Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลด้านจิตสังคมสำหรับผู้ ประสบสาธารณภัย, กมลลักษณ์ จันทร์ศิริ…
การพยาบาลด้านจิตสังคมสำหรับผู้
ประสบสาธารณภัย
การปฐมพยาบาลทางจิตใจ (Psychological first Aid: PFA) ด้วยหลักการ EASE
วิธีการประเมินผู้ได้รับผลกระทบ (Assessment: A)
ประเมินและตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
มีอาการอ่อนเพลีย ควรจัดหาน้ำให้ดื่ม หาอาหารให้รับประทาน
เป็นลม ควรจัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้าและแขน
ทางด้านร่างกายก็ต้องบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการให้ยา
ผู้ประสบภาวะวิกฤตกำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย
การประเมินสภาพจิตใจ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะช็อกและปฏิเสธ
ระบายความรู้สึก และใช้เทคนิคการสัมผัสตามความเหมาะสม
สอบถามความต้องการเร่งด่วน ให้ความช่วยเหลือตามความต้องการอย่างรีบเร่ง
ให้อยู่ในสถานที่ที่สงบ รู้สึกปลอดภัย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะโกรธ
ให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่รุกเข้าไป
ให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening Skill) และพูดสะท้อนอารมณ์
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะต่อรอง
สนองความต้องการในสิ่งที่สามารถให้ได้
การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นจริงตามความเหมาะสม
อดทน รับฟัง ไม่แสดงอาการท่าทางเบื่อหน่าย
ทักษะการประเมินอารมณ์ ความรู้สึกผู้ประสบภาวะวิกฤตและทักษะการบอกข่าวร้าย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะเสียใจ
อาจใช้การฝึกหายใจแบบ Breathing Exercise
หรือใช้การสัมผัส (Touching) เช่น การนวด ผ่อนคลาย
การช่วยเหลือทางกายทำได้โดยหาผ้าเช็ดหน้า น้ำเย็น ผ้าเย็น ในรายที่มีอาการหายใจไม่ออก
การประเมินภาวะฆ่าตัวตาย
การปฐมพยาบาลทางจิตใจต้องระมัดระวัง ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อประเมินหาสัญญาณของภาวะ/ ความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
ประเมินความต้องการทางสังคม
หากไร้ญาติขาดมิตร ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน ทุนการศึกษา ให้ติดต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง
ต้องการพบญาติ หรือครอบครัวให้ติดต่อประสานโดยการโทรศัพท์
วิธีการสร้างสัมพันธภาพและการเข้าถึงจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ (Engagement: E)
การสังเกตภาษาท่าทางและพฤติกรรม
Nonverbal
แววตา
ท่าทาง
สีหน้า
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
Verbal
พูดสับสนฟังไม่รู้เรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ำไปซ้ำมา พูดวกวน
การสร้างสัมพันธภาพ
แนะนำตัวเอง มีการมองหน้าสบตา
รับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กำลังใจ ด้วยการพยักหน้า
การสัมผัส ซึ่งการแสดงออกของผู้ให้การช่วยเหลือควรเหมาะสมกับเหตุการณ์
การสื่อสาร
เริ่มพูดคุยเบื้องต้นเมื่อผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตมีความพร้อม
เพื่อให้พูดระบายความรู้สึกแต่ไม่ควรซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตอยากเล่า
วิธีการเรียกขวัญคืนสติลดความเจ็บปวดทางใจเสริมสร้างทักษะ (Skills: S)
การฝึกกำหนดลมหายใจ (Breathing exercise)
การลดความเจ็บปวดทางใจ
การฟังอย่างใส่ใจ (Active Listening)
การสะท้อนความรู้สึก
การเงียบ
การทวนซ้ำ
Touching skill (การสัมผัส)
การนวดสัมผัส และ การนวดกดจุดคลายเครียด
ทักษะการ Grounding
การเสริมสร้างทักษะ
วิธีการให้สุขภาพจิตศึกษาและข้อมูลที่จำเป็น (Education)
ตรวจสอบความต้องการ
โดยไต่ถามถึงข้อมูลและตรวจสอบความต้องการช่วยเหลือที่จำเป็นและเร่งด่วน
เติมเต็มความรู้
ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด และผลกระทบทางจิตใจ
ติดตามต่อเนื่อง
ร่วมกันวางแผนและหาแนวทางในการรับการช่วยเหลือต่างๆ เพิ่มเติม
การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤตของทีม MCATT
ระยะเตรียมการ
จัดเตรียมแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤต
จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต /ศูนย์วิกฤตสุขภาพจิต (MCC)/ ทีม MCATT
จัดเตรียมโครงสร้างการด าเนินงานช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
จัดเตรียมทีมเพื่อปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต
เตรียมความพร้อมทั้งระดับบุคคล องค์กรและรับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัด/นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
เตรียมความพร้อมของชุมชนเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤต
ซ้อมแผนการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
อมรมความรู้เรื่องการใช้แบบประเมิน/ แบบคัดกรองภาวะสุขภาพจิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
ระยะวิกฤต (ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ)
ปฏิกิริยาที่แสดงออกถือว่าเป็นปฏิกิริยาปกติในสถานการณ์ไม่ปกติ (Normal Reaction at Abnormal Situation)
การปฐมพยาบาลด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภาวะวิกฤต (PFA) และให้การช่วยเหลือที่ตรงตามความต้องการ
เน้นการช่วยเหลือตามสภาพความเป็นจริงทั้งด้านร่างกายความต้องการพื้นฐาน
การช่วยเหลือจะมุ่งให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
ระยะนี้ผู้ประสบภาวะวิกฤตจะมีการตื่นตัวทางสรีระและพฤติกรรม
ระยะฉุกเฉิน (72 ชั่วโมง - 2 สัปดาห์)
วางแผนในการให้ความช่วยเหลือได้ตรงกับความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต
ประเมินคัดกรองภาวะสุขภาพจิตเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงในแต่ละวัย และนำมาวางแผนในการช่วยเหลือ
ระยะนี้สามารถสำรวจหาข้อมูลของสถานการณ์ และความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ชัดเจนมากขึ้น
รวมถึงมีการจัดลำดับความต้องการของกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
ผู้ประสบภาวะวิกฤตเกิดกำลังใจว่า ครอบครัวและชุมชนจะสามารถฟื้นตัวได้
การดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายจะพิจารณาตาม ความรุนแรง 6 กลุ่ม โดยมีขั้นตอน ดังนี้
คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต (ผู้ใหญ่และเด็ก) และให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ
สำรวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และการให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ
ทีมMCATT เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยง โดยลงพื้นที่ร่วมกับ ทีมให้การช่วยเหลือทางกาย
กรณีพบความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต ให้จัดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงและวางแผนการติดตามต่อเนื่อง
สรุปรายงานสถานการณ์เบื้องต้นพร้อมทะเบียนกลุ่มเสี่ยง
ระยะนี้ผู้ประสบภาวะวิกฤตทั้งผู้สูญเสียหรือผู้รอดชีวิตจะมองโลกในแง่ดี
กมลลักษณ์ จันทร์ศิริ 6001210163 เลขที่ 7 Sec A