Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย - Coggle Diagram
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
ความหมายของกฎหมาย
ระเบียบ กฏเกฑ์ ข้อบังคับ ที่รัฐหรือผู้มีอำนาจกำหนดขึ้น
ควบคุมความประพฤติ/พฤติกรรมของมนุษย์
ลักษณะของกฏหมาย
ลักษณะของกฎหมาย
2.กฏหมายต้องกำหนดขึ้นโดยรัฐหรือผู้มีอำนาจ
ต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของผู้มีอำนาจในรัฐ(รัฏฐาธิปัตย์)สำหรับประเทศไทย องค์กรที่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย เช่น รัฐสภา รัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3.กฎหมายต้องบังคับใช้โดยทั่วไป
เมื่อมีประกาศใช้เเล้วบุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโดยเสมอภาค จะมีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ หรือ ทำให้เสียประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้เเก่บุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
1.กฏหมายของมีลักษณะเป็นกฏเกณฑ์
กฏหมายต้องเป็นข้อบังคับที่เป็นมาตรฐานที่ใช้วัดหรือกำหนดความประพฤติของคนในสังคมว่าถูกหรือผิดทำได้หรือไม่ได้
4.กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ
กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของบุคคลดังนั้นเพื่อให้บุคคลนั้นปฏิบัติตาม จึงจำต้องมีสภาพบังคับในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย หากเกณฑ์ใดไม่มีสภาพบังคับก็ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย
สภาพบังคับนั้นมีทั้งผลร้ายและดี
สภาพบังคับที่มีผลร้าย เช่น โทษทางอาญา
3.กักขัง
4.ปรับ
2.จำคุก
5.ริบทรัพย์สิน
1.ประหารชีวิต
สภาพบังคับที่มีผลดี เช่น กรณีกดทะเบียนสมรส ทำให้บุตรเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถใช้สิทธิของคู่สมรสไปลดหย่อนภาษีได้
ระบบของกฎหมาย
1.ระบบกฎหมายจารีตประเพณีหรือระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (Common law system)
มีต้นกำเนิดให้ชนเผ่าพื้นเมืองโดยมีการพิจารณาพิพากษาคดีที่อาศัยบรรทัดฐานจากคดีที่คล้ายคลึงกันเเละผู็พิพากษาคนก่อนๆตัดสินคดีเดิมไว้ต่อมากษัตริย์ได้พยายามสร้างหลักเกณฑ์การพิจารณาคดี
เนื่องจากศาลอังกฤษหรือผู้พิพากษาในคดีต่อมาจะต้องยึดถือคำพิพากษาในคดีก่อน(Precedent)เป็นหลักบรรทัดฐานในการตัดสินคดีเเต่ละเรื่องสิทธิจำเป็นต้องรวบรวมคำพิพากษาศาลสูงพิมพ์ไว้
ประเทศที่ใช้กฎหมายนี้ได้เเก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เเคนนาดา ออสเตรเลีย นิวซีเเลนด์ อินเดีย
2.ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษรหรือระบบประมวลกฎหมาย (Civil law system)
มีเเหล่งกำเนิดจากชาวโรมัน รับการจัดระบบอย่างดีในสมัยพระเจ้าจัสติเนียนโดยคำพิพากษาของศาลเเละการตีความของนักปราชญ์ทางกฎหมายจนได้กฎหมายที่บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
การพิจารณาคดีของศาลจะพิจารณาจากเกณฑ์ทั่วไปสู่การพิจารณาเฉพาะเรื่องโดยการตีความต้องพิจารณาตามตัวบทกฎหมาย คำพิพากษาของศาลเป็นเพียงตัวอย่างในการประยุกต์กฎหมายกับข้อเท็จจริง
นำหลักเกณฑ์มาร่างเป็นกฎหมายของประเทศ เช่น ฝรั่งเศษ เบลเยี่ยม อิตาลี เยอรมัน ญี่ปุ่น ไทย จีน สเปน เดนมาร์ก
ประเภทของกฎหมาย
กฎหมายที่เเบ่งตามสิทธิประโยชน์เเละความสัมพันธ์ของบุคคล
1.กฎหมายมหาชน (Public Law)
กฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน
โดยรัฐเป็นฝ่ายปกครองที่มีอำนาจเหนือกว่าประชาชน
กฎหมายอาญา
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
กฎหมายปกครอง
ธรรมนูญศาลยุติธรรม
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
2.กฎหมายเอกชน (Private Law)
กฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน
รวมทั้งหน่วยงานของรัฐเเละรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจเเบบเอกชน
กฎหมายเเพ่ง
กฎหมายพาณิย์
กฎหมายวิธีพิจารณาความเเพ่ง
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ กฎหมายเเรงงาน กฎหมายประกันสังคม
3.กฎหมายระหว่างประเทศ (International Law)
กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อประเทศ หรือรัฐต่อรัฐ
โดยมีเเหล่งกำเนิดจากขนบธรรมเนียมประเพณี ข้อตกลงหรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
