Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย, จิดาภา ตั้งอยู่ดำรงกุล 6001210217…
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
ลักษณะและประเภทของกฎหมาย
ระบบของกฎหมาย
ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร
หรือระบบประมวลกฎหมาย
(Civil law system)
การพิจารณาคดีของศาลจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ทั่วไปสู่การพิจารณาเฉพาะเรื่อง โดยการตีความต้องพิจารณาตามตัวบทกฎหมาย
คำพิพากษาของศาลเป็นเพียงตัวอย่างในการประยุกต์กับข้อเท็จจริง
ประเทศที่ใช้กฎหมายลายลักษณ์อักษร เช่น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อิตาลี เยอรมัน เดนมาร์ก ออสเตรีย สเปน สวิสเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ไทย จีน เป็นต้น
นำคำพิพากษาของศาล และการตีความของนักปราชญ์ทางกฎหมาย จนได้กฎหมายที่ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
ระบบกฎหมายจารีตประเพณี
หรือระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
(Common law system)
ประเทศที่ใช้กฎหมายระบบจารีตประเพณี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย
ผู้พิพากษาในคดีต่อมาจะต้องยึดถือคาพิพากษาในคดีก่อน (Precedent) เป็นหลักบรรทัดฐานในการตัดสินคดีแต่ละเรื่องสิทธิ ทำให้มีความจำเป็นต้องรวบรวมคำพิพากษาศาลสูงพิมพ์ไว้
ต่อมาได้พยายามสร้างหลักเกณฑ์การพิจารณาคดี โดยจัดตั้งศาลและส่งผู้พิพากษาไปตัดสิน คดีทั่วประเทศ จนเกิดเป็นกฎหมายจากคำตัดสินของผู้พิพากษาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
มีระบบการพิจารณาพิพากษาคดีที่อาศัย บรรทัดฐานจากคดีที่คล้ายคลึงกัน และผู้พิพากษาคนก่อนๆ ตัดสินคดีเดิมไว้
ประเภทของกฎหมาย
กฎหมายที่แบ่งโดยแหล่งกำเนิดของกฎหมาย
กฎหมายภายใน
เป็นกฎหมายที่องค์กรของรัฐที่มีอานาจในการบัญญัติกฎหมาย
บัญญัติขึ้นใช้ภายในประเทศ
กฎหมายภายนอก
เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศ
เช่น สหประชาชาติ
กฎหมายที่แบ่งโดยเจตนารมณ์
และเนื้อหาของกฎหมาย
เช่น กฎหมายระเบียบราชการ กฎหมาย การเงินการคลัง กฎหมายธุรกิจ กฎหมายสาธารณะสุข กฎหมายอุตสาหกรรม เป็นต้น
กฎหมายที่แบ่งตามสิทธิประโยชน์
และความสัมพันธ์ของบุคคล
กฎหมายเอกชน (Private Law)
เป็นกฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน
รวมทั้งหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่ดาเนินธุรกิจแบบเอกชน
ตัวอย่างกฎหมายเอกชน
กฎหมายพาณิชย์
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กฎหมายแพ่ง
กฎหมายระหว่างประเทศ (International Law)
เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อประเทศ
โดยมีแหล่งกำเนิดจากข้อตกลงหรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
แบ่งได้ออกเป็น 3 สาขา
แผนกคดีบุคคล
ดังนั้นแต่ละประเทศจึงต้องมีกฎหมาย รองรับกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เพื่อลดความขัดแย้ง
ตัวอย่างเช่น พระราชบัญญัติสัญชาติ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย
เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ของบุคคลต่างรัฐในทางแพ่ง เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ซึ่งแต่ละประเทศจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน ทำให้เกิดการขัดแย้งกันได้
แผนกคดีอาญา
ตัวอย่างเช่น กฎหมายความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา
เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ในคดีอาญาของบุคคลที่เกิดขึ้น โดย การกระทำผิดที่ต่อเนื่องในหลายประเทศ และต้องพิจารณาว่าประเทศใดมีอำนาจจับกุมและพิพากษาคดีเพื่อลงโทษบุคคลนั้น
แผนกคดีเมือง
เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ของรัฐเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่
