Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบเลือด, นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา…
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบเลือด
ภาวะซีด
ภาวะที่มีจำนวนเม็ดเลือดแดงในร่างกายน้อยลงหรือน้อยกว่าปกติ โดยระดับของ Hb ลดลงต่ำกว่าค่าปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและเพศ
ผช. Hb < 13 g/dl , Hct < 39 และในผญ.Hb < 12 g/dl , Hct < 3ุ6
สาเหตุ
ภาวะซีดจากการเสียเลือดจากร่างกาย
ภาวะซีดจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเพิ่มขึ้นหรือมากผิดปกติ
ภาวะซีดจากการสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง
ภาวะซีดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายอย่างผิดปกติ
สาเหตุ
ความผิดปกติภายในเม็ดเลือดแดง ได้แก่ ความผิดปกติของผนังเซลล์เม็ดเลือดแดง ความผิดปรกติของเอนไซม์ในเม็ดเลือดแดง ความผิดปกติของฮีโมโกลบิน ภาวะที่มีฮีโมโกลบินในปัสสาวะเวลากลางคืน
ความผิดปกติภายนอกเม็ดเลือดแดง ได้แก่ ภาวะซีดที่เกิดจากเม็ดเลือดแตกจากภูมิคุ้มกัน
อาการและอาการแสดง
อาการซีด อาการเหลือง อาจพบม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต
ปัสสาวะมีสีคล้ำ ปวดท้องอย่างมาก มีแผลบริเวณผิวหนัง
ภาวะซีดจากธาลัสซีเมีย
ภาวะที่ทำให้มีการสร้างสายโกลบิน (Globin) ลดลงหรือไม่สร้างเลย ทำให้สร้างฮีโมโกลบินปกติลดลงหรือไม่สามารถสร้างฮีโมโกลบินปกติได้เลย
สาเหตุ
เป็นความผิดปกติของการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินซึ่งถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้มี HbF และ Hb α2 มากเกินปกติในผู้ใหญ่
Thalassemia major เป็นความผิดปกติรุนแรงเพราะมี Homozygous state มียีนผิดปกติซึ่งได้รับมาจากทั้งบิดามารดา
พยาธิสรีรภาพ
พบได้ตั้งแต่แต่ Mild microcytosis จนถึงตายในมดลูก ปรากฏอาการซีดจากโรคธารัสซีเมียเป็นชนิด Microcytic hypochromic hemolytic anemia
ร่างกายสร้างสายฮีโมโกบินที่ปกติลดลงจะเป็นผลให้สายโกลบินที่เหลือเพิ่มสูงขึ้น เช่น ในทารกที่เป็น α-Thalassemia ซึ่งมีการสร้างสา α ลดลงจะพบว่าสาย γ และสาย β สูงขึ้น ซึ่งมีโมโกลบินที่ผิดปกติเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติและจะตกตะกอนเมื่อเซลล์แก่ทำให้เม็ดเลือดอายุสั้นลง
อาการและการแสดงอาการ
ซีด โหนกแก้มสูง หน้าผากนูนใหญ่ตาเหลือง ดั้งจมูกแฟบ
ผิวหนังคล้ำ ท้องโตเพราะตับม้ามโต เข้าสู่ภาวะหนุ่มสาวช้า การเจริญเติบโตจะช้ากว่าเด็กปกติ
α-Thalassemia major
เป็นสาเหตุให้เกิด Hydrops fetalis และ Fulminant intrauterine congestive heart failure เด็กทารกมีหัวใจและตับโต บวมและท้องมานอย่างมากจะทำให้คลอดหรือเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาได้
β-Thalassemia minor
เป็นสาเหตุให้มี Mild to moderate microcytic hypochromic anemia ม้ามโตเล็กน้อย ผิวหนังเป็นสีบรอนซ์ และมีการขยายตัวของไขกระดูก มีความผิดปกติของโครงกระดูกซึ่งขึ้นกับระดับของ Reticulocytosis และขึ้นกับความรุนแรงของภาวะซีด มักไม่มีอาการ
การรักษา
แบบประคับประคอง
ยาขับเหล็ก
การตัดม้าม
การให้เลือด
กรดโฟลิก (Folic acid) ซึ่งเป็นยาบำรุงเม็ดเลือด
