Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 การดูแลสุขภาพแบบข้ามวัฒนธรรม - Coggle Diagram
บทที่ 1 การดูแลสุขภาพแบบข้ามวัฒนธรรม
1.1 ความหมายของวัฒนธรรม
วัฒนธรรมคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เป็นเครื่องมือที่มนุษย์คิดค้นเพื่อช่วยให้สามารถดํารงชีวิตอยู่ต่อไปได้ในสังคมของตน
นักมนุษยวิทยาได้สรุปลักษณะพื้นฐานที่สําคัญของวัฒนธรรมไว้ 6 ประการ
3)วัฒนธรรมมีพื้นฐานมาจากการใช้สัญลักษณ์ซึ่งกล่าวว่าพฤติกรรมของมนุษย์มีต้นกําเนิดมาจากการใช้สัญลักษณ์
4)วัฒนธรรมเป็นองค์รวมของความรู้และภูมิปัญญาทําหน้าที่ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ มีการวางกฎเกณฑ์แบบแผนในการดําเนินชีวิต มีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม
2)วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียนรู้ ซึ่งมนุษย์จะเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยในสังคมจนกลายเป็น “มรดกสังคม”
5)วัฒนธรรมคือกระบวนการที่มนุษย์นิยามความหมายให้กับชีวิตและสิ่งต่างๆ
1) วัฒนธรรมเป็นความคิดร่วม และค่านิยมทางสังคมเป็นตัวกําหนดมาตรฐานพฤติกรรม
6)วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สังคมวิทยาได้จําแนกวัฒนธรรมออกเป็น 2 ประเภท
1) วัฒนธรรมทางวัตถุ หมายถึง สิ่งของหรือวัตถุอันเกิดจากความคิดและการประดิษฐ์ขึ้นมาของมนุษย์
2) วัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ หมายถึง วัฒนธรรมที่แสดงออกได้โดยทัศนะ ประเพณี ขนบธรรมเนียม การปฏิบัติสืบต่อกันมาและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มของตน ว่าดีงามเหมาะสม
1.1.1องค์ประกอบของวัฒนธรรม
โดยทั่วไปวัฒนธรรมมีองค์ประกอบ 4 ประการ
1) องค์วัตถุ ทั้งที่เป็นเครื่องมือและสัญลักษณ์ หมายถึง วัฒนธรรมในด้านวัตถุที่มีรูปร่างสามารถจับต้องได้
2) องค์การหรือสมาคม หมายถึง วัฒนธรรมในส่วนของการจัดระเบียบเป็นองค์การหรือสมาคม มีโครงสร้างซึ่งสามารถมองเห็นได้ มีระเบียบแบบแผนหรือกฎเกณฑ์ข้อบังคับ รวมทั้งระเบียบวิธีประพฤติปฏิบัติขององค์การหรือสมาคมนั้นๆ
3) องค์พิธีหรือพิธีการ หมายถึง วัฒนธรรมในส่วนของพิธีหรือพิธีการต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นนับตั้งแต่การเริ่มต้นของชีวิต
4) องค์มติหรือมโนทัศน์ หมายถึง วัฒนธรรมในด้านความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับมาจากคําสอนทางศาสนา
1.1.2 ความสําคัญของวัฒนธรรม
4) ทําให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม เพราะวัฒนธรรมคือกรอบหรือแบบแผนของ การดํารงชีวิต
5) ทําให้มีพฤติกรรมเป็นแบบเดียวกัน
3) ทําให้มีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันและให้ความร่วมมือกันได้
6) ทําให้เข้ากับคนพวกอื่นในสังคมเดียวกันได้
2) การศึกษาวัฒนธรรมจะทําให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ ค่านิยมของสังคม เจตคติความคิดเห็นและความเชื่อถือของบุคคลได้อย่างถูกต้อง
7) ทําให้มนุษย์มีสภาวะที่แตกต่างจากสัตว์
1) วัฒนธรรมเป็นเครื่องกําหนดความเจริญหรือความเสื่อมของสังคม และเป็นเครื่องกําหนดชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม
1.2 คุณค่า ความเชื่อ ค่านิยมทางสังคมที่มีผลต่อหลักการในการดําเนินชีวิต
1.2.1 ประเภทของความเชื่อ
