Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด,…
บทที่ 8 กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
2.การติดเชื้อของฝีเย็บ (Perineal infection)
แผลฝีเย็บที่เกิดจากการตัดหรือการฉีกขาดระหว่างคลอดเป็นทางที่จะให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไป การติดเชื้อที่แผลฝีเย็บเป็นการติด
เชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกที่พบบ่อยที่สุด และเป็นการติดเชื้อเฉพาะที่ มีสาเหตุจากเชื้อ staphylococcus aureus
อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อเฉพาะที
เจ็บปวดเฉพาะบริเวณที่ติดเชื้อ ผิวหนังมีสีคล้ำ
ขอบแผลบวม แดง ร้อน
มีอาการห้อเลือด ปากช่องคลอดบวม
มีหนองไหล บริเวณที่มีการติดเชื้อแข็งตึง สัมผัสดูจะรู้สึกนุ่มมีน้ำขังอยู่ข้างใน เป็นลักษณะของการบวมเลือด กดบริเวณรอบๆ รู้สึกเจ็บ แผลอาจแยกหรือปากแผลเปิด
อาการและอาการแสดงทั่วไป
มีอาการหนาวสั่น ไข้สูงถึง 40°C (104°F) ในรายที่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน หรือ มีหนองขังไม่สามารถไหลออกมาได้ หรือรายที่มีการติดเชื้อเล็กน้อย อุณหภูมิอาจสูงถึง 38.8°C (101°F) หรือไม่มีไข้
ชีพจรต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที
จำนวนเม็ดเลือดขาวในเลือดเพิ่มขึ้น
การรักษาพยาบาล
1.ตัดไหมระบายน้ำหรือหนองออก อาจใช้ผ้าก๊อชซับน้ำยาอัดเข้าไปในแผล
ส่งเพาะเชื้อและทำ Sensitivity ตามแผนการรักษา
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ประเมินแผลฝีเย็บทุกวัน
ตรวจดูผ้าก๊อซที่อัดไว้ในแผลถ้ามีกลิ่นเหม็นเน่า ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
เมื่อมีแผลติดดีขึ้น ความเจ็บปวดน้อยลง ให้นั่งแช่ก้น (sitz bath) วันละ 2-3 ครั้ง
ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อยๆ และทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
แนะนำหญิงหลังคลอดให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
ให้มารดาล้างมือทุกครั้งก่อนจับต้องทารก และไม่ควรวางทารกบนผ้าปูที่นอน โดยไม่มีผ้าสะอาดปูรองก่อน
ให้กำลังใจ ลดความวิตกกังวล
3. การติดเชื้อของเยื่อบุในโพรงมดลูก (Endometritis หรือ Metritis)
การอักเสบติดเชื้อของเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นบริเวณที่มีการติดเชื้อมากที่สุด เชื้ออาจลุกลามไปถึงชั้นกล้ามเนื้อมดลูกที่อยู่ใกล้เคียง
จึงมักจะใช้ค าว่า Metritis มากกว่า Endometritis
อาการและอาการแสดง
มีไข้สูง อุณหภูมิระหว่าง 38.8 - 38.9º ซ (101º - 102º ฟ) อาจมีอาการหนาวสั่น
ชีพจรเต้นเร็ว ระหว่าง 100 - 104 ครั้ง/นาที
เบื่ออาหาร รู้สึกไม่สุขสบาย
เซลล์เม็ดเลือดขาวสูงเล็กน้อย
กดเจ็บบริเวณท้องน้อย
มดลูกเข้าอู่ช้า การหดรัดตัวไม่ดี เจ็บเวลาสัมผัส มีอาการปวดมดลูกมากขณะมดลูกหดรัดตัว (after pain)
น้ำคาวปลามีสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นเหม็น จำนวนน้ำคาวปลาอาจมากเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี ถ้ามีไข้สูงน้ำคาวปลาอาจมีน้อย
หรือไม่มีเลย
การรักษาพยาบาล
ให้ยาปฏิชีวนะหลังนับเซลล์เม็ดเลือดและส่งเพาะเชื้อรายที่มีการติดเชื้อเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องให้นอนรักษาโรงพยาบาล ให้ยา
ปฏิชีวนะไปรับประทานต่อที่บ้านอย่างเพียงพอ ย้ำให้รับประทานยาถูกต้องครบถ้วน
รายที่มีอาการรุนแรงอาจได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำร่วมกับยาบีบรัดมดลูก (Oxytocin) เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว
รายที่มีไข้สูงต้องให้น้ำอย่างเพียงพอ ถ้ามีอาการปวดมดลูกรุนแรงหรือไม่สุขสบายจากการปวดท้อง ให้ยาแก้ปวดตามแผนการ
รักษา อาจต้องแยกหญิงหลังคลอดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
ให้นอนท่า Fowler's เพื่อช่วยให้น้ำคาวปลาไหลสะดวกและป้องกันการกระจายของสารน้ำที่มีเชื้อในช่องท้องไปยังอวัยวะข้างเคียง
แนะนำให้หญิงหลังคลอดล้างมือทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอนามัย
4. การติดเชื้อของเนื้อเยื่อยึดเหนี่ยวส่วนของมดลูกเหนือช่องคลอด (Parametritis หรือ Pelvic cellulitis)
