Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 2 Thalassemia, นางสาวฆูซัยฟะห์ มูซอดี รหัสนักศึกษา 6102051 -…
กรณีศึกษาที่ 2 Thalassemia
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมีย
ป้องกันอุบัติเหตุที่จะทำให้เสียเลือด หรือกระดูกหัก เพราะผู้เป็นโรคธาลัสซีเมียมีภาวะซีดและกระดูกจะเปราะหักง่าย ควรออกกำลังกายตามความเหมาะสมกับสภาพร่างกาย และควรระวังการถูกกระแทกที่บริเวณท้องเพราะจะเป็นอันตรายต่อตับและม้ามที่โตได้
ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ ในภาวะเจ็บป่วยควรดูแลให้ได้พักผ่อนมากกว่าเดิม
ให้ความรักเอาใจใส่ ให้กำลังใจ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่ท้อแท้ต่อการเจ็บป่วย
เมื่อมีไข้ ควรเช็ดตัวลดไข้ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ ถ้าไข้สูงมากควรรับประทานยาลดไข้พาราเซตามอลและรีบไปพบแพทย์แม้จะไม่ใช่วันนัด เพราะไข้อาจเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ซีดลงมากหรือก่อปัญหารุนแรงได้
ไม่ควรเปลี่ยนสถานที่รักษาบ่อย ๆ เพราะจะทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซีดมาก ต้องรับเลือดบ่อย จะมีภาวะเหล็กเกิน ควรฉีดยาขับเหล็ก เช่น เดสเฟร์ริอ๊อกซามีนหยดเข้าใต้ผิวหนัง วันละ 10 ชั่วโมง
ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์
แนะนำให้พกบัตรประจำตัวโรงพยาบาล เพื่อให้การช่วยเหลือได้เร็วในภาวะเกิดเหตุฉุกเฉิน
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาหารที่มีโปรตีนสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม และถั่วต่าง ๆ ควรรับประทานพืชผักใบเขียวซึ่งมีวิตามินโฟเลตสูงด้วย เนื่องจากผู้ป่วยต้องการสารอาหาร วิตามินและพลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง (ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ หัวใจ เลือดหมู เลือดไก่ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนจากการมีธาตุเหล็กมากเกินความต้องการของร่างกาย เพราะผู้ป่วยธาลัสซีเมียมีธาตุเหล็กในร่างกายสูงอยู่แล้ว
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่แออัด และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
รักษาความสะอาดของร่างกาย ปาก ฟัน เนื่องจากผู้ป่วยจะมีร่างกายอ่อนแอติดเชื้อโรคได้ง่าย และควรไปตรวจฟันกับทันตแพทย์ ทุก 6 เดือน เพราะฟันจะผุง่าย
ไม่ควรซื้อยาบำรุงเลือดมารับประทานเอง เพราะอาจเกิดอันตรายจากผลข้างเคียงของยาได้
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล : Domain 4 Class 4
เสี่ยงต่อการไหลเวียนของหลอดเลือดส่วนปลายในเนื้อเยื่อไม่มีประสิทธิภาพ (Riskfor ineffective peripheral tissue perfusion)
:
ข้อมูลสนับสนุน
: Objective data
อัตราการหายใจ 32 ครั้ง/นาที
Hb = 7 g%
Hct = 20 %
ม้ามโต
ซีดมาก
อ่อนเพลีย
ผิวหนังมีสีคล้ำ
เป้าหมายทางการพยาบาล
:
ผู้ป่วยมีการไหลเวียนของหลอดเลือดส่วนปลายในเนื้อเยื่อมีประสิทธิภาพ
เกณฑ์การประเมิน
:
1.สังเกตไม่พบอาการซีด คือ ปลายมือปลายเท้าไม่เย็น เขียวหรือคล้ำ capillary refill น้อยกว่า 2 วินาที
2.ไม่มีอาการอ่อนเพลีย
3.ไม่มีอาการหายใจหอบเหนื่อย อัตราการหายใจน้อยกว่า 20 ครั้ง/นาที
4.ม้ามไม่โต
5.ผิวหนังไม่มีสีคล้ำ
6.Hb = 11.5 – 15.5 g%
7.Hct = 35 – 45 %
กิจกรรมการพยาบาล
:
ประเมินสัญญาณชีพของผู้ป่วย ให้วัดความดัน ชีพจร อุณหภูมิและอัตราการหายใจและประเมินอาการซีดบริเวณปลายมือปลายเท้า ริมฝีปาก เพื่อประเมินเบื้องต้นก่อนให้เลือด 60 นาที
ดูแลให้ได้รับยา Lasix 20 mgV (เพื่อป้องกันการเกิดน้ำเกินจากการให้เลือด) , Dexamethasone 2 mg V (เพื่อบรรเทาอาการแพ้หรือลดอาการอักเสบที่รุนแรง) และCPM 2 mg push (เพื่อต้านการทำงานของ Histamine)ก่อนการให้เลือด
สังเกตและเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา ที่ให้ตามแผนการรักษา คือ
Lasix : ปวดศีรษะ ง่วมซึม ปากแห้ง คอแห้ง ภาวะขาดน้ำ
Dexamethasone : กล้ามเนื้อเกร็ง อ่อนแรง หรือรู้สึกชา หายใจตื้น มีอาการบวม
CPM : แน่นหน้าอก มีผื่นแดงลมพิษ ปัสสาวะขัดหรือปัสสาวะไม่ออก หน้ามืด
ตาพร่า ง่วงซึม ปากแห้ง จมูกแห้ง
ดูแลให้ได้เลือดตามแผนการรักษา คือ LRPC จำนวน 1 unit (250 ml) V drip in 4 hr.
