Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.8 การพยาบาลด้านจิตสังคมสําหรับผู้ประสบสาธารณภัย, (ภายใน 72…
3.8 การพยาบาลด้านจิตสังคมสําหรับผู้ประสบสาธารณภัย
ปฏิกิริยาของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รุนแรง
ด้านปฏิกิริยา/การแสดงออก ได้แก่ นอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ ฝันร้าย ตกใจง่าย ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ เฉยเมย แยกตัวออกจากสังคม หวาดระแวง กวาดตามองไปมาบ่อยๆ หันเข้าหาสุราของมึนเมาและยาเสพติดมากขึ้น
ด้านอารมณ์ ได้แก่ ช็อค ไม่ยอมรับในสิ่งที่เห็น วิตกกังวล กลัว เศร้า โกรธ ต้องการแก้แค้นฉุนเฉียวง่าย โทษตัวเองและผู้อื่น อารมณ์แกว่งไปแกว่งมา คาดเดาไม่ได้
ด้านร่างกาย ได้แก่ อาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ รู้สึกร้อนหรือหนาว รู้สึกตีบแน่นในลําคอปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดท้องและคลื่นไส้อาเจียน ความอยากอาหารลดลงหรือเพิ่มขึ้น ทำให้สุขภาพทรุดโทรม
ด้านการรับรู้ได้แก่ สับสน มึนงง ไม่มีสมาธิ มีปัญหาด้านความจํา มีปัญหาในการตัดสินใจ ภาพทรงจําผ่านเข้ามาแบบวูบวาบ อาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังเผชิญเหตุการณ สะเทือนขวัญ อาการเหล่านี้มักจะหายเองภายใน 1 เดือน หากไม่หายควรพบจิตแพทย์
ปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์วิกฤต
ปฏิกิริยาทางจิตใจแบบโกรธ (Anger) ตะโกนด่า กระวนกระวายเดินไปมา ทําร้ายตนเองหรือขว้างของรอบตัว กล่าวโทษแก่ บุคคลอื่น พูดขู่อาฆาต ไม่ร่วมมือ แยกตัว
ปฏิกิริยาทางจิตใจแบบต่อรอง (Bargaining) พูดซ้ําๆ หรือพูดคาดคั้นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ อาจคาดหวังปาฏิหาริย์ บนบานศาลดล่าว ใช้คำพูดเหมือนหลอกตนเอง
ปฏิกิริยาทางจิตใจแบบช็อคและปฏิเสธ (Shock & Denial)
ปฏิเสธ ไม่ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มีอารมณ์เศร้า โกรธรุนแรง ควบคุมตนเองไม่ได้ มีอาการทางกาย ใจสั่น มือสั่น ตัวสั่น
ปฏิกิริยาทางจิตใจแสดงอารมณ์เศร้า (Depression) การร้องไห้ เสียใจ ปากสั่น ไม่พูดจา หมดเรี่ยวแรงอาจมีอาการเป็นลม หรือยืนไม่ไหว อาการเศร้ามักปรากฏร่วมกับการรู้สึกผิด และโทษตัวเอง
ปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้ประสบภาวะวิกฤต
ด้านร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ การพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีอาการนอนไม่หลับที่เกิดจากการฝัน
ร้ายกลางดึกเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นรวมทั้งภาพความสูญเสียของตนเอง
ด้านพฤติกรรม ไม่สนใจดูแลตนเองและสิ่งแวดล้อม แยกตัวออกจากสังคม ปฏิเสธการรับรู้เรื่องราว ลักขโมย หรือก่ออาชญกรรม การติดยา หรือสารเสพติด
ด้านจิตใจ เกิดอาการหวาดกลัว/หวาดผวา สถานที่เกิดเหตุการณ์หรือสิ่งเร้าที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่งผลให้ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตและทํางานเหมือนอย่างเดิมได้
ระดับทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT)
ทีมระดับอําเภอ ประกอบด้วย จิตแพทย์/แพทย์
พยาบาลที่รับผิดชอบงานสุขภาพจิตและจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก/นักจิตวิทยา/นักสังคมสงเคราะห์เภสัชกร นักวิชาการสาธารณสุขและเจ้าหน้าทีที่่เกี่ยวข้อง
ทีมระดับจังหวัด ประกอบด้วย จิตแพทย์พยาบาล
จิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก/นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์นักวิชาการสาธารณสุข เภสัชกร
ทีมระดับตําบล ประกอบด้วยผอ.รพ.สต.และ
ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพจิต รพ.สต.อสม. เจ้าหน้าที่มูลนิธิตัวแทนจาก อปท. แกนนําชุมชน
ทีมระดับกรมสุขภาพจิต ประกอบด้วยจิตแพทย์พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก/นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์นักวิชาการสาธารณสุขเภสัชกรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดูแลผู้ประสบภาวะวิกฤต/ภัยพิบัติกลุ่มเสี่ยงยุ่งยาก ให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต
การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤตของทีม MCATT
ระยะเตรียมการ
เป็นระยะการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตต่างๆ อย่างทันท่วงทีจําเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งระดับบุคคล องค์กรและชุมชน มีการซ้อมแผนการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
แผนการดําเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤต
จัดเตรียมทีมเพื่อปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต
ในการจัดเตรียมโครงสร้างการดําเนินงานช่วยเหลือ
ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
ระยะวิกฤต (ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ)
เน้นการช่วยเหลือตามสภาพความเป็นจริงทั้งด้านร่างกาย ความ
ต้องการพื้นฐาน
ด้านจิตใจ ซึ่งระยะนี้เป็นระยะที่สําคัญต้องให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภาวะวิกฤต (PFA) และให้การช่วยเหลือที่ตรงตามความต้องการ
ระยะนี้ผู้ประสบภาวะวิกฤตจะมีการตื่นตัวทาง สรีระและพฤติกรรม มีพลังอย่างมากเพื่อให้รอดชีวิต เกิดความเครียด หวาดผวา หวาดกลัว ช็อก วิตกกังวล สับสน
ระยะฉุกเฉิน (72 ชั่วโมง - 2 สัปดาห์)
การดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายจะพิจารณาตาม ความรุนแรง 6 กลุ่ม
กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบหลังประสบภาวะวิกฤต
กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก
กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาทางจิตเวชหรือใช้สารเสพติด
กลุ่มผู้พิการและเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มผู้สูญเสียบุคคลในครอบครัว/ทรัพย์สิน
และกลุ่มผู้ที่ต้องการบริการด้านสุขภาพจิต
1) เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ทีม MCATT เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภาวะวิกฤตในพื้นที่เสี่ยง โดยลงพื้นที่ร่วมกับทีมให้การช่วยเหลือทางกาย และจิตใจ แบบประเมิน/ คัดกรองภาวะสุขภาพจิต
2) คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตโดยใช้เวชระเบียนสําหรับผู้ประสบภาวะวิกฤต/ภัยพิบัติ (ผู้ใหญ่และเด็ก) และให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ
3) สํารวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และการให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ โดยใช้ วิธีให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ (PFA) สร้างสัมพันธภาพกับผู้ประสบภาวะวิกฤต สํารวจความ ต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต ด้านปัจจัยสี่ ความต้องการได้รับการดูแลรักษาโรคทางกาย
4) กรณีพบความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต ให้จัดทําทะเบียนกลุ่มเสี่ยงและวางแผนการติดตามต่อเนื่อง
5) สรุปรายงานสถานการณเ์บื้องต้นพร้อมทะเบียนกลุ่มเสี่ยง
การปฐมพยาบาลทางจิตใจ (Psychological first Aid: PFA) ด้วยหลักการ EASE
2.วิธีการประเมินผู้ได้รับผลกระทบ (Assessment: A)
ด้านร่างกาย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตมีอาการอ่อนเพลีย ควรจัดหานํ้าให้ดื่ม หาอาหารให้รับประทาน
