Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลภาวะ ล้มเหลวหลายระบบ, นางสาวตะวัน พงษ์อินทร์วงศ์ …
การพยาบาลภาวะ
ล้มเหลวหลายระบบ
สาธารณภัย
เป็นภัยที่เกิดแก่คนหมู่มาก เกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ อย่างกะทันหันหรือค่อย ๆเกิดขึ้น เป็นอันตรายต่อชีวิตและร่างกายต่อประชาชน เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ก่อให้เกิดความต้องการสิ่งจำเป็นพื้นฐานอย่างรีบด่วน
ประเภท
ที่เกิดตามธรรมชาติ
ภาวะภูมิอากาศและฤดูกาล
ตามสภาพภูมิประเทศ
ภัยที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก
ภัยทางชีวภาพ
ที่เกิดจากมนุษย์
ภัยจากการพัฒนาประเทศ
ภัยความขัดแย้งและปัญหาในสังคม
Mass Casualty
ระดับที่ 1 (Multiple-Patient Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน
ระดับที่ 2 (Multiple-Casualt Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่เกิน 100 คน
ระดับที่ 3 (Mass Casualt Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก (ตั้งแต่ 100 คน ขึ้นไป)
การจัดการสาธารณภัย
วัตถุประสงค์
หลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต
ป้องกันความเสียหายของทรัพย์สิน รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจ
ส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลโดยตรงต่อสังคมนั้นๆ
Disaster management cycle
ก่อนเกิดภัย
การป้องกันและลดผลกระทบ
(Prevention and Mitigation)
การเตรียมความพร้อมรับภัย
(Preparedness)
ระหว่างเกิดภัย
การตอบโต้และบรรเทาทุกข์(การจัดการในภาวะฉุกเฉิน)(Response and Relief or Emergency)
หลังเกิดภัย
การฟื้นฟูบูรณะและก่อสร้างใหม่
(Rehabilitation and Reconstruction)
ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
(Emergency Medical System : EMS)
การดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ โดยเน้นความรวดเร็ว วิธีการรักษาที่ถูกต้อง ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ
การพยาบาลสาธารณภัย
หลักสำคัญของ
การเข้าช่วยเหลือ
Safety
Scene
Situation
ลักษณะการทำงาน
Detection
Reporting
Response
On scene care
Care in transit
การดูแลผู้ประสบภัยพิบัติ
หรืออุบัติภัยหมู่
D– Detection
I - Incident command
S – Safety and Security
A – Assess Hazards
S – Support
T – Triage/Treatment
E – Evacuation
R – Recovery
บทบาทของพยาบาล
การเตรียมความพร้อม
การปกป้อง
ประเมินสถานการณ์ภัย
การเตรียมพร้อมรับสาธารณภัย
การจัดการในภาวะเกิดสาธารณภัย
การสื่อสาร
การสั่งการ
การคัดแยกผู้บาดเจ็บ
การักษา
ขนส่ง
การฟื้นฟูบูรณะ
Triage
(การคัดแยกผู้ป่วย)
Emergent สัญลักษณ์สีแดง ต้องได้รับการแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตภายใน 1 นาที และไม่เกิน 4 นาที
Urgent สัญลักษณ์สีเหลือง รอได้โดยไม่เกิดภาวะคุกคามต่อชีวิต แต่หาก
รอนานเกินไปอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงชีวิตได้
Non urgent สัญลักษณ์สีเขียว ผู้ป่วยแผลถลอก ปวดท้องเรื้อรัง
ผู้ป่วยเสียชีวิต สัญลักษณ์สีดำ
ESI Conceptual Algorithm
Decision Point A: Is the Patient Dying?
Decision Point B: Should the Patient Wait?
Decision Point C: Resource Needs?
Decision Point D: The Patient’s Vital Signs?