สังเกตอาการผิดปกติระหว่างการได้รับเลือด เช่น หายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ผื่นขึ้น หากพบอาการผิดปกติ ควรหยุดให้เลือดและรายงานแพทย์ทันที
บันทึกการให้เลือด / ส่วนประกอบของเลือด ชนิด จำนวน วันที่ให้ และอาการของผู้ป่วยหลังการให้เลือดในบันทึกทางการพยาบาล
การประยุกต์ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
แนวทางปฏิบัติ เรื่อง การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด งานชันสูตร กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลสังคม
แนวทางปฏิบัติ เรื่อง การให้เลือดและส่วนประกอลเลือด ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยเชียงใหม่
การประยุกต์ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ขั้นตอนการให้เลือด
ตรวจสอบความถูกต้องของผู้ป่วย
กรณีผู้ป่วยรู้สึกตัว ให้ สอบถามชื่อ-สกุลของผู้ป่วยให้ตรงกับชื่อ-สกุลบนใบ คล้องเลือด และตรวจสอบHN บน ใบคล้องเลือดกับป้ายข้อมือของผู้ป่วย
กรณีผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ให้ ตรวจสอบชื่อ-สกุลและHN บนใบคล้องเลือดกับป้าย ข้อมือของผู้ป่วยกับ ลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย อย่างน้อย 2 ลักษณะขึ้นไป เช่น เพศ อายุ ลักษณะ การเจ็บป่วยการวินจิฉัยโรคเป็นต้น ห้ามใช้หมายเลขห้องหรือเตียงเป็นตัวบ่งชี้
ก่อนให้เลือด
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกระบวนการบ่งชี้ผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยอ่านชื่อ-สกุลของตนเองที่ใบคล้องเลือด สอบถามกลุ่มเลือดของผู้ป่วย หากพบว่าไม่ตรงกันห้ามให้เลือด ต้องตรวจสอบกลุ่มเลือดของผู้ป่วยซ้ำกับธนาคารเลือด และปรับอัตราการหยดเลือดตามแผนการรักษาหรือตามข้อบ่งชี้ของการให้เลือดส่วนประกอบของเลือด
ขณะให้เลือด การติดตาม การเฝ้าระวัง
ดูแลให้ได้รับเลือดตามแผนการรักษา คือ LPRC จำนวน 1 unit (250ml) V drip in 4 hr.
หลังให้เลือดวัดสัญญาณชีพทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก ทุก 30 นาทีในชั่วโมงต่อมา จากนั้นทุก 1 ชั่วโมงหลังเลือดหมด หากขณะให้เลือดพบสัญญาณชีพเพิ่มขึ้น 30 mmHg หยุดให้เลือด รีบแจ้งแพทย์ทันที
อาการผิดปกติของผู้ป่วยขณะให้เลือด เช่น เหนื่อยหอบ มีไข้ หนาวสั่น ผื่นคัน แน่น หน้าอก ปวดหลัง ให้หยุดให้เลือดแล้ว รายงานแพทย์
นางสาวฆูซัยฟะห์ มูซอดี รหัสนักศึกษา 6102051