Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ - Coggle Diagram
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ
การส่งเสริมสุขอนามัย
สุขอนามัยส่วนบุคคล คือ การดุแลตนเอง เช่นการอาบน้ำ การขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ การแต่งตัวสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
การส่งเสริมสุขอนามัย การคงไว้หรือการรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและการป้องกันโรค การดูแลความสะอาดส่วนต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ผิวหนัง ผม เล็บ ปาก จมูก
สุขอนามัย หมายถึง หลักการและความรู้ของการคงไว้หรือรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและการป้องกันโรค
ความสำคัญของการส่งเสริมสุขอนามัย
เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรปฏิบัติเพื่อสร้างความมั่นใจในการอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข
ปัจจัที่มีอิทธิพลต่อสุขอนามัยส่วนบุคคล
6.อาชีพ คนที่มีอาชีพด้านการดูแลสุขภาพมักจะสามารถดูแลสุขอนามัยตนเองได้ดี
7.ถิ่นที่อยู่ การดำเนินชีวิตภายใต้ถิ่นที่อยู่ที่แตกต่างกัน เช่น การดำเนินชีวิตในเขตเมืองสามารถมีความสะดวกในการดุแลสุขอนามัยของตนเองได้ดีกว่าชนบท
5.เศรษฐกิจ คนที่มีฐานะดีย่อมมีโอกาสในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลได้ดีกว่า
4.การศึกษา คนที่มีการศึกษามักที่จะค้นคว้าหาการดูแลตนเองและดูแลสุขอนามัยตนเองได้ดียิ่งขึ้น
3.ภาวะสุขภาพ เมื่อมีการเจ็บป่วยร้ายแรมีความสามารถในการดูแลสุขอนามัยของตนเองลดลง
8.ภาวะเจ็บป่วย ทำให้ความสามารถในการดูแลสุขอนามัยได้ลดลงเพราะป่วยเป็นดรคที่มีผลต่อจิตใจก็อาจทำให้มีความเศร้าใจไม่อยากที่จะดูแลตนเอง
2.เพศ มีความต้องการสุขอนามัยที่แตกต่างกัน เช่น เพศหญิงมีความละเอียดและดูแลสุขอนามัยของตนเองได้ดีกว่าผู้ชาย
9.สิ่งแวดล้อม บุคคลที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนก็จะอาบน้ำมากกว่าคนที่อยู่ในที่เย็น
10.ขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อ และวัฒนธรรมของแต่ละบุคคล
11.ความชอบ ความชอบส่วนบุคคลที่ขะด฿แลตนเอง
1.อายุ ความแตกต่างของอายุทำให้มีความแตกต่างในการดูแลสุขอนามัยของตนเอง เช่นเด็กไม่สามารถดูแลตนเองได้ ส่วนผู้ใหญ่ก็สามารถดูแลตนเองได้
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
3.การพยาบาลตอนบ่ายหรือตอนเย็น
4.การพยาบาลตอนก่อนนอน
2.การพยาบาลตอนเช้า
5.การพยาบาลเมื่อจำเป็นหรือเมื่อผู้ป่วยต้องการ
1.การพยบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด
การดูแลความสะอาดร่างกาย
การดูแลความสะอาดของเล็บ
วัตถุประสงค์
1.ให้เล็บสะอาดและสุขสบาย
2.ป้องกันการเกิดเล็บขบ
การดูแลความสะอาดปากและฟัน
เพื่อลมหายใจที่สดชื่น มีความมั่นใจในการสื่อสาร และมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง
วัตถุประสงค์
1.ปากและฟันมีความชุ่มชื่น
2.กำจัดกลิุ่นปาก ลมหายใจสดชื่น ป้องกันฟันผุ
3.ลดการอักเสบของเหงือก กระพุ้งแก้ม
สังเกต ฟัน เหงือก กระพุ้งแก้ม ลิ้น มีแผล หรือการติเชื้อหรือเลือดออกหรือฝ้าในช่องปาก
การดูแลความสะอาดของผิวหนัง/การอาบน้ำ
2.การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงเฉพาะบางส่วน
3.การอาบน้ำผู้ป่วยเตียงชนิดสมบูรณ์
1.การอาบน้ำที่ห้องน้ำ
จุดประสงค์ในการอาบน้ำ
3.ประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายและส่งเสริมการออกกำลังกายของข้อต่างๆ
4.สังเกตของผิดปกติของผิวหนัง
2.ให้ผู้ป่วยรู้สึกสะบาย สดชื่นและผ่อนคลาย
5.กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและแผลกดทับ
1.กำจัดสิ่งสกปรก ที่สะสมบนผิวหนังและส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง
การดูแลความสะอาดของตา
