย
ดูแลหัวใจความเป็นมนุษย์
ฝึกฝนวิธีการแจ้งข่าวร้าย
ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับแผนการรักษา
ผลการรักษาและการดำเนินการของโรค
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ปฏิกิริยาจากการรับรู้ข่าวร้าย
ระยะปฏิเสธ (Denial)
ช็อคและปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้
ไม่ยอมรับความจริง ไม่เชื่อผลการรักษา
“คุณหมอแน่ใจรึเปล่าว่าผลการตรวจถูกต้อง”
ระยะโกรธ (Anger)
ความโกรธอาจจะขยายไปยังแพทย์ ครอบครัว ญาติ เพื่อน มี อารมณ์รุนแรง ก้วร้าว และต่อต้าน
“ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมต้องเกิดกับเรา”
ระยะซึมเศร้า (Depression)
การต่อรองแฝงด้วยความรู้สึกผิดไว้ รู้สึกว่าตนเอง
มีความผิดที่ยังไม่ได้ทาบางอย่างที่ค้างคา
“อยากเห็นลูกเรียนจบก่อน”
ระยะต่อรอง (Bargaining)
ผู้ป่วยและญาติจะเริ่มรับรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกซึมเศร้าจะเริ่มเกิดขึ้น
ออกห่างจากสังคมรอบข้าง เก็บตัว ไม่ค่อยพูดคุย หรืออาจร้องไห้ คิดหมกมุ่นเกี่ยวกับความตาย คิดว่าตนไร้ค่า
ระยะยอมรับ (Acceptance)
เริ่มยอมรับสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง มองเป้าหมายในอนาคตมากขึ้น และเรียนรู้เพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้
บทบาทพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัว
รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ เห็นใจ
ช่วยเหลือประคับประคองจิตใจให้ผ่านระยะเครียดและวิตกกังวล
ในระยะโกรธ ควรยอมรับพฤติกรรมทางลบของผู้ป่วยและญาติโดยไม่ตัดสิน ให้โอกาสในการระบายความรู้สึก
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูล การดาเนินโรค แนวทางการรักษา
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ให้ข้อมูลที่เป็นความจริงเกี่ยวกับอาการที่เปลี่ยนแปลงและการดำเนินโรค ให้ความหวังที่เป็นจริง
สะท้อนคิดให้ครอบครัวค้นหาเป้าหมายใหม่ในชีวิตอย่างมีความหมาย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบาย ควบคุมความปวด และช่วยเหลือในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ และส่งเสริมให้ครอบครัวมีส่วนในการดูแลผู้ป่วย
ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยและญาติ ว่าแพทย์และทีมสุขภาพทุกคนจะให้การดูแลอย่างดีที่สุด
ปกป้องผู้ป่วยให้ได้รับประโยชน์ และปกป้องศักดิ์ศีรความเป็นมนุษย์
ให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการรักษา
ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาตามความเชื่อ
ให้การช่วยเหลือในการจัดการสิ่งที่ค้างคาในใจ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
สัมพันธภาพทางสังคมไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถยอมรับความเจ็บป่วยรุนแรงได้
มีภาวะซึมเศร้าเนื่องจากไม่สามารถแสดงบทบาทหัวหน้าครอบครัวได้จากการเจ็บป่วยรุนแรง
ไม่สามารถยอมรับสภาพความเป็นจริงเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
หมดกาลังใจในการต่อสู้กับโรคที่เป็นเนื่องจากไม่มีความหวังในการรักษา
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต (End of life care in ICU)
ความแตกต่างระหว่างการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและทั่วไป
4.Multidisciplinary team
ทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาร่วมกันมากกว่า 1 สาขา
แพทย์แต่ละสาขามุ่งเน้นการรักษาอวัยวะที่ตนรับผิดชอบ ทำให้ไม่ได้มองผู้ป่วยแบบองค์รวม
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติมีอาการไม่สุขสบายและมีแนวโน้มถูกละเลย
ทีมสุขภาพมักมุ่งประเด็นไปที่การหายของโรคมากกว่าความสุขสบาย
3.ความไม่แน่นอนของอาการ
ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะดีขึ้นแล้วกลับไปทรุดลงได้หลายครั้ง