การรักษาอาการแทรกซ้อน ได้แก่ ภาวะติดเชื้อ และหัวในล้มเหลว
ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงและหลีกเลี่ยงยาบำรุงที่มีธาตุเหล็ก
การรักษาต้นเหตุ
การปลูกถ่ายไขกระดูก
การเปลี่ยนยีน
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำหนดเม็ดเลือด
การวางแผนการพยาบาล
มีความผิดปกติของผิวหนังเนื่องจากอวัยวะส่วนปลายขาดเลือดไปเลี้ยง
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากตับและม้ามโต การเมตะบอลิสมบกพร่อง
มีความผิดปกติของการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของหัวใจและปอดเนื่องจากการสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจไม่ดี
การปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเนื่องจากขาดความรู้
ภาวะซีดจากภาวะพร่องจี-6-พีดี
สาเหตุ
มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ X-linked หญิงที่เป็น Heterocygote จะเป็นพาหะถ่ายทอดภาวะนี้ไปให้บุตรชายประมาณครึ่งหนึ่ง
สารบางอย่าง เช่น ยา (Aspirin, Antimalarial drugs, Sulfonamides, Vitamin K) เป็นต้น
พยาธิสรีรภาพ
เป็นเอนไซม์ที่มีกับเม็ดเลือดแดงเป็นตัวช่วยในการ Glycolysis ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างพลังงานให้กับเซลล์เม็ดเลือดแดง หากมีความผิดปกติของ จี-6-พีดี จะเป็นสาเหตุให้มีการแตกแยกของเม็ดเลือดแดง
อาการและอาการแสดง
ภาวะซีดอย่างเฉียบพลัน ผู้ที่พร่อง จี-6-พีดี เมื่อมีภาวะเจ็บป่วยหรือได้รับยาหรือสารเคมีบางอย่าง ซึ่งมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงเป็นจำนวนมากแตกอย่างรวดเร็วในหลอดเลือด มีอาการซีดลงอย่างรวดเร็วร่วมกับถ่ายปัสสาวะดำและอาจตามมาด้วยภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน
ภาวะซีดเรื้อรัง เนื่องจากมีการแตกของเม็ดเลือดเรื้อรัง อาการมักจะเกิดขึ้นทันทีเป็นโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ มาลาเรีย ไทฟอยด์ ตับอักเสบ เป็นต้น หรือหลังได้รับยาที่มีปฏิกิริยาต่อกัน เช่น แอสไพริน คลอโรควีน ไพรมาควีน ควินิน หรือหลังรับประทานถั่วปากอ้าทั้งดิบและสุข ซึ่งมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ได้บ่อย
การรักษา
ดูแลให้สารน้ำและติดตามภาวะสมดุลของอิเล็กโตรไลท์
รักษาตามอาการ
ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน
ให้เลือด ชนิด Packed red cell เพื่อหลีกเลี่ยงโปแตสเซียมสูง
หาสาเหตุและหลีกเลี่ยงแก้ไข เช่น หยุดยาหรือขจัดสารที่เป็นสาเหตุทำให้เม็ดเลือดแดงแตก รักษาโรคติดเชื้อที่เป็นสาเหตุ
ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติในการสังเกตอาการผิดปกติ หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
การวางแผนการพยาบาล
มีภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโตรไลน์เนื่องจากการแตกของเม็ดเลือดแดง
มีความวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องโรค
ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากภาวะซีด
ภาวะซีดจากการเสียเลือดจากร่างกาย
อาการ
ซีด หรืออาจมีคนทักว่าเหลือง ซีด
เหนื่อยง่ายหรือรู้สึกเหนื่อยผิดปกติเวลาที่ต้องออกแรง
อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ไม่มีแรงเคลื่อนไหว ทำให้มีการเคลื่อนไหวช้าลง เวียนศีรษะ ออกกำลังกายไม่ได้ตามปกติ
