Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในการแก้ไขปัญหาทางจิตสังคมแก่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่…
การพยาบาลแบบองค์รวมในการแก้ไขปัญหาทางจิตสังคมแก่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยผู้สูงอายุ
การขาดที่พึ่ง (Homeless)
คำอื่นที่คนมักใช้เรียก
คนไร้ที่พึ่งพิง
คนไร้บ้าน
คนเร่าร่อน
หมายถึง บุคคลซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ บุคคลที่มีฐานะยากจน บุคคลที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และให้รวมถึงบุคคล ที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก และไม่อาจพึ่งพาบุคคลอื่นได้
สถานการณ์ของคนที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ หรือคนเร่ร่อนในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยในคนกลุ่มนี้กว่า 45% เป็นผู้ป่วยทางสมองและจิตเวช และยังพบว่าคนที่ใช้พื้นที่สาธารณะมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งในปัจจุบันยังพบว่ามีชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากด้วย
พระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ.2557คนไร้ที่พึ่งนั้นมีอยู่ 5 ประเภท คือ
1) บุคคลที่ประสบความเดือดร้อนอยู่ในภาวะยากลำบาก
2) คนเร่ร่อน
3) บุคคลซึ่งอาศัยที่สาธารณะเป็นที่พักนอนชั่วคราว
4) บุคคลที่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรแต่ไร้สัญชาติ
5) บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร
ปัญหาสุขภาพของคนไร้ที่พึง
ปัญหาปัจจัย 4
ปัญหาสุขภาพ
มีปัญหาสุขภาพจิต
การเข้าถึงระบบสุขภาพ
การดูแลบุคคลไร้ที่พึ่ง
พบเห็นทั่วไป
ให้ข้อมูลที่จำเป็น
แจ้ง 1300 สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม
ให้ความช่วยเหลือตามที่ช่วยได้
พบเห็น
แจ้งตำรวจ
แจ้งหน่วยงานปกครอง
แจ้ง 1667 สายด่วนสุขภาพจิต
แจ้ง 1300 สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม
จังหวัดมหาสารคาม
ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดมหาสารคาม
อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ชั้น 3
ห้อง 306 เบอร์โทรศัพท์ 043-777-827
หลักการดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง
ประเมินร่างกาย
ประเมินสภาพจิต
ดูแลแบบองค์รวม
ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังการรักษา
การดูแลด้านร่างกายผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง
การตรวจสุขภาพ
การกิน
สุขอนามัย
การนอนหลับพักผ่อน
การออกกำลังกาย
การดูแลโรคทางกาย
การสร้างสัมพันธภาพ
การตรวจสภาพจิตและคัดกรองทางจิต
การดูแลบำบัดรักษาในรายที่มีความเจ็บป่วยทางจิต
การผ่อนคลายความเครียด
การส่งเสริมความมีคุณค่าในตนเอง
การฝึกการเข้าสังคม
ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อทุเลาอาการ
ความโกรธ (Anger)
คำใกล้เคียงกันที่ควรรู้จัก
โกรธ (Anger)
สามารถเป็นแรงผลักดันด้านบวกให้บุคคลตัดสินใจและเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันตนเอง และมีอาการทางกายร่วมด้วย
ความโกรธเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ไม่พอใจและคุกคาม
นำไปสู่ความรู้สึกที่ไม่พอใจหรืออารมณ์รุนแรง
เป็นอารมณ์ธรรมชาติของมนุษย์ที่เกิดจากความหงุดหงิดง่าย
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความรู้สึกโกรธ
4)เปิดโอกาสให้ระบายความความรู้สึก
5)ให้การยอมรับและให้ข้อมูลว่าอารมณ์โกรธเป็นเรื่องปกติ
6)เมื่อความโกรธลดลงให้สำรวจถึงสาเหตุ
