Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่ 10, นางสาวกนกภรณ์ สุวรรณมาลี 36/1 เลขที่4 612001004 - Coggle Diagram

- - - - มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน
        
        อาการจะเร็วและรุนแรง อาจมีก้อนในช่องท้อง ช่องอกหรือในระบบประสาท
      - Burkitt lymphoma
        
        มีต้นกำเนิดจาก B-cell มีการกระจายในเนื้อเยื่อ มีก้อนเนื้องอกที่โตเร็วมาก พบเฉพาะในช่องท้อง รอบกระดูกขากรรไกร
      - มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน
        
        ต่อมน้ำเหลืองโตมาเป็นปี ไม่ปวด พบReed-Sternberg cell ไม่มีในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่น
    - - MRI
      - ตรวจกระดูก
      - CT scan
      - ตรวจ PET scan
      - ตรวจไขกระดูก เพื่อประเมินการกระจาย
      - การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
  - - - คลำพบก้อนบริเวณที่อยู่ต่อมน้ำเหลือง ไม่มีอาการเจ็บ
      - มีไข้หนาวสั่น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน คันทั่วร่างกาย
      - เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย
      - ไอเรื้อรัง ไอไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต
      - ปวดศีรษะ
    - - ซีด เลือดออกง่าย
      - รายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องจะแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องโต
- - - - ระยะชักนำให้โรคสงบ
        
        การให้ยาทำลายเซลล์ในเวลาสั้นให้มากที่สุดและมีอันตรายต่อเซลล์ปกติน้อยที่สุด เซลล์ไขกระดูกทำงานได้ปกติ ใช้เวลา 4-6 สัปดาห์
        
        ยาที่ใช้ Vincristine, Adriamycin, L-Asparagin และ Glucocorticoid
      - ระยะให้ยาแบบเต็มที่
        
        ให้ยาหลายชนิดร่วมกันภายหลังผู้ป่วยอยู่ในระยะโรคสงบแล้ว เพื่อให้ยาทำลายเซลล์มะเร็งให้เหลือน้อยที่สุด ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์
        
        ยาที่ใช้ Metrotrexate, 6-MP และ Cyclophosephamide
      - ระยะป้องกันโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
        
        ให้ยาเพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามเข้าสู้ระบบประสาทส่วนกลาง เพราะผู้ป่วยหลังให้ยา มักมีโอกาสกลับเป็นโรคอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีเกร็ดเลือดต่ำ ตับ ม้ามโต
        