3.2 เเผนกคดีบุคคล
3.3 เเผนกคดีอาญา
3.1 เเผนกคดีเมือง
กฎหมายที่เเบ่งโดยเเหล่งกำเนิดโดยกฎหมาย
กฎหมายภายใน
กฎหมายที่องค์กรของรัฐมีอำนาจในการบัญญัติกฎหมายบัญญัติขึ้นใช้ในประเทศ
กฎหมายภายนอก
กฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ หรือ เกิดจากความตกลงระหว่างประเทศ เช่น สนติสัญญา อนุสัญญา
กฎหมายที่เเบ่งโดยเจตนารมณ์เเละเนื้อหาของกฎหมาย
กฎหมายระเบียบโดยราชการ กฎหมายการเงินการคลัง กฎหมายธุรกิจ กฎหมายสาธารณะสุข กฎหมายอุสาหกรรม
กฎหมายที่เเบ่งโดยลักษณะการใช้กฎหมาย
กฎหมายสารบัญญัติ เช่น
กฏหมายเเพ่งเเละพาณิชย์
กฎหมายอาญา
กฎหมายคุ้มครองเเรงงาน
กฎหมายวิธีสบัญญัติ เช่น
วิธีพิจารณาความเเพ่ง
วิธีพิจารณาอาญา
กฎหมายที่เเบ่งโดยสภาพบังคับทางกฎหมาย
กฎหมาเเพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง
ลักษณะของระบบศาลไทย
ศาลของประเทศไทย
1.ศาลรัฐธรรมนูญ
เป็นองค์กรตุลาการที่จัดตั้งขึ้นครั้งเเรกตามรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เเทนคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ยุบเลิกไปเเละมีบัญญัติ พุทธศักราช 2550 มีอำนาจพิจารณาวินิฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ เเต่ไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอรรถคดีทั่วไป
2.ศาลยุติธรรม
2.1 ศาลชั้นต้น (Civil court/Court in the First instance)
ศาลแพ่ง
เป็นศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีเเพ่งทั้งปวงเเละคดีอื่นใดที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น ศาลเเพ่งมีเขตตลอดท้องที่กรุงเทพมหานคร ในกรณีที่มีการยื่นฟ้องเเละคดีนั้นเกิดขึ้นนอกเขตของสารเเพ่ง ศาลเเพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลยุติธรรมอื่นที่มีเขตอำนาจ
ศาลอาญา
เป็นสารชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร เเต่บรรดาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตอำนาจศาลอาญานั้นจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาก็ได้ ทั้งนี้อยู่ในดุลพินิจของศาลอาญาที่จะไม่ยอมรับพิจารณาคดีใดคดีหนึ่งที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นก็ได้
เป็นศาลยุติธรรมที่พิจารณาเเละชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นเเรก เมื่อมีการฟ้องร้องเเละนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
2.2 ศาลอุทธรณ์ (Appeal Court)
เป็นศาลลำดับที่สูงกว่าศาลชั้นต้นมีองค์คณะผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คนการตัดสินคดีของศาลอุทธรณ์จะเป็นไปในลักษณะยืนตาม เเก้ไข กลับหรือยกคำพิพากษาของสารชั้นต้น มิใช่เป็นการพิจารณาคดีใหม่นอกจากนี้ยังมีอำนาจวินิฉัยชี้ขาดคำร้องขออุทธรณ์ของคู่กรณี หากคู่กรณียังไม่พอใจคำตัดสินของชั้นอุทธรณ์สามารถฎีกาได้ ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของฎีกาที่กฎหมายกำหนด
2.3 ศาลฎีกา (Supreme Court)
เป็นศาลยุติธรรมสูงสุดเพราะมีประธานฎีกาซึ่งเป็นประมุขของตุลาการศาลยุติธรรม เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีเพียงศาลเดียวตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครองค์คณะผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน มีอำนาจพิจารณาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์เเล้เเต่กรณีตามบทบัญญัติของกฎหมายการวินิฉัยชี้ขาดของศาลฎีกาถือเป็นที่สิ้นสุดหรือเป็นคดีเเดง คู่กรณีไม่สามารถกลับมาฟ้องร้องได้
เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง
เว้นเเต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น
3.ศาลปกครอง (Administrative Court)
เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ในพุทธศักราช 2540 มาตรา 276 เเละมีการจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองพิตารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มีฐานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีทางปกครอง
เป็นคดีพิพาทระหว่างหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐกับเอกชน
เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเเละเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการปฏิบัติราชการ รูปเเบบพิจารณาคดีใช้" ระบบไต่สวน"ที่ศาลเป็นผู้ค้นหาความจริงด้วยตนเอง
4.ศาลทหาร
มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ทหารกองประจำการกระทำผิดตามกฎหมายพระธรรมนูญศาลทหาร
ระบบศาลของประเทศไทย
เป็นระบบศาลคู่ เเยกเป็นอิสระจากกัน มีผู็พิพากษาหรือตุลาการของเเต่ละศาลโดยเฉพาะ เพื่อให้เเต่ละคดีได้รับการวินิฉัยโดยผู้พิพากษาหรือตุราการที่มีความรู้ความเข้าใจกฏหมายเเละลักษณะคดีเเต่ละประเภทเหล่านั้นเป็นผู้ชี้ขาดตัดสินด้วยวิธีพิจารณาที่เหมาะสม
ระบบศาลคู่
ระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิฉัยชี้ขาดข้อพิพาทเฉพาะคดีเเพ่งเเละคดีอาญาเท่านั้น ส่วนคดีปกครองเเยกให้ศาลปกครองมีอำนาจในการวินิฉัยคดีดังกล่าว
ประเทศที่ใช้ระบบกฏหมายลายลักษณ์อักษร เช่น ฝรั่งเศษ เบลเยียม สหพันธ์สาธรณรัฐเยอรมัน
ระบบศาลเดี่ยว
ระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิฉัยชี้ขาดข้อพิพาททุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคดีเเพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง หรือคดีประเทศอื่นๆ
กลุ่มประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายจารีตประเพณี เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา
ลำดับชั้นหรือศักดิ์ของกฏหมาย
3.พระราชกฤษฎีกา (Royal Decree)
กฎหมายที่กำหนดรายละเอียดเป็นหลักย่อยของพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด ออกโดยฝ่ายบริหารที่อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจใช้บังคับประชาชนทั่วไป เเต่ไม่สามารถมีบทกำหนดโทษ เเละถ้ากฎหมายเเม่บทถูกยกเลิก พระราชฤกษฎีกาจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
4.กฎกระทรวง (Ministerial Regulation)
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหารคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ออกตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเเละอาศัยตามพระราชบัญญัติ โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาเห็นภาพจากรัฐสภา เเต่ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี เเละประกาศในราชกิจานุเบกษา จึงบังคับใช้กับประชาชนทั่วไป
2.พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด เเละประมวลกฎหมาย
2.1 พระราชบัญญัติ (พรบ.) (Act)
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐบาล คณะรัฐมนตรีเเละสมาชิกผู้เเทนราษฎรสามารถเสนอร่างกฎหมายผ่านพรรคการเมืองต้นสังกัดเมื่อผ่านขั้นตอนจากรัฐสภา นายกจะนำทูญเกล้าฯ เพื่อให้กษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยเเละประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา
2.2 ประมวลกฎหมาย (Code of Law)
เป็นการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายลายลักษณ์อักษรในเรื่องเดียวกันให้มาอยู่ในหมวดเดียวกันเพื่อง่ายต่อการศึกษา ค้นคว้า นำไปประยุกต์ ปรับปรุงหรือเเก้ไขกฎหมาย
2.3 พระราชกำหนด (Royal Enactment)
กฎหมายที่รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้เเก่ฝ่ายบริหาร เพื่อออกข้อบังคับที่มีความจำเป็นรีบด่วน อันเป็นประโยชน์มในการรักษาความปลอดภัยของประเทศ สาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
5.ระเบียบเเละข้อบังคับ (Rule/Regulation/Discipline)
กฎหมายที่ออกโดยหัวหน้าหน่อยงานองค์กร ผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารหรือคณะกรรมการเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติงานโดยอาศัยพระราชบัญญัติ
1.รัฐธรรมนูญ (Constitutional Law)
เป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงสุดกำหนดรูปเเบบการปกครองประเทศ เเละวางระเบียบอำนาจสูงสุดของรัฐหรืออำนาจอธิปไตย
6.ประกาศเเละคำสั่ง (Announcement/Command)
กฎหมายที่ออกโดยหัวหน้าหน่อยงาน เพื่อเป็นเเนวทางในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติหรือเพื่อปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ
7.อื่นๆ
ข้อบังคับท้องถิ่น กฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง เช่น ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติจังหวัด บังคับใช้เฉพาะพื้นที่เท่านั้น