วัตถุประสงค์
2.ความสุขสบายของผู้ป่วย
3.ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วย
1.กำจัดขี้ตา ทำให้ดวงตาสะอาด
การนวดหลัง มีหลักการนวดดังนี้
3.ไม่นวดแรงเกินจนผู้ป่วยเจ็บ
4.นวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
2.ไม่นวดบริเวณที่มีการอักเสบ มีแผล กระดูกหัก ผู้ป่วยโรคหัวใจ ภาวะไข้
5.เลือกใช้แป้ง โลชั่นหรือครีม เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
1.จัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย
6.ใช้เวลานวด 5-10นาที
จุดประสงค์
3.ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความตึงตัว
4.กระตุ้นผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ทำงานได้ดี
2.ป้องกันแผลกดทับ
5.สังเกตความผิดปกติของผิวหนังบริเวรหลัง
1.กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ลำดับการนวดหลัง
4.Beating กำมือหลวมๆทุบเบาๆบริเวณกล้ามเนื้อแก้มก้น
5.Hacking ใช้สันมือสับเบาๆ
3.Kneading เป็นการบีบนวดตามกล้ามเนื้อ
6.Clapping ใช้อุ้มมือตบเบาๆ
2.Friction ลูบตามแนวยาวของหล้ามเนื้อไหล่กล้ามเนื้อสีข้าง
7.Stroking ทำเหมือนข้อ/ทำซ้ำไปมา 5-6 ครั้ง
1.stroking ลูบตามแนวยาวบริเวณก้นกบลูบตามกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอ
การดูแลความสะอาดของหู
วัตถุประสงค์
1.กำจัดสิ่งสกปรกภายในหู
2.ทำความสะอากใบหูและหลังใบหู
การดูแลทำความสะอาดของจมูก
วัตถุประสงค์
2.ป้องกันสารคัดหลั่งแห้งยึดติดขนจมูกกับสายที่คาไว้
3.ป้องกันแผลที่กดทับที่ด้านในจมูกจากสารที่คาไว้
1.กำจัดสิ่งขับถ่ายและสิ่งสกปรกภายในจมูก
การดุแลความสะอาดเส้นผมและหนังศรีษะ
วัตถุประสงค์
2.ความสุขสบายและสดชื่นของผู้ป่วย
3.ส่งเสริมภาพสักษณ์และความมั่นใจให้ผู้ป่วย
1.ขจัดความสกปรกและสารที่ใส่บนผม และหนังศรีษะเพื่อการตรวจรักษา
การทำความสะอาดอวียวะสืบพันธ์ภายนอกของชายและหญิง
เพศชายบริเวณ อวัยวะเพศ ขาหนีบ ฝีเย็บ และบริเวณทวารหนัก วันละ 1-2 ครั้ง หรือหลังจากถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ
เพศหญิง ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุ ขาหนีบ ฝีเย็บ และบริเวณทวารหนัก ชำระวันละ 1-2 ครั้งหรือหลังปัสสาวะ อุจจาระ
จุดประสงค์
2.ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อบริเวฯทางเดินปัสสาวะในผู้ป่วยที่ได้รับการสวนปัสสาวะคาไว้
3.เสริมสร้างความสุขสบายให้แก่ผู้ป่วย
1.เพื่อกำจัดสิ่งขับถ่าย สื่งสกปรก และกลิ่นไม่พึงประสงค์
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคลของผู้ป่วย
3.การวางแผนทางการพยาบาล(Planning)
4.การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)
2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล(Nursing diagnosis)
5.การประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)
1.การประเมินผู้ป่วย(Health assessment)
การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
ความหมายของการพักผ่อนและการนอนหลับ
การพักผ่อน (Rest)หมายถึง ผ่อนคลายและมีความสงบทั้งจิตใจและร่างกาย รวามถึงความวิตกกังวล สงบผ่อนคลายโดยไม่มีความเครียดทางอารมณ์
การพักผ่อนของผู้ป่วยในโรงพยาบาลแบ่งออกเป็น
1.Absolution bed rest เป็นการพักผ่อนโดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง ไม่ให้ร่างกายออกแรงหรือกิจกรรมใดๆที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย ห้ามลุกออกจากเตียง
2.Bed rest เป็นการพักผ่อนที่ให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง สามสารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามความเหมาะสม เช่นไปเข้าห้องน้ำด้วยตนเอง
การนอนหลับ
การทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ได้แก่ ระดับการรู้สติลดลง มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าและการเคลื่อนไหวของร่างกายลดลง อวัยวะทุกส่วนทำงานลดลง รวมทั้งสภาวะจิตใจ และมีการเอนกายลงในท่าที่สงบนิ่งและหลับตา
ความสำคัญของการพักผ่อน
3.สงวนพลังงาน พลังงานที่ใช้ของร่างกายและสมองจะลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงตื่น ขณะอยู่เฉยๆ การนอนหลับและการตื่นมีผลต่อร่างกาย ในขณะหลับยังมีการทำงานของระบบประสาทอยู่
4.ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และความจำ มีการกระต้นการทำวานของระบบปรสาทอย่างเต็มที่ทำให้ความจำระยะสั้นเป็นความจำระยะยาวได้
2.ซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ ช่วยส่งเสริมการหายใจของแผล รวมถึงช่วยสะสมพลังงานไว้ใช้ในวันต่อไป ขณะนอนหลับออร์โมนคอร์ติซอลจะลดลงซึ่งเป็นฮอร์ดมนเกี่ยวกับการเผาพลาญ
5.ควบคุมอุรหภูมิของร่างกาย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกาย มีการนอนหลับลึกมากขึ้น อัตราการเผาพลาญลดลงจึงทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง
1.ส่งเสริมการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยมีการส้างและสะสมพลังงาน ในเวลาที่หลับสนิท ร่างกายจะเสริมดปรตีนมากขึ้นและเกิดการเผาพลาญไขมันให้เป็นพลังาน
ผลกระทบจากปัญหาการนอนหลับ
2.ผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์ อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย มีอาการเซื่องซึม หงุดหงิด โมโหง่าย เกิดความสับสนและความสามารถในการควบคุมตนเอง หวาดระแวงและหูแว่ว ไม่สามารถยับยั้งพฤติกรรมความก้าวร้าวของตนเองได้
3.ผลกระทบต่อสติปัญญาและการรับรู้ เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอทำให้การทำกิจกรรมในตอนการวันมีประสิทธิภาพลดลง สมาะิไม่ดี และแก้ปัญหาได้ช้า
1.ผลกระทบต่อร่างกาย ถ้านอนหลับไม่เพียงพอจะเกิดอาการเมื่อยล้า อาเจียน ท้องผูก ปวดศรีษะ วิงเวียนเหมือนบ้านหมุน ความอดทนต่อความเจ็บปวดลดลง
4.ผลกระทบทางสังคม คนที่นอนไม่เพียวพอ การมีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวลดลง ความมั่นใจในการทำงานลดลง และมีการใช้ระบบบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น
วงจรการนอนหลับ
1.ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep:NREM)
ระยะที่ 2 (หลับตื้น) การหลับในช่วงต้นเป็นสภาพที่ไม่ได้ยินเสียงรบกวน เป็นระยะที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ระยะนี้จะถูกปลุกให้ตื่นได้โดยง่าย
ระยะที่ 3 (หลับปานกลาง) ทั้งคลื่นสมองและชีพจรเต้นช้าลง ความมีสติรู้ตัวจะหายไป การเคลื่อนไหวของตาจะหยุดลง แม้ได้รับสิ่งเร้าจากภายนอกก็ไม่ตื่นโดยง่าย ขั้นนี้ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
ระยะที่ 1 (เริ่มมีความง่วง) เป็นช่วงที่เปลี่ยนจากการตื่นไม่สู่การนอน ในคนทั้วไปใช้เวลา 30วินาทีจนถึง 7 นาทีเป็นสภาพทีแม้จะได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็จะตื่น
ระยะที่ 4 (หลับลึก) เป็นช่วงหลับสนิทของการนอน ใช้เวลา 30-50 นาที หากร่างกายนอนหลับโดยปราศจากระยะที่ 4 นี้ อาจมรการนอนละเมอหรือฝัันร้ายได้ ระยะนี้อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลง 6 ครั้งต่อนาที growth hormone จะมีการหลั่งในระยะนี้
2.ช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM)
เป็นช่วงที่กล้ามเนื้อต่างๆของร่างกายแทบจะหยุดทำงานกันหมด แต่ระบบการทำงานของหัวใจ กระบังลมเพื่อการหายใจ กล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อเรียบ เช่น หลอดเลือดและลำไส้ ร่างกายจะได้พักผ่อน แต่สมองจะยังตื่นตัวอยู่ ระยะนี้จะช่วยจัดระบบความจำ ทำให้จำเรื่องบางเรื่องได้นานขึ้น รยะยนี้เป็นระยะที่เราฝัน แต่ก็จะตื่นง่าย เพราะสมองยังทำงานอยู่