3)จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
2)สร้างสัมพันธภาพด้วยท่าทีที่เป็นมิตร สงบ มั่นคง ใช้คำพูดที่ชัดเจน กระชับ ตรงไปตรงมา
7)ชี้แนะและให้ข้อมูลให้ผู้รับบริการเข้าใจถึงผลเสียของการแสดงความโกรธออกมาอย่างไม่เหมาะสม
1)การรู้ตัวของพยาบาล (Self awareness)
8)ส่งเสริมให้ผู้รับบริการวางแผนหาวิธีระบายความโกรธของตนออกมาอย่างเหมาะสม
ก้าวร้าว (Aggression)
เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกที่เกิดจากความโกรธ คับข้องใจ รู้สึกผิด วิตกกังวล โดยมีเป้าหมายในการคุกคามหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียหาย อาจจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวและมีพฤติกรรมรุนแรง
ไม่เป็นมิตร (Hostile)
เป็นภาวะของความเป็นปรปักษ์ และมีความประสงค์ร้าย เกิดขึ้นเมื่อบุคคลรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามหรือขาดพลังอำนาจ
ซึ่งอาจแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา หรือซ่อนเร้น เช่น ใช้ถ้อยคำรุนแรง พูดล้อให้ได้อาย การเฉยเมยไม่พูดไม่ทักทาย
ความรุนแรง (Violence)
เป็นปฏิกิริยาของพฤติกรรมก้าวร้าวที่แสดงออกด้วยการ ทำร้าย หรือทำลายโดยตรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่น หรือทรัพย์สินได้ เช่น การทำลายข้าวของ การทำร้ายร่างกาย การฆ่าผู้อื่น การฆ่าตนเอง
สาเหตุของความโกรธ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ (Biological factor)
เนื้องอกที่สมอง
น้ำตาลในเลือดต่ำ
บาดเจ็บที่สมอง
สมองเสื่อม
สารสื่อประสาท(HT5, DA, NE)
ปัจจัยทางด้านจิตสังคม (Psychosocial)
ทฤษฏีการเรียนรู้ของสังคม (Bandura)
ทฤษฏีทางปัญญา (Beck)
ทฤษฏีพฤติกรรมศาสตร์ (Skinner)
ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ (Freud)
พฤติกรรมตอบโต้ต่อภาวะโกรธ
Aggressive behavior
จะแสดงความโกรธออกมาอย่างไม่ เหมาะสม เป็นพฤติกรรมเชิงทำลาย
Assertive behavior
จะแสดงความโกรธออกมาเป็น พฤติกรรมเชิงสร้างสรรค์ (Constructive behavior) โดยจะยอมรับว่าอารมณ์หรือความรู้สึกโกรธ เป็นเรื่องปกติ
Passive behavior
เมื่อมีความโกรธจะพยายามเก็บกดหรือ ปฏิเสธหรือซ่อนความโกรธของเขาเอาไว้
ผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง(Serious Mental Illness With High Risk to Violence)
มีประวัติทําร้ายผู้อื่นวิธีรุนแรง/ก่อเหตุการณ์รุนแรงในชุมชนผู้ป่วยที่มีอาการหลงผิด
มีความคิดทําร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิต หรือมุ่งร้ายผู้อื่นแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ระบุชื่อบุคคลที่จะมุ่งทําร้าย
มีประวัติทําร้ายตัวเองด้วยวิธีรุนแรงมุ่งหวังให้เสียชีวิต
เคยมีประวัติก่อคดีอาญารุนแรง (ฆ่า พยายามฆ่า ข่มขืน วางเพลิง)
ได้แก่ ผู้ป่วยโรคจิตเภท โรคซึมเศร้า และโรคอารมณ์สองขั้ว ที่มีภาวะอันตรายสูง และที่มี ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายสูง โดยมีเกณฑ์จําแนก ดังนี้
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวและมีพฤติกรรมรุนแรง
3)จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด ลดสิ่งกระตุ้น
4)สร้างสัมพันธภาพด้วยท่าทีที่เป็นมิตร สงบ มั่นคง ใช้คำพูดที่ชัดเจน กระชับ ตรงไปตรงมา
2)ประเมินระดับความก้าวร้าวและพฤติกรรมรุนแรง
5)ถ้าผู้ป่วยส่งเสียงดัง ควรเรียกชื่อของผู้ป่วยด้วยเสียงที่ดังพอสมควร
1)การรู้ตัวของพยาบาล (Self awareness)