ผู้ประสบภาวะวิกฤตเป็นลม ควรจัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้าและแขน
ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกายก็ต้องบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการให้ยา
ผู้ประสบภาวะวิกฤตกําลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ให้เคลื่อนย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ด้านจิตใจ
ประเมินสภาพจิตใจของผู้ประสบภาวะวิกฤตว่าอยู่ในช่วงอารมณ์ใด
ภาวะช็อกและปฏิเสธ โดยให้อยู่ในสถานที่ที่สงบ รู้สึกปลอดภัย ให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ระบายความรู้สึก การช่วยเหลือทางสังคม สอบถามความต้องการเร่งด่วน
ภาวะโกรธ โดยให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ
ภาวะต่อรอง โดยให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความจริงที่เหมาะสม ทักษะการบอกข่าวร้าย
ภาวะเศร้า โดยหาผ้าเช็ดหน้า นํ้าเย็น ผ้าเย็น ในรายที่มีอาการหายใจไม่ออก อาจใช้การฝึกหายใจแบบ Breathing Exercise หรือใช้การสัมผัส (Touching) เช่น การนวด
การประเมินภาวะฆ่าตัวตาย ประเมินหาสัญญาณของภาวะ/ ความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
ความต้องการทางสังคม การพบญาติ หรือครอบครัวให้ติดต่อประสานโดยการโทรศัพท์ ผู้ประสบภาวะวิกฤตไร้ญาติขาดมิตร ประสานกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภาวะวิกฤตต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน ทุนการศึกษา ให้ติดต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง
3.วิธีการเรียกขวัญคืนสติลดความเจ็บปวดทางใจเสริมสร้างทักษะ (Skills: S)
Touching skill แตะบ่า แตะมือ บีบนวดเบาๆ การสัมผัสจะทําให้ผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรง รู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัยมีที่พึ่งพา
Breathing exercise เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์
Grounding ทำให้ผู้ประสบเหตุกรณ์หันกลับเข้ามาอยู่กับความเป็นจริงรับรู้สภาพแวดล้อมและตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
การนวดสัมผัส และ การนวดกดจุดคลายเครียด
การลดความเจ็บปวดทางใจ
Active Listening
การสะท้อนความรู้สึก
การเงียบ
การทวนซ้ำ
การเสริมสร้างทักษะ
การคุยและใช้เวลาคุยกับคนอื่น เพื่อเป็นกําลังใจ พักผ่อนเพียงพอ ทํา
กิจกรรมที่มีความสุข หลีกเลี่ยงความหมกมุ่น
1.วิธีการสร้างสัมพันธภาพและการเข้าถึงจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ (Engagement: E)
การสร้างสัมพันธภาพ เริ่มจากการที่ผู้ให้การช่วยเหลือควรมีท่าทีสงบนิ่ง มีการแนะนําตัวเอง มีการมองหน้าสบตา รับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กําลังใจ ด้วยการพยักหน้า การสัมผัส
การสื่อสาร ควรเริ่มพูดคุยเบื้องต้นเมื่อผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตมีความพร้อม
การสังเกตภาษาท่าทางและพฤติกรรม
Nonverbal ลุกลี้ลุกลน น้ําเสียงกรีดร้อง ตะโกน นอนหรือนั่งแบบหมดอาลัยตายอยาก
Verbal พูดสับสนฟังไม่รูัเรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ําไปซ้ํามา พูดวกวน
4.วิธีการให้สุขภาพจิตศึกษาและข้อมูลที่จําเป็น (Education)
เติมเต็มความรู้ ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด และผลกระทบทางจิตใจ ที่อาจเกิดขึ้น
ติดตามต่อเนื่อง โดยการนัดหมายมาพบที่สถานบริการสาธารณสุข การโทรศัพท์ติดตามผล และการเยี่ยมบ้าน
ตรวจสอบความต้องการ
(ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ - 2 สัปดาห์)
นางสาว จิรประภา เจริญเจ้าสกุล 6001211061 เลขที่ 46 Sec B