เป็นลม หน้ามืด วิงเวียน
อาการทางสมอง เช่น รู้สึกสมองช้า เวียนศีรษะ หลงลืมง่าย ขาดสติในการทำงาน เรียนหนังสือไม่ดีเท่าที่ควร นอนไม่หลับ เป็นต้น
อาการหัวใจขาดเลือด
ปวดขา เดินได้ไม่ไกล หรือต้องหยุดพักบ่อย ๆ เวลาเดิน
เบื่ออาหาร ท้องอืด
อาการแสดง
อาการแสดงที่บอกว่ามีภาวะซีด
มีตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เล็กน้อย แสดงถึงภาวะซีดจากการแตกสลายของเม็ดเลือดแดง
มีจุดและจ้ำเลือดตามตัวซึ่งบ่งชี้ถึงการมีเกล็ดเลือดต่ำ
ลิ้นเลี่ยน
เล็บอ่อนยุบเป็นแอ่ง
ความดันโลหิตสูง
ต่อมน้ำเหลืองโต
ท้องมาน (Ascites) พบในโรคตับแข็ง
ข้อบวม พิการ พบในโรคข้อเรื้อรัง เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเอสแอลอี
ระยะของภาวะซีด
ภาวะซีดชนิดเฉียบพลัน หมายถึง มีอาการของภาวะซีดที่เกิดขึ้นใน 7-10 วัน ซึ่งเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ จากโรคหรืออวัยวะต่าง ๆ ส่งผลให้เลือดออกมาผิดปกติ อาจจะจากภายในร่างกายหรือภายนอกร่างกาย
ภาวะซีดชนิดเรื้อรัง หมายถึง มีอาการของภาวะซีดที่เกิดขึ้นมากกว่า 10 วัน อาจเป็นเดือน ๆ ก็ได้ ซึ่งเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ โดยตรวจสอบลักษณะทางคลินิก จากประวัติ อาการและอาการแสดง เพื่อช่วยบ่งชี้ถึงสาเหตุของภาวะซีดได้
การพยาบาล
รับประทานยาอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง ไม่รับประทานยาชุด ยาแก้ปวดเมื่อย ยาแก้อักเสบ ยาลูกกลอน
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีธาตุเหล็กและโปรตีนสูง ได้แก่ ไข ตับ ไต เนื้อสัตว์ และเมล็ดธัญพืช เช่น ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย เป็นต้น
การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะซีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การพักผ่อน และการออกกำลังกาย
ภาวะซีดจากการสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง
ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron-deficiency anemia; IDA)
การเสียเลือดชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
เสียเลือดจากอุบัติเหตุ มีประจำเดือนที่มากและนานกว่าปกติ
มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด สตรีที่คุมกำเนิดโดยการใช้ห่วงอนามัย การเสียเลือดในทางเดินอาหาร
แผลในกระเพาะอาหาร เนื้องอกในลำไส้ตรง มะเร็งในช่องท้องหรือลำไส้ใหญ่
การได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
กลุ่มความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ได้แก่ ทารกคลอดก่อนกำหนด วัยรุ่นหญิงเมื่อเริ่มมีประจำเดือน หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากธาตุเหล็กในแม่จะต้องส่งไปให้ทารกในครรภ์เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดงและหญิงให้นมบุตร
กลุ่มที่ได้รับธาตุเหล็กจากสารอาหารไม่เพียงพอ
ผลของการขาดธาตุเหล็ก
ต่อระบบโลหิตวิทยา
ขาดธาตุเหล็กน้อย ไม่ซีดและไม่มีอาการผิดปกติใด
