Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบเลือด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบเลือด
function of blood
transportation
regulation
protection
Platelet
เป็นองค์ประกอบของเลือดที่มีขนาดเล็กมากที่สุด
ในไขกระดูก เรียกว่า Thrombocyte
ช่วยทำให้เลือดหยุดไหล เมื่อเกิดแผล
(ช่วยในการแข็งตัวขงเลือด)
Homeostasis
vasoconstriction หลอดเลือดหดตัว
platelet aggregation อุดหลอดเลือดที่บาดแผล
coagulation, clot
เกิดการกระตุ้น prothrobin activation
Extrinsicpathway
Intrinsic pathway
prothrombin เป็น thrombin และเป็น thromboplastin
fibrinogen เป็น fibrin โดยใช้ Ca 2+
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
Abdominal discomfort ,fullness
Abdominal pain
Anemia
Angina pectoris
Anorexia
Back pain
Arthritis
Hematoma
Purpura
Bleeding per gum
Bruising
การซักประวัติ
Edema
Epistasis
Erythroderma
Fever
Fracture
Gastrointestinal Bleeding
Gum hypertrophy
Hemarthrosis
numbness
Pollor
Petechiae
Sore tongue
Weight loss
สาเหตุเลือดออกผิดปกติ
หลอดเลือดเปราะ ในผู้ป่วยที่มีปัญหา ติดเชื้อ ขาดอาหาร ขาดวิตามินซี รับประทานยา steroid นานๆ
ปริมาณเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia) หรือ เกล็ดเลือดทำหน้าที่ผิดปกติ)
ความพร่องในปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ลักษณะเลือดออกมักจะมี ecchymosis ขนาดใหญ่ เลือดออกในข้อ (hemarthrosis) เลือดออกในกล้ามเนื้อ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
platelet count
Bleeding time ค่าปกติ 2 – 7 นาที
Touniquet test ค่าปกติ 0-10 จุด
Clot retraction ปกติเกิดขึ้นภายใน 1 – 2 hr.
Venous clotting time (VCT) 5 – 15 นาที
Prothrombin time (PT) 12-15sec.
Partial thromboplastin time (PTT)
Thrombin time (TT) ค่าปกติประมาณ 1-2 วินาที
สาเหตุของภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
สร้างจากไขกระดูกได้น้อย
เกล็ดเลือดถูกทำลายมาก
เกล็ดเลือดถูกบีบ
การใช้เกล็ดเลือดมากเกินไป
เกล็ดเลือดต่ำเพราะมีปริมาณน้ำในร่างกายมาก
Idiopathic thrombocytopenic purpura ( ITP )
อาการเลือดออกจากการมีจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ
โดยร่างกายสร้าง platelet antiboby ขึ้นมาทำลายเกล็ดเลือดของตัวเองและของผู้อื่น
2 กลุ่ม
acute
chronic
ลักษณะอาการ
ส่วนใหญ่มีอาการเลือดออกตามผิวหนังและอวัยวะต่างๆ
petechiae, purpuric spot, echymosis, epistaxis, abnormal menstrual bleeding
รุนแรงที่สุด intracranial hemorrhage
ผลตรวจ
hemostatic level คือ 60,000 เซลล์/ลบ.มม
รุนแรง 20,000 เซลล์/ลบ.มม.
hematrocrit ปกติ
การรักษา
การรักษาตามอาการ
หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เลือดออก
การห้ามเลือดที่ออกในจมูกด้วยการทำ anterior nasal packing ถ้ายังออกไม่หยุด ทำ posterior nasal packing
แนะนำเกี่ยวกับโรค
ให้เกล็ดเลือดเฉพาะในรายที่มีเลือดออกรุนแรง
สมอง การผ่าตัด
การรักษาจำเพาะ
ให้ยา Pednisolone 1 - 2 มก./กก./วัน ยาจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด
ทำผ่าตัดเอาม้ามออก ( splenectomy )
เด็กที่อายุเกิน 4 ปี
Thrombocytopenia
อาการ
Ecchymosis
Purpura
Nosebleeds
Mennorrhagia
Hematuria
Blood in stool
Petechiae
การพยาบาล
Stop bleeding
บาดแผล ทำ pressure dressing
ยกบริเวณที่มีเลือดออกให้สูงเหนือกว่าระดับหัวใจ
Purpura ให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง
Epistaxis ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบปีกจมูกทั้งสองข้าง และวางกระเป๋าน้ำแข็งหรือ cold pack ที่บริเวณหน้าผาก
นอนศีรษะสูงตะแคงหน้าไปด้านที่มีเลือดออก
Bleeding per gum & teeth
ถ้ามองเห็นจุดที่เลือดออก ให้ผู้ป่วยกัด gauze ที่บริเวณนั้นไว้
งดการแปรงฟัน
Hemarthrosis พันข้อด้วย elastic bandage งดการเคลื่อนไหวข้อนั้นละยกข้อให้สูงเหนือระดับหัวใจ ประคบด้วยความเย็นใน 24 ชั่วโมงแรก
ป้องกัน bleeding โดยไม่ให้เกิด trauma
ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล
ขณะที่ผู้ป่วยหลับหรือสลึมสลือ ให้ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งป้องกันเด็กตกเตียง
การแทงเข็มให้สารน้ำควรให้ผู้ที่มีความชำนาญเป็นผู้ทำ ภายหลังเอาเข็มออกจากตัวผู้ป่วยต้องกดรอยเข็มไว้นานๆประมาณ 5 - 10 นาทีและต้องแน่ใจว่าเลือดหยุดจริง
ถ้า IV leakaged ต้องหยุดการให้ทันที
Snake bite
hematotoxin
Viper ได้แก่ งูแมวเซา (Russell’s viper; Daboia russelli)
เกิดเป็นลิ่มเลือดทั่วทั้งร่างกายที่เรียกว่าภาวะเลือดจับลิ่มในหลอดเลือดแพร่กระจาย (disseminated intravascular coagulation, DIC)
Pit-viper ได้แก่ งูกะปะ (Malayan pit viper; Calloselasma rhodostoma) และงูเขียวหางไหม้ (green pit viper; Trimerusurus spp.)