เป็นการติดเชื้อของเนื้อเยื่อยึดเหนี่ยวบริเวณส่วนของมดลูกเหนือช่องคลอดต่อไปทางด้านข้างระหว่างชั้นของ broad ligament
การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ 3 ทางคือ
มีการติดเชื้อของปากมดลูกอยู่เดิม แล้วแพร่กระจายผ่านเข้ามาทางหลอดน้ำเหลือง
เชื้อเข้าทางช่องคลอดโดยตรงผ่านมดลูก ปีกมดลูก เข้าเยื่อบุช่องท้อง
มีการติดเชื้อที่หลอดเลือดดำ แล้วลามมายังช่องเชิงกราน
อาการและอาการแสดง
1.ไข้สูง อุณหภูมิอาจสูงถึง 39.4º - 40º ซ (103º - 104º ฟ)
หน้าแดง หนาวสั่น หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว หัวใจเต้นเร็ว
3.เจ็บมากขณะมดลูกหดรัดตัว หรือเมื่อเคลื่อนไหวมดลูกและปากมดลูก
มีก้อน คลำได้ทางช่องคลอด ทวารหนักหรือหน้าท้อง หลังมีก้อนหนอง อุณหภูมิจะขึ้นๆ ลงๆ มีอาการหนาวสั่น
เจ็บหน้าท้องข้างเดียว หรือสองข้าง และอาจเจ็บมากถึงด้านข้าง
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่าหรืออาจไม่เหม็น
เซลล์เม็ดเลือดขาวสูง (leukocytosis อาจสูงถึง 15,000-30,000เซลล์/มม.3)
อาจเกิด endotoxic shock ได้
การรักษาพยาบาล
จำเป็นต้องรับไว้ในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา ถ้าการติดเชื้อรุนแรงอาจต้องผ่าตัดเพื่อป้องกันการแตกและแพร่เข้าไปในเยื่อบุช่องท้อง
สังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด วัดสัญญาณชีพ คลำหน้าท้องเพื่อดูอาการกดเจ็บ ดูผ้าอนามัยและบริเวณฝีเย็บ ดูสี กลิ่นและอาการบวมเลือด การประเมินตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยลดความรุนแรง และลดโอกาสที่จะสูญเสียอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ได้
ให้นอนพักในท่า semi-fowler ให้น้ำทางปากหรือทางหลอดเลือดด า วันละ 3,000 - 4,000 มิลลิลิตร
ให้การดูแลตามอาการ ลดความกลัว ความวิตกกังวล ให้กำลังใจ
แนะนำการปฏิบัติตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาลและเมื่อกลับบ้าน
5.การติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องหลังคลอด (Puerperal peritonitis)
เป็นเยื่อที่บุโพรงช่องท้อง และช่องเชิงกราน และล้อมรอบอวัยวะภายใน การติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก โดยจะแพร่กระจายโดยตรงทางท่อนำไข่ หรือ ผนังโพรงมดลูกเข้าสู่ช่องเชิงกราน หรือทางหลอดน้ำเหลืองของผนังมดลูกไปยังเยื่อบุช่องท้องหรือเนื้อเยื่อของ broad ligament
อาการและอาการแสดง
มีไข้สูง 40.5ºC (105ºF) หนาวสั่น ชีพจรเบาเร็วถึง 140 ครั้ง/นาที
อ่อนเพลีย กระหายน้ำ หายใจเร็วตื้น ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
ท้องอืด หน้าท้องโป่ง แข็งตึง กดเจ็บ ปวดท้องอย่างรุนแรง
มีอาเจียนบ่อยๆ มักเป็นลักษณะพุ่ง และเมื่อมีอาการเลวลงเรื่อย ๆ อาจมีอาการท้องเดิน
ปัสสาวะน้อย
กระสับกระส่าย ระยะแรกหน้าแดง เมื่อมีอาการรุนแรงจะซีด ตัวเย็น เหงื่อออก อาจช็อค และเสียชีวิตได้
การรักษาพยาบาล
ให้ยาปฏิชีวนะและสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา อาจจำเป็นต้องให้เลือดหรือพลาสม่า ให้ออกซิเจน
ถ้าท้องอืดมากจำเป็นต้องใส่สายดูดก๊าซหรืออาหารออก
วัด C.V.P นับจำนวนเม็ดเลือดและส่งเพาะเชื้อหา Sensitivity อาจจำเป็นต้องผ่าตัด
อาจต้องงดอาหารและน้ำทางปาก
ดูความสมดุลของน้ำที่ได้รับ และจำนวนปัสสาวะที่ออกมา
ตรวจสัญญาณชีพบ่อยๆ เฝ้าระวังสายที่ใส่เข้าไปในกระเพาะอาหารและ C.V.P
ประเมินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ ถ้ามีอาการท้องอืดควรรีบปรึกษาแพทย์
ให้นอนท่า semi-Fowler เพื่อให้หน้าท้องหย่อนและให้หนองมารวมอยู่ใน Cul-de-sac และแพทย์อาจเจาะเอาหนองออก
ให้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและลดความวิตกกังวลตามแผนการรักษา
10.ระมัดระวังเทคนิคปราศจากเชื้อ ล้างมือบ่อยๆ
ให้การพยาบาลตามอาการ และแนะนำวิธีปฏิบัติตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาล และเมื่อกลับบ้าน
ให้กำลังใจเพื่อลดความกลัว ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็น
นางสาวสุพิชชา พรมโชติ เลขที่ 70 ห้อง ก ชั้นปีที่ 4