มหาชน ทั้งในเรื่องเขตแดน การฑูต หรือกรณีพิพาท
ตัวอย่างเช่น สนธิสัญญาเกี่ยวกับเขตแดน กฎบัตรสหประชาชาติ
กฎหมายมหาชน (Public Law)
เป็นกฎหมายที่บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน
โดยรัฐเป็นฝ่ายปกครองที่มีอานาจเหนือกว่าประชาชน
ตัวอย่างกฎหมายมหาชน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายปกครอง
กฎหมายอาญา
กฎหมายที่แบ่งโดยลักษณะการใช้กฎหมาย
กฎหมายวิธีสบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับวิธีการพิจารณาคดีของศาล
ตัวอย่างเช่น วิธีพิจารณาความแพ่ง วิธีพิจารณาความอาญา เป็นต้น
กฎหมายสารบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่กาหนดสิทธิหรือหน้าที่ที่ให้บุคคลปฏิบัติ
ตัวอย่างเช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นต้น
กฎหมายที่แบ่งโดยสภาพบังคับทางกฎหมาย
เช่น กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง เป็นต้น
ลักษณะของกฎหมาย
กฎหมายต้องกำหนดขึ้นโดยรัฐหรือผู้มีอำนาจ
ต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของผู้มีอำนาจในรัฐ สำหรับประเทศไทย องค์กรที่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย
กฎหมายต้องบังคับใช้โดยทั่วไป
เมื่อมีการประกาศใช้แล้ว ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโดยเสมอภาคจะมีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้
กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์
ต้องเป็นข้อบังคับที่เป็นมาตรฐานที่ใช้วัดความประพฤติของคนในสังคมว่าถูกหรือผิด
กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ
ในเมื่อกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของบุคคล ดังนั้นเพื่อให้บุคคลนั้นปฏิบัติตาม จึงจำต้องมีสภาพบังคับ ในกรณีที่มีการผ่าฝืนกฎหมาย หากเกณฑ์ใดไม่มีสภาพบังคับก็ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย
สภาพบังคับนั้นมีทั้งผลร้ายและผลดี
สภาพบังคับที่มีผลร้าย
กักขัง
ปรับ
จำคุก
ริบทรัพย์สิน
ประหารชีวิต
สภาพบังคับที่มีผลดี
กรณีจดทะเบียนสมรส
ความหมายของกฎหมาย
กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ที่กำหนดขึ้น เพื่อควบคุมความประพฤติ
ของมนุษย์ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในสังคม
หากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกาหนด
ลำดับชั้นหรือศักดิ์ของกฎหมาย
พระราชกฤษฎีกา
ออกโดยฝ่ายบริหารที่อาศัยอานาจตามรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติ
ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ มีอานาจใช้บังคับประชาชนทั่วไป แต่ไม่สามารถมีบทกำหนดโทษ
เป็นกฎหมายที่กาหนดรายละเอียดที่เป็นหลักย่อยของพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของ
คณะรัฐมนตรี
เช่น พระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา
พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กฎกระทรวง
เพื่อออกกฎหมายเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ในการปฏิบัติงานตาม
พระราชบัญญัตินั้นๆโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากรัฐสภา
เช่น กฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล
เป็นกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหาร คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ
ซึ่งออกตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และอาศัยอานาจตาม
พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
พระราชกำหนด
และประมวลกฎหมาย
ประมวลกฎหมาย
เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นต้น
เป็นการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายลายลักษณ์อักษรในเรื่องเดียวกันให้มาอยู่ในหมวดเดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อง่ายต่อการศึกษา ค้นคว้า ปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมาย
พระราชกำหนด
จะเป็นประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ในกรณีต้องมีกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
เป็นกฎหมายที่รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้แก่ฝ่ายบริหาร เพื่อออกข้อบังคับในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน
คณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดนั้นต่อรัฐสภา ถ้าได้รับอนุมัติจะ
มีผลบังคับใช้เป็นพระราชบัญญัติต่อไป โดยจะต้องประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษา
เช่น พระราชกำหนดอัตราราคาน้ำมัน พระราชกำหนดอัตราภาษีอากร
พระราชบัญญัติ
เมื่อกฎหมายผ่านขั้นตอนการออกกฎหมายจากรัฐสภา นายกรัฐมนตรีจะนำทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา จึงถือว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้
กรณีวุฒิสภาไม่เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรนาเสนอ ให้วุฒิสมาชิกยับยั้งพระราชบัญญัติ นั้นไว้ และส่งคืนให้สภาผู้แทนราษฎร
ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา ผู้ที่สามารถเสนอร่างกฎหมายนี้ คือ คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอผ่านพรรคการเมือง
ระเบียบ และข้อบังคับ
เช่น ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2550 เป็นต้น
เป็นกฎหมายที่ออกโดยหัวหน้าหน่วยงานองค์กร ผ่านความเห็นชอบจาก
ผู้บริหารหน่วยงานหรือคณะกรรมการ เพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติงาน โดยอาศัยตามพระราชบัญญัติ
รัฐธรรมนูญ
รวมถึงการรับรองและการส่งเสริมสิทธิหน้าที่ของประชาชนชาวไทย
เป็นกฎหมายแม่บทของกฎหมายปกครองประเทศ ซึ่งกฎหมายอื่น
จะขัดแย้งไม่ได้
การตรากฎหมายรัฐธรรมนูญจะผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ก่อนเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติผ่านรัฐสภา
กำาหนดรูปแบบการปกครองประเทศ และวางระเบียบอำนาจสูงสุดของรัฐ ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจ บริหาร และอำนาจตุลาการ
ประกาศและคำสั่ง
เช่น ประกาศสภาการพยาบาลเรื่องห้ามมิให้ยาหรือสารละลายทางหลอดเลือดดำ เป็นต้น
เป็นกฎหมายที่ออกโดยหัวหน้าหน่วยงาน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ หรือเพื่อปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ
กฎหมายลายลักษณ์อักษรมีศักดิ์ของกฎหมายที่แตกต่างกัน โดยการออกกฎหมายที่มีศักดิ์ของกฎหมายต่ำกว่าจะออกได้ โดยต้องมีเนื้อหาไม่เกินขอบเขตอำนาจที่ให้ไว้ หากเนื้อหาของกฎหมายขัดแย้งกันต้องใช้กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่าบังคับ
อื่นๆ
เช่น ข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติเมืองพัทยา ข้อบัญญัติจังหวัด และเทศบัญญัติ ซึ่งมีผลบังคับใช้เฉพาะพื้นที่เท่านั้น
ข้อบังคับท้องถิ่น เป็นกฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
ลักษณะของระบบศาลไทย
ระบบศาลคู่
ส่วนคดีปกครองแยกให้ศาลปกครองเป็นศาลที่มีอานาจใน
การวินิจฉัยคดีดังกล่าว
ข้อพิจารณาของระบบศาลคู่ คือ การแยกระบบของผู้พิพากษาและ
การแยกองค์กรศาลปกครองออกจากระบบศาลยุติธรรม
เป็นระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท
เฉพาะคดีแพ่งและคดีอาญา เท่านั้น
ประเทศที่ใช้ระบบศาลคู่ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ใช้ระบบกฎหมาย
ลายลักษณ์อักษร เช่น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน เป็นต้น
ระบบศาลของประเทศไทย
เพื่อให้แต่ละคดีได้รับการวินิจฉัย โดยผู้พิพากษาที่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมายและลักษณะคดีแต่ละประเภทเหล่านั้นเป็นผู้ชี้ขาดตัดสิน
ด้วยวิธีพิจารณาที่เหมาะสม
ปัญหาใดอันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่อาจวินิจฉัยโดยศาลธรรมดาได้ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย
เป็นระบบศาลคู่ แยกเป็นอิสระจากกัน มีผู้พิพากษาหรือตุลาการของแต่ละ ศาลโดยเฉพาะ จะย้ายจากศาลหนึ่งไปดารงตาแหน่งในอีกศาลหนึ่งไม่ได้
ระบบศาลเดี่ยว
ประเทศที่ใช้ระบบนี้ ได้แก่ กลุ่มประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายจารีตประเพณี เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
เป็นระบบที่ให้ศาลยุติธรรมมีอานาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาททุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง หรือคดีประเภทอื่นๆ
ระบบนี้เป็นระบบที่ใช้กันมากที่สุด
ศาลของประเทศไทย
ศาลยุติธรรม
ศาลยุติธรรมมีรูปแบบการพิจารณาคดีด้วย “ระบบกล่าวหา”
ที่มีผู้พิพากษาเป็นคนกลางทำหน้าที่ตัดสินคดีความ
ศาลยุติธรรมมี 3 ชั้น
ศาลอุทธรณ์
เป็นศาลลำดับที่สูงกว่าศาลชั้นต้น มีองค์คณะผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน เพื่อพิจารณาตัดสินคดีที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินแล้ว
แต่คู่ความยังต้องการความเป็นธรรม
ซึ่งการตัดสินคดีของศาลอุทธรณ์จะเป็นไปในลักษณะยืนตาม แก้ไข กลับหรือยกคาพิพากษาของศาล ชั้นต้น มิใช่เป็นการพิจารณาคดีใหม่
หากคู่กรณียังไม่พอใจคำตัดสินในชั้นอุทธรณ์ สามารถฎีกาได้ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของฎีกาที่ กฎหมายกำหนด
ศาลฎีกา
องค์คณะผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์แล้วแต่กรณี ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการอุทธรณ์ฎีกา
การวินิจฉัยชี้ขาดของ ศาลฎีกาถือเป็นที่สุดหรือเป็นคดีแดง
ซึ่งคู่กรณีไม่สามารถนากลับมาฟ้องร้องได้
เป็นศาลยุติธรรมสูงสุด มีประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นประมุขของตุลาการ
ศาลยุติธรรม เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีเพียงศาลเดียวตั้งอยู่
ในกรุงเทพมหานคร
ศาลชั้นต้น
ศาลแพ่ง
เป็นศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งทั้งปวงและ คดีอื่นใดที่มิได้อยู่ในอานาจของศาลยุติธรรมอื่น
ศาลอาญา
เป็นศาลชั้นต้นซึ่งมีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวง
เป็นศาลยุติธรรมที่พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นแรก
เมื่อมีการฟ้องร้องและนาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือ กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอานาจของศาลอื่น
ศาลปกครอง
เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการปฏิบัติราชการ โดยรูปแบบการพิจารณาคดีใช้
“ระบบไต่สวน” ที่ศาลเป็นผู้ค้นหา ความจริงด้วยตนเอง
มีฐานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีในทางปกครอง ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่างหน่วยงานราชการ
ศาลปกครอง เป็นศาลที่ใช้ระบบไต่สวน โดยในแต่ละคดีจะมีการพิจารณาโดยองค์คณะของตุลาการ ต่างจากศาลยุติธรรมซึ่งใช้ระบบกล่าวหา
ศาลปกครองมี 2 ชั้น คือ ศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด
ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญมีอานาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กับรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีอานาจหน้าที่พิจารณาอรรถคดีทั่วไป
เป็นองค์กรตุลาการที่จัดตั้งขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แทนคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ยุบเลิกไป
ศาลทหาร
ศาลทหารมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ทหารกองประจำการกระทำผิดตามกฎหมายพระธรรมนูญศาลทหาร
ศาลที่ขึ้นอยู่ในกระทรวงกลาโหมมีทั้งศาลที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ
ศาลกลาโหมจึงมีลักษณะเป็นทั้งศาลทหารและศาลพลเรือน
จิดาภา ตั้งอยู่ดำรงกุล 6001210217 Sec B (10)