1) ความเชื่อในสิ่งปรากฏอยู่จริง เช่น เชื่อว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก น้ําทะเลมีรสเค็ม
2) ความเชื่อขั้นพื้นฐานของบุคคล มี 2 ลักษณะ คือ เกิดจากประสบการณ์ตรง และเกิดจากการแลกเปลี่ยนพบปะสังสรรค์
3) ความเชื่อแบบประเพณี ในภาคเหนือเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับผีและอํานาจเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับป่า ภูเขาและลําน้ําความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระธาตุและผีวีรบุรุษ
4) ความเชื่อแบบเป็นทางการ เช่น ความเชื่อที่มีต่อหลักคําสอนในพระพุทธศาสนาเรื่องการมีสติ ความไม่ประมาท การบําเพ็ญเพียร ความเชื่อเกี่ยวกับการบริโภคอาหาร 5 หมู่การบริโภคนมแม่
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อ
1) ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา
2) ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ การขัดเกลาทางสังคม
3) ปัจจัยทางด้านบุคคล ได้แก่ ศาสนา อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ
ความเชื่อเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคและวิธีการดูแลสุขภาพ
1) ความเชื่อแบบอํานาจเหนือธรรมชาติและวิธีการดูแลสุขภาพ
วิธีการดูแลสุขภาพแบบเหนือธรรมชาติ ส่วนใหญ่ใช้การประกอบพิธีกรรมเป็นหลัก ครอบคลุมตั้งแต่การ
วินิจฉัยหาสาเหตุและกระบวนการในการรักษา ผู้ให้การดูแลรักษาสุขภาพในการแพทย์แบบอํานาจเหนือธรรมชาติ ประกอบด้วย 4 กลุ่ม คือ กลุ่มหมอดู กลุ่มหมอสะเดาะเคราะห์ กลุ่มหมอธรรม และกลุ่มหมอตํารา
2) ความเชื่อแบบพื้นบ้านและวิธีการดูแลสุขภาพ
วิธีการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน จะมีการทําพิธีตั้งขันข้าวหรือการตั้งคายซึ่งเป็นการไหว้ครูเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการรักษา รวมไปถึงพิธียอครูหรือบนครู แล้วถึงทําการวินิจฉัยโรค การรักษา จนถึงทําการปลงขันเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการสวมบทบาทของผู้ป่วยเพื่อก้าวข้ามผ่านไปสู่สภาวะปกติ
3) ความเชื่อแบบการแพทย์แผนตะวันตกและวิธีการดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพแบบแพทย์ตะวันตก จะมีการวินิจฉัยหาสาเหตุของความเจ็บป่วย ส่วนผู้ให้การดูแลรักษาในการแพทย์ตะวันตก จะประกอบไปด้วย ผู้ให้การรักษา คือ แพทย์หรือหมอที่ได้ผ่านการเรียนทางด้านแพทย์ศาสตร์มาโดยเฉพาะ
4) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพในช่วงเปลี่ยนผ่านสถานการณ์ชีวิต
4.1) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการเกิดแบบพื้นบ้าน
4.1.1)ระยะตั้งครรภ์
ความเชื่อเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ คนโบราณเชื่อว่าการตั้งครรภ์เป็นผลจากความสัมพันธ์ของมนุษย์กับดวงดาวในระบบจักรวาล
การดูแลสุขภาพในระยะตั้งครรภ์ จะเกี่ยวกับสุขภาพจิต สุขภาพกาย การดูแลทารกในครรภ์ การฝากครรภ์
4.1.2) ระยะคลอดบุตร
ความเชื่อเกี่ยวกับการคลอดบุตร
การดูแลสุขภาพในระยะคลอดบุตร
4.1.3) ระยะหลังคลอด
ความเชื่อเกี่ยวกับภาวะหลังคลอด
การดูแลสุขภาพในระยะหลังคลอด
4.2) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการเกิดแบบแพทย์ตะวันตก
4.2.1) ความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์
4.2.2) การดูแลสุขภาพแบบการแพทย์ตะวันตกมีหลักการดูแลคล้ายคลึงการแบบพื้นบ้าน
5) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความชรา
5.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชราและการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน
5.1.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชรา ปัจจัยชี้บ่งถึงความชรา
5.1.2) การดูแลสุขภาพวัยชราแบบพื้นบ้าน
5.2) ความเชื่อเกี่ยวกับความชราและการดูแลสุขภาพแบบการแพทย์แผนตะวันตก
5.2.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชรา กําหนดอายุตั้งแต่ 60 หรือ 65ปีขึ้นไป เป็นเกณฑ์เข้าสู่วัยชรา
5.2.2) การดูแลสุขภาพวัยชราแบบการแพทย์แผนตะวันตก ได้แก่ การดูแลด้านโภชนาการ การดูแลด้านฮอร์โมน การดูแลด้านการออกกําลังกาย การดูแลด้านการพักผ่อนนอนหลับ
6) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตาย
6.1) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน
6.1.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน มีความเชื่อในเรื่องวิญญาณ กฎแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิดและชาติภพ
6.1.2) การดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน จะมุ่งเน้นการตอบสนองทางด้านจิตวิญญาณของผู้ตายและเครือญาติ กล่าวคือ ให้สร้างสมความดีและผลบุญเพื่อการตายอย่างสงบ เกิดความสุขความเจริญในภพหน้า
6.2) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตายแบบแพทย์แผนตะวันตก
6.2.1) จะพิจารณาจากการหยุดทํางานของหัวใจและการทํางานของแกนสมอง
6.2.2) การดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการตายแบบแพทย์แผนตะวันตก มุ่งเน้นให้ระบบและอวัยวะต่าง ๆ สามารถทํางานต่อไปได้และยืดชีวิตผู้ป่วยให้ยาวนานมากที่สุด
1.2.2 ค่านิยมทางสังคม
ค่านิยมทางสังคมถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่กําหนดพฤติกรรมของสมาชิกสังคมนั้นๆ โดยตรง ทุกสังคมจึงมีระบบค่านิยมของตนเอง ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะที่คนในสังคมนั้นๆ ยึดถือว่ามีคุณค่าร่วมกัน เกิดจากการอบรมบ่มนิสัยหรือการปลูกฝังค่านิยมตั้งแต่ในวัยเด็ก
ปัจจัยทางสังคมหลายอย่างเข้ามามีอิทธิพลต่อการเรียนรู้
3) สถาบันศาสนา
4) สังคมวัยรุ่นและกลุ่มเพื่อน
2) โรงเรียน
5) สื่อมวลชน
1)ครอบครัว
6) องค์การของรัฐบาล
1.3 วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพและการแสวงหาการรักษาของประชาชนในภูมิภาคต่างๆของโลก
1.3.1 แนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพ หมายถึง ความคิด ความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพที่เชื่อมโยงตั้งแต่การดูแลสุขภาพตัวเอง การดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน ไปจนถึงการดูแลสุขภาพที่อาศัยความรู้วิทยาการหรือเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่
การดูแบสุขภาพทั้ง 4 มิติ
ป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยหรือพิการ
ดูแลรักษาสุขภาพเมื่ออยู่ในภาวะเจ็บป่วยเป็นโรค
ส่งเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ฟื้นฟูสุขภาพให้เข้าสู่ภาวะปกติ
1.3.2 ประเภทของวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
1) วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพในสภาวะปกติ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ
ฒนธรรมเกี่ยวกับการป้องกันโรค
2) วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพในสภาวะเจ็บป่วย