6.ทรัพยากรมีจำกัด
พิจารณาใช้กับผู้ป่วยที่มีโอกาสจะรักษาให้อาการดีขึ้นได้ ไม่ใช้กับผู้ป่วยวิกฤติทุกราย โดยไม่คำนึงถึงทรัพยากรที่มีจำกัด
ความคาดหวังของ
ผู้ป่วยและครอบครัว
มีความคาดหวังสูงที่จะดีขึ้นจากภาวะเจ็บป่วยที่รุนแรง
ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงมีโอกาศเสียชีวิตสูง ทำให้ญาติเสียใจมาก และมีแนวโน้มที่จะไม่ต้องการการรักษาแบบ palliative care
สิ่งแวดล้อมในหอภิบาล
จะพลุกพล่านวุ่นวาย มีเสียงสัญญาณเตือนตลอดเวลา ไม่เหมาะกับการเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนผู้ป่วยจากไป
Professional culture
มุ่งให้มีชีวิตรอดพ้นจากภาวะวิกฤต
ทีมสุขภาพจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ป่วยรอดชีวิต
ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเกิดภาวะหมดไฟ (burn out) จากการรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วย
หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย
ในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติ
1.ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง
การประเมินความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว
การสื่อสาร
การจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
ข้อดี คือ ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการดูแลแบบ palliative care
ข้อจำกัด คือ รูปแบบการดูแลแบบนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าสามารถลดอัตราการครองเตียงได
หลักการ ABCD
Attitude หมายถึง ทัศนคติของทีมสุขภาพ
Behavior หมายถึง การปฏิบัติต่อผู้ป่วยและญาติ
Compassion หมายถึง มีความปรารถนาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและญาติไม่ทุกข์ทรมาน
Dialogue หมายถึง เนื้อหาของบทสนทนามุ่งเน้นที่ตัวตนของผู้ป่วย ไม่ใช่ตัวโรค
การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้น ๆ มาร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์
ข้อบ่งชี้ในการปรึกษา
ICU admission after hospital stay at least 10 days
Multi-system/organ failure at least three systems
Diagnosis of active stage IV malignancy (metastatic disease)
Status post cardiac arrest
Diagnosis of intracerebral hemorrhage requiring mechanical ventilation
Terminal dementia
Surprise question "No"
ข้อดี
ทีม palliative care เป็นทีมที่ชำนาญมีความรู้
ลดอัตราการครองเตียงในไอซียูได้
ลดการรักษาที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ลดการเกิดปัญหาระหว่างทีมสุขภาพกับครอบครัวได้
ลดการเกิด “ICU strain” หรือ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานในไอซียู
เป็นประโยชน์ต่อการดูแลต่อเนื่องหลังจากออกจากไอซียู
แบบผสมผสาน
มีข้อบ่งชี้ในการปรึกษาและมี
ระบบให้คำปรึกษาในโรงพยาบาล
การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหอผู้ป่วยวิกฤต
กระบวนการดูแลผู้ป่วยและตั้งเป้าหมายในการดูแลตั้งแต่วันแรก
มีการทำ Family meeting
มีสหวิชาชีพเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยและครอบครัว
ข้อสังเกต
การดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตน้อยกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่สุขสบายและไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมมากกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
การสื่อสารในหัวข้อแผนการรักษาน้อยกว่าผู้ป่วยอื่น
องค์ประกอบของการดูแลผู้ป่วย
ระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
การวางแผนและการตั้งเป้าหมาย
ทักษะการสื่อสารและ
การพยากรณ์โรค (prognostication)
Surprise question คือ การตั้งคำถามว่า “จะประหลาดใจหรือไม่ถ้าหากผู้ป่วยคนนี้จะเสียชีวิตในอีก6-12 เดือนข้างหน้า”