        ยาที่ใช้ Metrotrexate, Hydrocortisone และ ARA-C
      - ระยะควบคุมโรคสงบ
        
        ให้ยาเพื่อควบคุม และรักษาโรคอย่างถาวร
        
        ยาที่ใช้ 6-MP กินทุกวันร่วมกับการให้ Metrotrexate
    - - การรักษาด้วยเกร็ดเลือด
        
        ให้เกร็ดเลือดเมื่อเกร็ดเลือดต่ำ ก่อนให้ยา
        
        การรักษาทดแทน
        
        ให้เลือดเพื่อให้ระดับฮีโมโกลบินไม่น้อยกว่า 7-8 กรัม/ดล. ในระยะแรกก่อนโรคสงบ
      - รักษาโรคแทรกซ้อนและอาการข้างเคียงของยา ควบคู่กับการรักษาแบบจำเพาะ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
  - - - ป้องกันภาวะเลือดออก
    - - ป้องกันคลื่นไส้อาเจียน
    - - รักษามะเร็งชนิด ALL
    - - ป้องกันติดเชื้อฉวยโอกาส
    - - รักษามะเร็งเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
    - - ป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีไข้หลังรับยาเคมีบำบัด
    - - รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
    - - ป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีไข้หลังรับยาเคมีบำบัด
    - - รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
- - - - ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดต่างๆลดลง ต้องตรวจเลือดก่อนให้ยาเคมีบำบัดทุกครั้ง
    - - มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน แผลในปากและคอ ท้องผูก
      - อาเจียน แพทย์ให้ยา Onsia IV
      - ป้องกันการติดเชื้อในปาก บ้วน 0.9% NSS ต่อเนื่องทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หรือทุก 2 ชั่วโมง
    - - ผมร่วง หลังได้ยา 2-3 w งอกใหม่หลังหยุดยา 2-3 เดือน
        ผิวหนังคล้ำ แห้ง
    - - ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่ถูกขับออกทางไต การตกตะกอนของยาทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยต้องได้รับน้ำมากพอ ต้องปรับให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นด่าง โดยให้ 7.5% NaHCO3
    - - ยาเคมีบำบัดบางชนิดทำลายที่ตับ อาจมีอาการ ตัวตาเหลิือง อ่อนเพลีย ปวดชายโครงขวา ท้องโตขึ้น เท้าบวม
  - - - ยาที่ใช้บ่อย MTX
      - หลังให้ยาต้องจัดให้ผู้ป่วยนอนราบ 6-8 ชั่วโมง ป้องกันการเกิด Herniation ของสมอง ต้องนำน้ำไขสันหลังออกเท่ากับจำนวนยาที่ใส่เข้าไป
    - - บ้วนปากด้วย 0.9%NSS อย่างต่อเนื่อง
      - ไม่แปรงฟันถ้าเกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 cell/cu.mm
      - Xylocaine Viscus ครั้งละ 1 ml อมไว้ 2-3 นาทีและบ้วนทิ้งเนื่องจากมียาชาผสม
      - ยาฆ่าเชื้อราในปาก Nystatin oral suspention อมไว้ 2-3 นาที สามารถกลืนได้ ไม่ต้องให้น้ำตาม ให้หลังให้นม
    - - Low Bacterial Diet ให้คุณค่าครบถ้วน แคลอรี่และโปรตีนสูง งดอาหารลวก ย่าง รวมทั้งผักสด ผลไม้ที่มีเปลือกบาง ควรดื่มนมยูเอชที ควรกินอาหารปรุงสุกใหม่ๆ
    - - การให้เลือด ประเมิน V/S ต่อเนื่อง
    - - ให้ Platiet concentration
  - - - อาการทางระบบอาหาร
      - ง่วงซึม
      - ทางเดินปัสสาวะอุดตัน ไตวาย
      - กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา หัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - ตะคริว ชัก เกร็ง
    - - วินิจฉัยอาการทางคลินิกร่วมกับผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- - - - มีก้อนในช่องท้อง ท้องโต ปวดท้อง ตาโปน มีรอยช้ำรอบตา มีไข้ ปวดกระดูก
- - - - มะเร็งระบบโลหิต เกิดจากความผิดปกติของ Stem cell ในไขกระดูกแบ่งตัวผิดปกติ ไม่สามารถ differentiate ไปเป็นเซลล์ตัวแก่ได้
      - เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและคุมไม่ได้ในไขกระดูก การสร้างเม็ดเลือดแดงและเกร็ดเลือดลดลง
      - มีอาการซีด เลือดออก ติดเชื้อง่าย
      - พบบ่อยคือ ALL
        
        แบ่งได้ 2 ชนิด
        
        T-cell lymphoblastic leukemia
        
        ส่วนใหญ่จะพบ B-cell lymphoblastic leukemia
      - เซลล์ผิดปกติถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือด ในรูป blast cell เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน
    - - Acute lymphob;astic leukemia (ALL)
        
        พบบ่อยในเด็ก 2-5 ปี
      - Acute myelogenous leukemia ( AML )
        
        พบในผู้ใหญ่ผู้ชายมากกว่าเด็ก
      - Chronic lymphocytic leukemia (CLL)
        
        พบบ่อยในผู้ชาย
      - Chronic myelocytic leukemia ( CML)
        
        พบน้อย
    - - ยังไม่ทราบแน่ชัด
      - ปัจจัยด้านพันธุกรรม
        
        เด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรม มีความเสี่ยงต่อการเกิด ALL,AML มากกว่าคนปกติ
        
        ครอบครัวมีสมาชิกที่เป็น ALL
        
        ในฝาแฝดที่เป็น ALL ตั้งแต่เด็ก แฝดอีกคนมีโอกาศเป๋็น 25%
      - 1ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
        
        มีประวัติได้รับรังสีไอออนไนซ์
        
        มีประวัติได้รับยาเคมีบำบัดจากมะเร็งชนิดอื่นมาก่อน
        
        สัมผัสสารเคมีเป็นพิษบางชนิด โดยเฉพาะสารเบนซิน สารฟอร์มาดีไฮด์์
        
        การรับสารเคมีต่างๆ ควันบุหรี่
      - เซลล์มะเร็งสามารถสะสมตามอวัยวะอื่นๆ
        
        ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง
    - - เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลียง่าย
      - เลือดออกง่าย
      - ติดเชื้อง่าย มีไข้
      - เม็ดเลือดขาวไปสะสมตามอวัยวะต่างๆทำให้มีก้อนที่ต่อมน้ำเหลือง
    - - เจาะเลือดหาเซลล์เม็ดเลือดขาว Blast cell
      - เจาะไขกระดูกเพื่อทำการยืนยัน