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการรักษาโรค
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
1.3.3ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
กระบวนการที่ประกอบด้วยแนวคิดหลัก 5 ประการ
Knowledge
การมีองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม
องความรู้เหล่านี้สามารถศึกษาได้จาก ศาสตร์ต่าง ๆ
องค์ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรมยังรวมไปถึงลักษณะเฉพาะ ทางด้านร่างกาย ชีววิทยา และสรีรวิทยาที่มีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์
Encounter
ความสามารถในการเผชิญและจัดการกับวัฒนธรรม
การหาประสบการณ์โดยการเข้าไปอยู่ร่วม ในสังคมต่างวัฒนธรรม จึงเป็นสิ่งสําคัญเพราะ ประสบการณ์ในลักษณะนี้จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
Skill
การมีทักษะเกี่ยวกับวัฒนธรรม การเรียนรู้วิธีประเมินความต่างทางวัฒนธรรม และการประเมินสุขภาพ เพื่อให้ได้มา ซึ่งความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม
Desire
ความปรารถนาที่จะมีสมรรถนะทางวัฒนธรรม ของบุคลากรทางสุขภาพ ที่ทําให้ ต้องการเข้าไปสู่กระบวนการพัฒนาสมรรถนะทางวัฒนธรรม
เป็นขั้นที่สูงที่สุดของสมรรถนะทางวัฒนธรรม
Awareness
การตระหนักรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม หมายถึง กระบวนการรู้คิดของ บุคลากรสุขภาพที่เล็งเห็นถึงความสําคัญของ การให้คุณค่า ความเชื่อ วิถีชีวิต พฤติกรรม และวิธีการแก้ปัญหาของผู้ใช้บริการต่างวัฒนธรรม
หากบุคลากรสุขภาพ (พยาบาล) ยังไม่เข้าใจ ลึกซึ้งในวัฒนธรรมตนเอง ก็มีโอกาสที่จะเกิดพฤติกรรมการบริการ ที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ใช้บริการต่างวัฒนธรรมได้
ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ สามารถจัดแบ่งได้ตามประโยชน์และโทษ ดังนี้
1) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น การให้ทารกกินนมแม่นานถึง 2 ปี หรือการห้ามหญิงหลังคลอดบริโภคน้ําดิบ
2) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ เช่น ห้ามหญิงมีครรภ์กินกล้วยแผด
3) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่แน่ว่าให้คุณหรือโทษ เช่น สังคมแอฟริกันบางสังคมให้เด็กกินดินหรือโคลน
4) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ให้โทษ เช่น การรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เป็นสาเหตุโรคพยาธิ โรคอุจจาระร่วง
แนวทางการดูแลสุขภาพที่เกิดขึ้นเป็นวัฒนธรรมของการดูแลสุขภาพของประชาชนนั้นประกอบด้วยระบบย่อย 3 ระบบคือ
1) ระบบการดูแลสุขภาพภาควิชาชีพ เป็นส่วนของการปฏิบัติการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ มีการจัดองค์กรที่เป็นทางการ
2) ระบบการดูแลสุขภาพภาคพื้นบ้าน หรือการดูแลแบบทางเลือก เป็นการปฏิบัติการรักษาที่มิใช่รูปแบบของวิชาชีพ ไม่มีการจัดองค์กร ใช้อํานาจเหนือธรรมชาติ
3) ระบบการดูแลสุขภาพภาคประชาชน เป็นส่วนของการดูแลสุขภาพภาคประชาชนซึ่งถูกปลูกฝังถ่ายทอดกันมาตามวัฒนธรรม ซึ่งการดูแลสุขภาพภาคประชาชน มีบุคคลที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยบุคคลและกลุ่มบุคคล 4 ระดับ คือ ผู้ป่วย, ครอบครัวผู้ป่วย, เครือข่ายสังคม (ได้แก่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน) และชุมชน