ขาดธาตุเหล็กมากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดเลือดแดง เช่น ขนาดเล็กลง ระดับฮีโมโกลบินลดลง เม็ดเลือดแดงติดสีจางลง ตรวจพบMCV, MCH และ MCHC ลดลง สเมียร์เลือดจะพบเม็ดเลือดแดงมีลักษณะเม็ดเลือดแดงขนาดเล็กและติดสีจาง (Hypochromic-microcytic) จะเริ่มเกิดอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เป็นต้น หากซีดมาก ๆ อาจมีอาการและอาการแสดงของภาวะหัวใจล้มเหลวร่วมด้วย
อาการและอาการแสดง
ถ้า Hb ลดลงเหลือ 7-8 g/dl จะมีอาการซีด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หน้ามืด หากรุนแรงจะมีอาการมึนงง สับสน หัวใจล้มเหลว มุมปากอักเสบ อาจมีการอักเสบของหลอดคอและหลอดอาหารทำให้กลืนอาหารลำบาก ติดเชื้อง่าย ลิ้นเลี่ยนแดงหรืออักเสบ เล็บเปราะแบนคล้ายช้อนหรือเว้าลงเป็นรูปช้อน
ภาวะแทรกซ้อน
มีการติดเชื้อและภาวะปอดอักเสบ
รอยจ้ำเลือดตามผิวหนัง ปัสสาวะเป็นเลือด มีเลือดออกที่เหงือก
เมื่อให้ธาตุเหล็กทดแทนมากเกินไป ธาตุเหล็กไปจับกับเนื้อเยื่อมากเกินไป ซึ่งมีผลต่อตับ หัวใจ ต่อมพิทูอิทารี และข้อ
การรักษา
หลีกเลี่ยงสาเหตุของการเสียเลือด
ให้เหล็กโดยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมากขึ้น
การพยาบาล
แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพิ่มเหล็กพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที
ให้รับประทานร่วมกับวิตามินซีสูงในมื้อเดียวกัน
กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีเหล็กสูง เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ผลไม้ที่มีสีเหลือง (แครอท) ถั่ว ลูกเกด เป็นต้น
ภาวะซีดจากการขาดวิตามินบี12
สาเหตุ
การได้รับ วิตามินบี12 ไม่เพียงพอ
การดูดซึม วิตามินบี12 ผิดปกติ
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อมีการฝ่อของเยื่อบุของกระเพาะอาหารส่วนต้น ทำให้ขาด Intrinsic factor อาจเกิดจากพันธุกรรม ความผิดปกตินี้อาจเกิดจากออโตอิมมูน จึงต้องนำวิตามินบี12 ที่สะสมไว้มาใช้ เมื่อวิตามินบี12 ที่เก็บสะสมไว้ถูกนำมาใช้จนหมด จะเกิดอาการจากการขาดวิตามินบี12
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ความจำเสื่อม สับสน ชาที่แขนขา
กล้ามเนื้อขาไม่มีแรง มีอาการสั่นเดินแล้วล้ม การรับความรู้สึกเสียไป
ไม่มีรีเฟล็กซ์ อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย เจ็บปาก ลิ้นเลี่ยนแดง น้ำหนักลด
หากผู้ป่วยมีภาวะซีดอย่างรุนแรงจะมีอาการหายใจลำบากมากขึ้น
การรักษา
ให้เลือดเพื่อแก้ไขภาวะซีด
ให้รับประทานอาหารพวกปลา เนื้อสัตว์ นม และไข่
ให้ยาช่วยสร้างเม็ดเลือด เช่น Ferrous sulfate เป็นต้น
ภาวะซีดทำให้ผู้ป่วยอ่อนแรง อาจจะให้พักบนเตียงจนกว่าHbจะสูงขึ้น
ผู้ป่วยหนักมีผลกับหัวใจและปอดอาจต้องให้เลือด ให้ยาดิจิตาลีส ยาขับปัสสาวะ ให้อาหารจืด (Low sodium) สำหรับผู้ป่วยหัวใจวาย สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ให้วิตามินบี12 ทดแทน
การวางแผนการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากสูญเสียความรู้สึกและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทำ
ให้มีการบกพร่องด้านจิตใจและการรับรู้
อาจเกิดความผิดปกตีที่ผิวหนังเนื่องจากหลอดเลือดส่วนปลายเปราะ
ได้รับ วิตามินบี12 ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เนื่องจากการ ดูดซึมผิดปกติ หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่เหมาะสม
