Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การวินิจฉัยแยกโรคระบบทางเดินหายใจ :<3: - Coggle Diagram

- - - - ติดเชื้อ แบคทีเรียและไวรัส การสูบบุหรี่ มลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ก๊าซพิษ ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องพบในชีวิตประจำวัน
    - - อาจมีไข้หรือไม่มีก็ได้ แต่จะมีอาการไอ ระยะแรกจะไอแห้งๆ เสียงก้อง ต่อมาจะมีเสมหะขาวข้น เปลี่ยนเป็นสีเหลืองขุ่นหายใจลำบาก หอบเหนื่อย
    - - ฟังปอดได้ยินเสียง (rhonchi) (wheezing)
    - - chest X-ray, Spirometry, เพาะเชื้อจากเสมหะ
  - - - ยุงลายเป็นตัวพาหะ โดยยุงตัวเมียจะกัดและดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี แล้วถ่ายทอดเชื้อไปสู่คนที่ถูกกัดได้
    - - ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ/ปวดกระดูก มีผื่น เลือดออกที่ผิวหนัง
    - - จุดเลือดออกที่ผิวหนัง เลือดกำเดา tourniquet test ให้ผลบวก
    - - CBC, (IgM), NS1 Ag
  - - - ไอเรื้อรัง มีเสมหะมากโดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน รู้สึกเหนื่อยหอบ หมดเรี่ยวแรง หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด
    - - ผิวกายเขียวคล้ำ การหายใจเกิน การขยายของทรวงอกขณะหายใจเข้าออกลดลงกระบังลมแบนต่ำ
    - - Spirometry, FVC
    - - การสูดดมควัน ฝุ่น หรือสารเคมี การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องหายใจเอาฝุ่นผง ละอองสารเคมี ในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน
  - - - มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล
    - - ปวดตามแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบตา ไข้สูง 39-40 ํ c เจ็บคอและคอแดงมีน้ำมูกใสไหล ตามตัวจะร้อน แดง ตาแดง
    - - ได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Influenza Virus ผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ
    - - throat swab, nasopharyngeal aspirate
  - - - ภาวะแทรกซ้อนของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดจากไข้หวัดหรือเชื้อไวรัสบางชนิด พันธุกรรม
    - - เหนื่อย เหนื่อยขณะที่ออกแรง หายใจไม่สะดวกขณะนอนราบ
    - - ฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ มีภาวะบวม
    - - CBC, BUN, Cr, LFT, X-ray, EKG
  - - - ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ
    - - ไข้ ต่อมไทรอยด์โต คลำที่ต่อมไทรอยด์จะรู้สึกเจ็บ น้ำหนักลด
    - - Warm and moist skin, anycholysis
    - - TSH, free T4, free T3, total T3
  - - - น้ำมูกไหล จาม คัดจมูกนำมาก่อน ไข้สูง หนาวสั่น หายใจหอบเหนื่อย อาจจะมีอาการเจ็บหน้าอกตำแหน่งที่เจ็บมักตรงกับบริเวณที่อักเสบ อาการไอ
    - - ฟังเสียงปอดพบ crepitations อาจได้ยินเสียง rhonchi ร่วมด้วย
    - - ติดเชื้อจากแบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส
    - - WBC, การตรวจเสมหะเพาะเชื้อ, hemoculture
  - - - เลือดที่จะไหลเวียนไปยังหัวใจถูกขัดขวาง หัวใจไม่ได้รับเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง กล้ามเนื้อหัวใจก็จะเสื่อมสภาพและเริ่มตาย
    - - รู้สึกบีบรัดและแน่นอึดอัด เหมือนมีอะไรมาทับที่บริเวณกลางหน้าอก หรือส่วนบนของร่างกาย อาจมีอาการปวดร้าวไปตามแขน คอ กราม
    - - ชีพจรเบาเร็ว หายใจได้ยินเสียงMurmur ฟังปอดได้ยินเสียงCrepitation
    - - ECG, Biochemical markers, Careliac biomarkers, Troponin, CK, CBC
  - - - ไอเรื้อรังนาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีไข้
    - - ฟังปอดได้ยินเสียงหวีด (wheeze) เขียว หัวใจเต้นเร็วหน้าอกโป่งหายใจหน้าอกปุ่ม
    - - หลอดลมมีภาวะไวต่อการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ พันธุกรรม
    - - CBC, การวัด FVE1, วัด PEF, Spirometry
  - - - การเจ็บป่วยที่ส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก หรือส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจโตตามมา
    - - หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียเฉพาะเวลานอน บวมตาม เท้า
    - - ดูรูปร่างของทรวงอก ผิวหนังอาจมีอาการบวมกดปุ่ม
    - - chest X-ray, EKG
  - - - ไอแน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีดหรือหอบเหนื่อยเกิดขึ้น เมื่อได้รับสารก่อโรค
    - - ฟังปอดได้ยินเสียง crepitation
    - - ติดเชื้อ Mycobacterium Tuberculosis ที่สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศโดยผ่านทางการไอ จาม การพูด และการหายใจ
    - - การถ่ายภาพรังสีทรวงอก ต้องทำร่วมกับการตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรค
  - - - การรวมตัวกันของไขมันที่ผนังภายในหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวรวมถึงการขัดขวางทางเดินของเลือด ร่างกายจึงไม่สามารถส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้
    - - เจ็บเค้นอก เจ็บหนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับ อาจมีร้าวไปบริเวณคอ กราม
    - - ฟังหัวใจได้ยินเสียงMurmur
    - - chest X-ray, EKG, cardiac enzyme test, echocardiogram
  - - - ติดเชื้อไวรัส
    - - เยื่อจมูกบวมและแดง คอแดงเล็กน้อย ทอนซิลบวมแดง
    - - ไข้ต่ำ ๆ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอ
- - - - Bisolvon 1 tab O tid pc
      - Ventolin สูดพ่นทุกครั้งที่มีอาการ
      - Precinisolone 3 tab O tid pc
      - Paractarmal (500 mg) 1 tab O prn q4-6 hr
    - - จัดสภาพที่อยู่อาศัยห้องนอนมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
      - การออกกำลังกายควรทำสม่ำเสมอ
      - หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นส่งผลให้เกิดการระคายเคือง
      - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกประเภท รวมทั้งผักและผลไม้