6)อยู่ในระยะที่ปลอดภัย ไม่เข้าใกล้ผู้ป่วย เฝ้าสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วย
7)หลีกเลี่ยงการจ้องมองผู้ป่วยด้วยท่าทีขึงขัง
8)หากผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้บ้าง พูดคุยให้ผู้ป่วยได้ฉุกคิด เตือนสติโดยเน้นให้ผู้ป่วย
ผ่อนคลายอารมณ์ “ใจเย็นๆ มีอะไรก็คุยกันได้"
ตระหนักในอารมณ์ตนเอง “ดูท่าทางคุณกำลังโกรธ พอจะบอกได้หรือเปล่าคะ”
บอกความต้องการ “ต้องการอะไร จะให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง”
มีทางเลือกไม่ได้ถูกบีบบังคับให้จนมุม “อยากจะเล่าอะไรให้ใครฟังก็บอกได้นะ” “ถ้าไม่อยากฉีดยา ลองปรึกษากับหมอดีไหม เผื่อหมอจะมีวิธีอื่นๆที่เหมาะกับเรา”
วางอาวุธ “วางมีดก่อนดีไหม คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครถือมีด ทุกคนจะได้ปลอดภัย”
9)หากก้าวร้าวรุนแรง ควบคุมตนเองได้น้อยพิจารณาเรียกทีม จำกัดพฤติกรรมห้องแยก ผูกมัด และให้ยา
10)เมื่ออาการสงบ เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึก
11)แนะนำวิธีการจัดการกับความโกรธเพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว
ภาวะวิกฤตทางอารมณ์(Emotion crisis)
ความหมายของภาวะวิกฤตทางอารมณ์
เหตุการณ์ที่บีบคั้นต่อความสามารถในการทำหน้าที่ตามปกติ หรือรบกวนต่อความสำเร็จที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ในชีวิต
บุคคลใช้กลไกทางจิตในการปรับตัวตามปกติแต่ไม่ได้ผล และรู้สึกถึงภาวะที่ตนเองไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไปเกิดความวิตกกังวล
ภาวะการณ์รับรู้ของบุคคลแต่ละบุคคลหรือปฏิกิริยาที่มีต่อเหตุการณ์ที่เป็นภยันตราย
ประเภทของภาวะวิกฤต
2) วิกฤตการณ์ที่เกิดอย่างไม่คาดฝัน (Situational Crisis
เช่น ความเจ็บป่วย การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล การตั้งครรภ์ที่ไม่ต้องการ การคลอดก่อนกำหนดหรือบุตรพิการ การเจ็บป่วยการว่างงาน การตกงาน การหย่าร้าง ความตาย อุบัติเหตุ
3) วิกฤตการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติ (Disaster Crisis)
3/1) ภัยพิบัติจากธรรมชาติ (Natural Disaster) เช่น ซึนามิ น้ำท่วม โคลนถล่ม พายุ แผ่นดินไหว
3/2) ภัยพิบัติจากมนุษย์ (Man made Disaster) เช่น สงคราม การก่อเหตุร้ายแรง
1) วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในกระบวนการพัฒนาการ (Developmental or Maturational Crisis)
เป็นภาวะวิกฤติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยต่างๆ ของกระบวนการเจริญเติบโต เช่น การไปโรงเรียนครั้งแรก เริ่มงานใหม่ แต่งงาน มีบุตรคนแรก การเกษียน
ขั้นตอนการเกิดภาวะวิกฤต
Defensive Retreat พยายามขจัดปัญหาโดยใช้ DM
Acknowledgement เผชิญกับความเป็นจริงอย่างรอบคอบ
Initial Impact รู้สึกตึงเครียดเมื่อรับรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น
Resolution or disintegration ปัญหาคลี่คลายหรือยุ่งยากขึ้น
องค์ประกอบในการปรับตัวต่อภาวะวิกฤต
1)การรับรู้ต่อเหตุการณ์
2)กลไกในการปรับตัวเผชิญปัญหา การเรียนรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ
3)การได้รับความช่วยเหลือสนับสนุน ให้คำแนะนำปรึกษาหรือระบายความรู้สึกในปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้
4)บุคลิกภาพที่เข้มแข็ง (strong ego) เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ดี ใจเย็นและมีสติ
ผลของภาวะวิกฤต
ความโกรธ (Anger)
ความซึมเศร้า (Depression)
ความกลัว (Fear)
การมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง (Potential for Violence)