มีความบกพร่องในการแลกเปลี่ยนก๊าซเนื่องจากมีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อย
ภาวะซีดอะพลาสติก
สาเหตุ
ไขกระดูกล้มเหลวไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้ตามปกติ ทำให้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดต่ำกว่าระดับปกติ
เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมแต่กำเนิด (Fanconi syndrome) ทำให้เลือดพร่องเม็ดเลือดทุกชนิดสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
เกิดจากได้รับสารที่เป็นอันตรายต่อไขกระดูกโดยตรง
พยาธิสรีรภาพ
มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก พบว่า เซลล์ต้นกำเนิดมีคุณสมบัติผิดปกติไปจากเดิม เซลล์ฝ่อ ทำให้จำนวนเซลล์ในไขกระดูกลดลงมากจนถึงขึ้นไม่มีเซลล์ในไขกระดูกเลย หรือเรียกว่า Pancytopenia
และอาจมีผลมาจากสิ่งแวดล้อมในไขกระดูกที่ทำให้การแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ การได้รับสารหรือยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ต้นกำเนิดไปเป็นเซลล์ที่สมบูรณ์
อาการและอาการแสดง
มีจุดเลือดออกที่เยื่อบุเปลือกตาหรือเรตินา อ่อนเพลีย และหายใจลำบากเมื่อออกแรง
เลือดออกง่ายเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ จะพบจ้ำเขียวตามผิวหนัง เหงือกและฟัน
มีไข้จากการติดเชื้อในร่างกาย พบเม็ดเลือดขาวในเลือดต่ำกว่า 2,000 เซลล์/ลบ.มม. เป็นชนิดลิมโฟไซม์
การรักษา
ให้ Packed red cell, Platelet และให้เลือดชนิดต่าง ๆ การปลูกถ่ายไขกระดูกสำหรับผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ
ให้ยาปฏิชีวนะเมื่อมีการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา Aspergillus เป็นต้น ให้ออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยที่มีระดับฮีโมโกลบินต่ำ และให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา
การวางแผนทางการพยาบาล
ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ เนื่องจากภาวะพร่องออกซิเจน
มีโอกาสเสียเลือดเนื่องจากปริมาณเกล็ดเลือดต่ำและมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
มีโอกาสติดเชื้อเนื่องจากปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง
มะเร็งเม็ดเลือดขาว
สาเหตุ
ความผิดปกติของ โครโมโซม (Chromosomal aberration)
ไวรัสบางชนิดเช่น ไวรัสเฮชทีแอลวี (Human T-lymphotropic virus Type I หรือเรียกย่อว่า HTLV-1
รังสี (Ionizing radiation)
สารก่อมะเร็ง
อาการ
ติดเชื้อเมื่อมีเม็ดเลือดขาวปกติลดลง
ภาวะซีด จากเม็ดเลือดแดงลดลง
เลือดออกง่ายจากเกล็ดเลือดลดลง
การรักษา
การปลูกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation
การสร้างภูมิคุ้มกัน Biological therapy โดยการใช้ interferon กับเซลล์มะเร็งได้บางชนิด
เคมีบำบัด Chemotherapy
ผลข้างเคียงของการรักษา
รังสีรักษา Radiotherapy บริเวณที่ฉายแสงขนหรือผมจะร่วง ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้ง คัน ห้ามใช้ lotion ก่อนปรึกษาแพทย์
Chemotherapy เซลล์ปกติถูกทำลาย ผู้ป่วยจะคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่วง เป็นหมัน
การปลูกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ
นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา 61121301036