ไม่มีภาวะ DIC ภาวะเลือดออกผิดปรกติเกิดจากการที่ ไฟบริโนเจน ถูกใช้ไปหมด นอกจากนี้พิษงูยังมีผลทำลายเกล็ดเลือด ให้มีการลดลงของเกล็ดเลือดด้วย
อาการ
ปวด บวม แดง ร้อน แต่ไม่มาก
มีอาการเลือดออกผิดปรกติ
กรณีงูแมวเซา
อาการปวดกล้ามเนื้อตามตัวได้มาก มีอาการและอาการแสดงของภาวะ DIC และมีอาการของภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน
ในกรณีของงูกะปะและงูเขียวหางไหม้ อาการเลือดออกผิดปรกติมักไม่รุนแรง แต่อาการที่บริเวณแผลงูกัดจะรุนแรง
การรักษา
รักษาภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะช็อค anaphylactic shock การหยุดหายใจ
ปลอบใจและให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย
หยุดการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด
ให้ยาแก้ปวด แอเคตามิโนเฟน ไม่ให้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง
ให้ยาต้านจุลชีพในกรณีถูกงูเห่าและงูจงอางกัด ใช้ยาที่ครอบคลุมเชื้อทั้งแกรมบวก แกรมลบเละเชื้อไม่พึ่งอากาศ
ควรให้ยากันบาดทะยัก ในกรณีงูพิษต่อระบบเลือดควรให้หลังจากอาการเลือดออกผิดปรกติดีขึ้น
การให้เซรุ่ม
งูแมวเซา VCT>20 นาที ให้เซรุ่ม 60 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที
งูกะปะ VCT>20 นาที ให้เซรุ่ม 50 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที
เขียวหางไหม้ ให้เซรุ่ม 50 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที
การป้องกันปฏิกิริยา
ต้องเตรียมยาแก้แพ้เซรุ่มแก้พิษงูไว้ก่อนเสมอ โดยใช้ adrenalin 1:1,000 ขนาด 0.5 มล.สำหรับผู้ใหญ่ หรือ 0.01 มล.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. สำหรับเด็ก ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือเข้ากล้ามเนื้อ
การดูแลผู้ป่วย
ข้อบ่งชี้ในการให้เซรุ่มแก้พิษงู
มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
VCT นานกว่า 20 นาที หรือ 20 WBCT ผิดปกติ
จำนวนเกร็ดเลือด ต่ำกว่า 10 x 109 ต่อลิตร
ขนาดของเซรุ่มแก้พิษงูที่ใช้ คือ 30 มล. สำหรับความรุนแรงปานกลาง (moderate) และ 50 มล.สำหรับความรุนแรงมาก (severe)
การติดตามผู้ป่วย ติดตามภาวะเลือดออก และ VCT ทุก 6 ชั่วโมง
ในผู้ป่วยที่ถูกงูแมวเซากัด ติดตามการตรวจวัดปริมาณปัสสาวะทุก 6 ชั่วโมง
Integumentary system (Skin)
Temparature ต่ำ,Joint Pain,Cyanosis
,Focal ischemia,Superficial gangrene
,Petechiae,Subcutaneous hemorrhage
,Ecchemosis
Circulartory system
Pluse ต่ำลง
Cappillary filling น้อยกว่า 3 sec
Tachycardia
Respiratory system
Hypoxia,Dyspea
,Chest pain,Breath sound บริเวณที่มี Clot ขนาดใหญ่ลดลง ,มีอาการของ acute respiratory distress syndrome
GI
Gastric pain, Heartburn
Hemoptysis
Melana
Peritonral bleeding
Renal system
Urine output ลดลง
Bun, cr เพิ่มขึ้น
Hematuria
Neurogic system
Alternation and orentation ลดลง
Pupillary reaction ลดลง
Strength and movement ability ลดลง
Anxiety
Conjunctival hemorrhage
Headach
Vissual disturbances
ภาวะแทรกซ้อน
Renal failure
Gangrene
Pulmonary emboli or hemorrhage
Acute respiratory distress sysdrome
Stroke