เป้าหมายของการพยาบาล
ช่วยเหลือบุคคลให้แก้ไขปัญหาในปัจจุบัน (Here and now) เพื่อให้เกิดการสมดุลของอารมณ์
เพื่อให้บุคคลสามารถกลับไปทำหน้าที่ได้เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม
เพื่อลดอารมณ์เครียดและป้องกันไม่ให้มีความเครียดเพิ่มขึ้น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีความสับสนเฉียบพลัน
การจัดการกับความเครียดไม่มีประสิทธิภาพ
วิตกกังวล
กิจกรรมการพยาบาล
12) ส่งเสริมการจัดการปัญหาอย่างเหมาะสม
13) ติดตามประเมินหลังแก้ไขภาวะวิกฤตทางอารมณ์
11) จำกัดพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น
10) การจัดการอารมณ์ที่ตึงเครียดอย่างเหมาะสม
9) ช่วยค้นหา social support
8)ให้บุคคลใกล้ชิดคอยช่วยเหลือ ตลอดจนใช้ศาสนาเป็นที่พึงทางใจ
7) ดูแลทางด้านร่างกาย
6) ส่งเสริมให้ผู้รับบริการรับรู้ตามความเป็นจริง
5) อธิบายให้รับบริการฟังว่าอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เช่นความรู้สึกผิด โกรธ เศร้า เกิดขึ้นได้เมื่อเกิดภาวะวิกฤต ทางอารมณ์ เพราะการรู้เช่นนี้จะทำให้อาการต่างๆ บรรเทาลงได้
4) รับฟังด้วยความตั้งใจ
3) กระตุ้นให้ผู้รับบริการพูดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
2) สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดเพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกไว้วางใจ
1)การประเมินผู้รับบริการ(assessment)
1/3) มีบุคคลหรือแหล่งสนับสนุนให้การช่วยเหลือ
1/4) ทักษะในการจัดการกับความเครียด (coping skills)
1/2) การรับรู้เหตุการณ์ของผู้รับบริการ
1/5) ความเสี่ยงในการทำร้ายตนเองของผู้รับบริการ
1/1) ผู้รับบริการ (Client) อยู่ในภาวะวิกฤตทางอารมณ์อย่างไร
จิตเวชชุมชน(Community Psychiatry)
หมายถึง
การป้องกันปัญหาทางจิต การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตของผู้ป่วยในชุมชน โดยสนับสนุนให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วม
เน้นบริการเชิงป้องกันอย่างต่อเนื่อง ครบวงจรด้วยการประสานความร่วมมือ ขยายเครือข่ายให้ประชาชนเข้าถึงและเท่าเทียม
การดูแลบุคคล ครอบครัวและชุมชนทางด้านสุขภาพจิตที่ครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพจิต
องค์ประกอบสำคัญ
ทีมสหวิชาชีพ
ชุมชน
ผู้ป่วย/ครอบครัว
นโยบาย
รักษาในโรงพยาบาลระยะเวลาสั้นๆ และกลับสู่ชุมชนเร็วขึ้น
รักษาในโรงพยาบาลเฉพาะรายที่มีอาการรุนแรง
มุ่งเน้นการดูแลในครอบครัวและในชุมชน
หลักการจิตเวชชุมชน
ยึดตามแนวคิดหลักการสาธารณสุขมูลฐาน ซึ่งเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ปัญหา แสวงหาความรู้ พิจารณาแนวทางแก้ไข
หลักการสำคัญ 3 ประการ คือ
1) การส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันการเจ็บป่วยทางจิต
2) ให้การบำบัดรักษาแบบทันทีทันใด
3) เน้นการบำบัดในที่เกิดเหตุหรือที่บ้านมากที่สุด
จัดหาและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของบุคคล ครอบครัวและชุมช
เป้าหมายของบริการสุขภาพจิตและจิตเวชในชุมชน
3) เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช
4) เพื่อประหยัดงบประมาณของโรงพยาบาลด้านการจ้างบุคลากร
2) เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่มีอาการระยะแรกให้ได้รับการรักษาตั้งแต่ต้น
5) เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับครอบครัวและชุมชน
1) เพื่อป้องกันการกลับมารักษาซ้ำในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบOPD
6) เพื่อให้การช่วยเหลือในเวลาที่วิกฤต
ลักษณะเฉพาะของจิตเวชชุมชน
2) ลักษณะการบริการเป็นแบบต่อเนื่องและสมบูรณ์ สอดคล้องตามวิถีชีวิต
3) เน้นการป้องกันทั้ง 3 ระดับ
Primary prevention พยายามลดปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดปกติทางจิต
Secondary prevention พยายามค้นหา วินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยให้เร็วที่สุด เพื่อลดระยะเวลาการป่วย
Tertiary prevention ป้องกันโรคแทรกซ้อนในระยะยาว ฟื้นฟูและติดตาม
1) มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต ป้องกันปัญหาทางจิต บำบัดรักษาดูแลช่วยเหลือ และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนประชากรผู้ที่สุขภาพจิตดี มีแนวโน้ม/ภาวะเสี่ยง และเจ็บป่วยทางจิต
การพยาบาลจิตชุมชน
ประเมินความสามารถในการทำหน้าที่ทางสังคม การงาน การดูแลตัวเอง ทุก 6 เดือน
สร้างความมีส่วนร่วมกับชุมชน ในการลดอคติและช่วยเหลือดูแลฝึกอาชีพ
ประเมินอาการโดยใช้แบบประเมินต่างๆ ความร่วมมือในการรับประทานยา/ฉีดยา และติดตามผลการรักษาทุกเดือน
ทำทะเบียนผู้ป่วยจิตเวช (Case registration ) เพื่อทำตารางการนัดหมายและติดตามการรักษา
ทำทะเบียนผู้ป่วยจิตเวช (Case registration ) เพื่อทำตารางการนัดหมายและติดตามการรักษา
สร้างความมีส่วนร่วมกับชุมชน ในการลดอคติและช่วยเหลือดูแลฝึกอาชีพ
ประเมินอาการโดยใช้แบบประเมินต่างๆ ความร่วมมือในการรับประทานยา /ฉีดยา และติดตามผลการรักษาทุกเดือน
ประสานครอบครัวและชุมชนเพื่อเตรียมจำหน่ายผู้ป่วย
การคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต
ประเมินคุณภาพชีวิตทุกปี
การให้สุขภาพจิตศึกษาชุมชนตามความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจิตที่พบและตามช่วงวัย
เยี่ยมบ้านเพื่อดูสัมพันธภาพของคนในครอบครัว ภาระที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย ความเครียดภายในบ้าน
ทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชนตามช่วงวัยที่อาจมีความเสี่ยง
เฝ้าระวังอาการกำเริบซ้ำ พฤติกรรมรุนแรงในครอบครัวและชุมชน
ดูแลให้ยาต่อเนื่อง ลดปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด สารเสพติด สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ใช้ยาในขนาดเดิมที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และนานถึง 6 เดือน เพื่อป้องกันอาการกำเริบ
ให้คำปรึกษาครอบครัว ลดการแสดงอารมณ์เสียต่อกัน ลดความคาดหวัง การควบคุม
ประสานกับหน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ เพื่อจดทะเบียนผู้พิการ
ญาติมีส่วนช่วยอย่างไร
สังเกตอาการเตือน (Warning sign)
ระดับที่ 2 ระดับปานกลาง ฟุ้งซ่าน หมกมุ่น ไม่หลับ ระแวง ไม่รับประทานอาหาร ไม่สนใจตนเอง
ระดับที่ 3 ระดับรุนแรง มีความคิดหวาดระแวง หลงผิด ประสาทหลอน หวาดระแวง ใช้ความรุนแรง
ระดับที่ 1 ระดับปกติ รับรู้ว่าตนเองหงุดหงิดง่าย มีความคิดกังวล เพิ่มขึ้น พักผ่อนได้น้อย แต่ควบคุมและจัดการตนเองได้
ส่งเสริมความมีคุณค่าในตนเองของผู้ป่วย
ไม่ตรีตรา
ใส่ใจความเป็นอยู่
เมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติให้พาผู้ป่วยมาพบแพทย์
หาสาเหตุกระตุ้นและหาทางแก้ไข
ดูแลให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
ชุมชนมีส่วนช่วยอย่างไร
ร่วมกันสอดส่องดูแล
ไม่ตรีตรา ให้การยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่ง
นางสาวปณิตา โสมาบุตร เลขที่่ 66 รหัส 612701066 ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 36