สภาวะที่ผู้ป่วยจะดำรงต่อไปหลังจากภาวะวิกฤตจะมีอวัยวะล้มเหลวเรื้อรัง
ผู้ป่วยจะมีความรับรู้ (cognitive function) มากน้อยเพียงใด
เป็นสภาวะที่ผู้ป่วยปรารถนาหรือไม่
เป้าหมายในการรักษา
มุ่งเน้นให้สุขสบาย
ทำทุกอย่างเต็มที่
ลองทำดูก่อน
ข้อมูลที่ควรมีการบันทึกไว้
วัน เวลา สถานที่
ผู้ป่วยเข้าร่วมในการประชุมหรือไม่
สมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ทั้งฝ่ายผู้ป่วยและทีมสุขภาพ
ผู้ป่วยมีพินัยกรรมชีวิต (advance directives)
สมาชิกครอบครัวที่เข้าร่วมประชุม บุคคลใดคือผู้แทนสุขภาพ
ครอบครัวและผู้แทนทางสุขภาพ เข้าใจการพยากรณ์โรคของผู้ป่วย
อะไรคือคุณค่าการดำรงชีวิตของผู้ป่วย
เป้าหมายการรักษา
การวางแผนการรักษา
การประชุมครอบครัว (Family meeting)
พูดคุยเกี่ยวกับการวางแผนและการคุย
เป้าหมายการรักษา สาเหตุที่ควรใช้หัตถการต่าง ๆ
สาระสำคัญ
รู้จักตัวตนของคนไข้ไม่ใม้เฉพาะโรค
ทำการฟ้งอย่างตั้งใจ
ต้องย้ำว่าที่ผ่านมาเราได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
แต่ผลการตอบสนองไม่เป็นไปตามคาดหวัง
4.รับฟังอย่างตั้งใจ และอธิบายญาติเห็นถึงความทุกข์ทรมานของการรักษาที่ผ่านมา
เตือนให้ญาติคำนึงถึงความปรารถนาของผู้ป่วย
ในทุก ๆ การตัดสินใจ
ถ้าหากมีการร้องไห้ ควรให้ญาติร้องโดยมิขัดจังหวะ
ผู้นำการประชุมครอบครัว ควรทำการสะท้อนอารมณ์ของญาติเป็นระยะ ๆ
เน้นย้ำกับญาติว่า แผนการรักษาทั้งหมด เป็น การตัดสินใจร่วมกันของทีมสุขภาพและครอบครัว
การสื่อสาร
มีแผ่นพับแนะนำครอบครัวถึงการ
เตรียมตัวก่อนทำการประชุมครอบครัว
ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกครั้งที่พูดคุยกับครอบครัว
หลีกเลี่ยงคำศัพท์แพทย์
ให้เกียรติครอบครัวโดยการฟังอย่างตั้งใจ
มีความเห็นใจครอบครัวที่ต้องประเชิญเหตุการณ์นี้
บทสนทนาควรเน้นที่ตัวตนของผู้ป่วยมากกว่าโรค
ปล่อยให้มีช่วงเงียบ เพื่อให้ญาติได้ทบทวน
บอกการพยากรณ์โรคที่ตรงจริงที่สุด
เนื้อหาที่พูดแบ่งตามช่วงเวลาที่ผู้ป่วยเข้ารักษาในไอซียู
การจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
การใส่ใจประเมินอาการและจัดการ อาการไม่สุขสบายอย่างเต็มที่
อาการหอบเหนื่อย ปวด
ภาวะสับสน
การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต (manage dying patient)
ทำการปิดเครื่องติดตามสัญญาณชีพต่าง ๆ
ยุติการเจาะเลือด
ควรปิดประตูหรือปิดม่านให้มิดชิด
ทำความสะอาดใบหน้า ช่องปาก และร่างกายผู้ป่วย
ยุติการรักษาที่ไม่จำเป็น
นำสายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออก
ให้คงไว้เพียงการรักษาที่มุ่งเน้น
ให้คุมอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
ควรทำการยุติการให้ผู้ป่วยได้รับยาหยอนกล้ามเนื้อ (neuromuscular blocking agent)
ให้ยาที่มักจำเป็นต้องได้ เช่น มอร์ฟิน
อธิบายครอบครัวถึงอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
แพทย์ควรทำการเข้าเยี่ยมบ่อย ๆ
การดูแลจิตใจครอบครัวผู้ป่วย
ต่อเนื่อง (bereavement care)
ทีมสุขภาพทำการแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย
ไม่ควรพูดคำบางคำ เช่น “ไม่เป็นไร” “ไม่ต้องร้องไห้”
มีเอกสารคำแนะนำการดูแลร่างกายและจิตใจผูู้สูญเสีย
มีคำแนะนำว่าเมื่อไหร่ผู้สูญเสียจำเป็นต้องพบแพทย์หรือนักจิตบำบัด
การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย (palliative care)
วิธีการดูแลที่มุ่งเน้นเป้าหมายเพื่อเพิ่ม
คุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวะคุกคามต่อชีวิต
ดูแลปัญหาสุขภาพตั้งแต่ระยะแรกของโรคและเมินปัญหาสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้าน กาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ
เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว และทำให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตอย่างสงบ หรือ ตายดี