Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ของเหลวในร่างกาย - Coggle Diagram
ของเหลวในร่างกาย
เลือด
ข้อมูลทั่วไป
โดยเฉลี่ยเลือดในร่างกายผู้ใหญ่ปกติจะมีประมาณ 70 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 5- 6 ลิตรในเพศชาย และประมาณ 4 - 5ลิตรในเพศหญิง
เลือดมีหน้าที่ ขนส่งก๊าซออกซิเจน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขนส่งสารอาหารโดยการดูดซึมสารอาหาร ให้เซลล์เนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ
เลือดมีหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ด้วยการไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
-
ส่วนประกอบของเลือด
องค์ประกอบของเลือดแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นของแข็งประมาณร้อยละ 40-50 และส่วนที่เป็นของเหลวประมาณร้อยละ 50-60
ส่วนที่เป็นของแข็ง ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cell) เซลล์เม็ดเลือดขาว (white blood cell) และเกล็ดเลือด (platelet)
ส่วนที่เป็นของเหลว เรียกว่า น้ำเลือด หรือ พลาสมา (plasma) ซึ่งประกอบด้วยน้ำมากกว่าร้อยละ 90 ที่เหลือจะเป็น ไอออน กลูโคส กรดอะมิโน ฮอร์โมน เอนไซม์ และโปรตีนต่างๆ
ถ้าเลือดที่เกิดการแข็งตัว โปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการแข็งตัวของเลือดถูกใช้ไปแล้ว น้ำเลือดส่วนที่เหลืออยู่ เรียกว่า ซีรัม (serum)
-
ฮีโมโกลบิน (hemoglobin)
ฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนสังยุค ที่มีหมู่ของสารอินทรีย์ที่เรียกว่า ฮีม (heme) เป็นหมู่พรอสเทติก และสายพอลิเพปไทด์ที่เรียกว่า โกลบิน (globin)
สายพอลิเพปไทด์ ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่ไม่เหมือนกันอยู่ร่วมกันในลักษณะของเททระเมอร์ (tetramer, a2B2) หรือ 4 หน่วยย่อย คือ สายโซ่แอลฟา (a) และสายโซ่เบตา (B) ชนิดละ 2 สาย
ในแต่ละหน่วยย่อยของสายโซ่โกลบินจะมีฮีมอยู่ 1 หมู่ ซึ่งมีเหล็ก [Fe (II)] อยู่ตรงกลางโมเลกุลของฮีมโดยจับอยู่กับพอร์ไฟริน (porphyrin) และส่วนของโปรตีนด้วยพันธะโคออร์ดิเนต
-
ระดับฮีโมโกลบิน
ระดับฮีโมโกลบินสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดและปริมาตรเม็ดเลือดแดงอัดแน่น (hematocrit) เพศชายจะมีระดับฮีโมโกลบินสูงกว่าเพศหญิง
ระดับฮีโมโกลบินที่ลดลงแสดงถึงภาวะโลหิตจาง ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น จากการเสียเลือด การขาดสารอาหารโดยเฉพาะธาตุเหล็กหรือวิตามินบี 12 และโฟเลท โรคเลือดทางพันธุกรรม เช่น ธัลลัสซีเมีย รวมถึงโรคของไขกระดูก ทำให้ผลิตเม็ดเลือดแดงได้ลดลง
ระดับฮีโมโกลบินสูง พบได้ในภาวะขาดสารน้ำในร่างกาย หรือโรคเลือดข้นจากการขาดออกซิเจนเรื้อรังหรือไขกระดูกทำงานผิดปกติ
-
-
เกล็ดเลือด (platelet)
- เกล็ดเลือดเป็นส่วนเซลล์ มีขนาดเล็กมากประมาณ 1/4 ของเม็ดเลือดแดง
- มีจำนวนประมาณ หนึ่งแสนถึงสี่แสนเซลล์ต่อเลือดหนึ่งมิลลิลิตร
- เกล็ดเลือดกำเนิดมาจากไซโตพสาสม์ของเมกาคาริโอไซท์ (megakaryocytes) ในไขกระดูก มีชีวิตอยู่ในกระแสเลือดได้ประมาณ 8-11 วัน
- เกล็ดเลือดมีหน้าที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังสามารถจับเชื้อโรคขนาดเล็กมาก เช่น ไวรัส
- หากมีปริมาณลดลง โดยเฉพาะระดับที่ลดลงมากกว่าห้าหมื่น จะทำให้เลือดออกมากและหยุดยากถ้าเกิดบาดแผล
- หากระดับเกล็ดเลือดต่ำกว่าสองหมื่น จะทำให้เลือดออกเองโดยไม่ต้องมีบาดแผลหรือการกระทบกระแทกใด โดยเฉพาะบริเวณเยื่อบุต่างๆ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหลหรือเลือดออกในอวัยวะสำคัญ ได้แก่ ทางเดินอาหาร หรือสมอง
- กล็ดเลือดต่ำ เกิดได้จาก ยา สารเคมีรังสี ภูมิต้านทานตนเองทำลายเกล็ดเลือด ไวรัส และม้ามที่โตผิดปกติ โรคของไขกระดูกทำให้ผลิตเกล็ดเลือดได้ลดลง เช่น ไขกระดูกทำงานผิดปกติหรือไขกระดูกฝ่อ โรคมะเร็งแทรกซึมในไขกระดูก เป็นต้น
น้ำและสมบัติของน้ำ
- คุณสมบัติการเป็นตัวทำละลายของน้ำ
-
- ความดันออสโมติก(osmotic pressure)
การออสโมซิส (osmosis)
เป็นการแพร่ของของเหลวผ่านเยื่อบางๆ (semipermiable membrane) ปกติจะหมายถึงการแพร่ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
การแพร่ของน้ำจะแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากด้านที่มีความเข้มข้นของสารถะลายต่ำ(น้ำมาก) ไปยังด้านที่มีความเข้มข้นของสารถะลายสูงกว่า (น้ำน้อย)
แรงดันออสโมติก
เกิดจากการแพร่ของน้ำจากบริเวณที่น้ำมากเข้าสู่บริเวณที่น้ำน้อย แรงดันนี้จะดันให้ของเหลวขึ้นไปในหลอดได้
-
-
-
-
- การสร้างพันธะไฮโดรเจน(Hydrogen Bond)
เกิดจากอะตอมของ H ที่สร้างพันธะโคเวเลนซ์อยู่กับธาตุที่มีสภาพไฟฟ้าลบ (EN) สูง เช่น F O N ทำให้ H มีสภาพไฟฟ้าเป็นบวก จึงเกิดอันตรกิริยาไฟฟ้าสถิตกับโมเลกุลอื่น(dipole-dipole force)
-
-
-
-
-
-