การประเมิน
Primary assessment
A ได้แก่ Airway maintenance with cervical spine protection
B ได้แก่ Breathing and ventilation
C ได้แก่ Circulation with hemorrhage control
D ได้แก่ Disability : Neurologic status
E ได้แก่ Exposure / Environment control
Secondary assessment
F ได้แก่ Fahrenheit ( Keep Patient warm)
G ได้แก่ Get a complete set of V/S
H ได้แก่ History & head- to-toe assessment
A = Allergies
M = Medications currently used
P = Past illnesses/Pregnancy
L = Last meal
E = Events/Environment related to the injury
I ได้แก่ Inspect posterior surfaces
trauma score
ประกอบด้วย
glasgow coma score
blood pressure
pulse rate
capillary filling
respiration
การรักษาขั้นต้น
Prehospital phase เป็นการดูแลผู้ป่วย ณ ที่เกิดเหตุ
airway maintenance
control of external bleeding and shock
immobilization
immediate transport ไปยังโรงพยาบาล
Inhospital phase เป็นการเตรียมให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉิน
airway equipment
intravenous crystalloid solution
monitoring capability
laboratory and radiology
communication with trauma center
universal precaution
MULTIPLE ORGANS
DYSFUNCTION SYNDROME
กลุ่มอาการที่อวัยวะทำงานผิดปกติ จนถึงขั้นล้มเหลว ตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป
ชนิดของ
MODS
Primary MODS
เป็นผลโดยตรงบริเวณที่เกิด injury มีผลทำให้เกิด impaired perfusion / ischemia
Secondary MODS
ส่วนมากเป็น a complication of septic shock/ Systemic Inflammatory Response Syndrome: SIRS
any forms of shock อาจเป็นสาเหตุ เพราะทำให้เกิดภาวะ inadequate tissue perfusion
ทฤษฏี/สมมุติฐาน
การเกิด
Macrophage theory : กระตุ้น macrophages บริเวณที่มีการบาดเจ็บมากเกิน และกระตุ้น neutrophils, endothelial cell ทั่วทั้งร่างกาย ทำให้มีการทำลายอวัยวะที่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ
Microcirculatory hypothesis : Tissue hypoxia จาก hypotension & shock
Endothelial-Leukocyte Interaction : ปฎิสัมพันธ์ระหว่างเม็ดเลือดขาว & เซลเยื่อบุผนังด้านในของหลอดเลือด
Gut Hypothesis : การบาดเจ็บที่รุนแรงทำให้เกิด gut hypoxia, mucosal leakage ทำให้ bacterial translocation เข้ามาในร่างกายผ่าน portal system เข้าตับ กระตุ้นKupffer’s cells หลั่ง pro-inflammatory cytokines ออกมามากกระจาย
อาการที่พบบ่อย
Sepsis
Septic Shock
SIRS
การพยาบาลผู้ป่วยที่
ได้รับบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ
ใบหน้า
จากอุบัติเหตุ จะพบมีเลือดในช่องปากหรือจมูกและฟันหลุดในช่องปาก กระดูกขากรรไกรบนที่แตกรุนแรง
ประเมินโดย : ตรวจร่างกายเบื้องต้น primary assessment
การรักษา : Clear airway, Control hemorrhage, Management of shock
คอ
อาการแสดง : ปวดต้นคอ กล้ามเนื้อคอแข็งเกร็ง,ปวด,บวม,อาจมีรอยฟกช้ำของเลือดให้เห็น มีแขนหรือขาชา และ อ่อนแรงร่วมด้วย ควรคำนึงถึงอาจได้รับบาดเจ็บหลอดอาหารด้วย
การรักษา
ดามคอที่หักให้ตรง rigid cervical collar
ดึงกระดูกคอ
การผ่าตัด
ทรวงอก
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ภาวะการเปลี่ยนแปลงในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural cavity)
ลมรั่วเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด
ของเหลวเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด
การติดกันของเยื่อหุ้มปอดชั้นนอกและชั้นใน
การเสียความแข็งแรงของผนังทรวงอก
ภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial Cavity)
ภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเมดิเอสตินั่ม (Mediastinum)
เกิดการเบียดเมดิเอสตินั่มไปข้างใดข้างหนึ่ง
เกิดการแกว่งของเมดิเอสตินั่ม
มีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตในเมอิเอสตินั่ม
ติดเชื้อในเมดิเอสตินั่ม
การกดต่อเมดิเอสตินั่ม
ภาวะที่มีลมรั่วเข้าไปในเลือด (Air emboil)
การรักษา
ยึดหลัก ABCD
ภาวะอกรวน ยึดทรวงอกให้อยู่นิ่ง
รักษาภาวะช็อค
Cardiac tamponade มีอาการสำคัญ เรียก Beck’s Traid ทำ Pericardiocentesis
ท้อง
มี 2 ประเภท
Blunt trauma การบาดเจ็บที่ไม่มีแผลทะลุที่ท้อง หรือถูกกระแทก การให้การช่วยเหลือโดยวิธีการผ่าตัด สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
Penetrating trauma เป็นการบาดเจ็บที่มีแผลทะลุหน้าท้อง แบ่งออกเป็น การบาดเจ็บที่มีแผลถูกแทงจากของมีคม และการบาดเจ็บที่ท้องที่มีแผลถูกยิง : การผ่าตัด
การประเมินสภาพ
การดู : พบรอยช้ำ รอยแผลบริเวณท้อง หลัง เอว(Grey-Turner’s sign) และรอบสะดือ(Cullen’s sign)ท้องโป่งตึง โดยต้องมีเลือดออกมากกว่า 1.5 ลิตรท้องจึงจะโป่งตึง
การคลำ : ผู้ป่วยเกร็งหน้าท้องเองเวลากด (Voluntary guarding) หน้าท้องเกร็งจากการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง (Involuntary guarding การกดหน้าท้องแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว (Rebound tenderness)
การฟัง, การเคาะ : อาจพบเสียงลำไส้ที่ช่องอก เคาะทึบ หรือโป่ง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด หมดสติ ช็อก
การรักษา
ช่วยเหลือเบื้องต้น ทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต การดามกระดูกสันหลัง
วัตถุที่เสียบคา
การรักษาตามอาการและผลกระทบจาก
การถูกทำลายของอวัยวะนั้นๆ เช่น ตับไตม้าม
การผ่าตัด
กระดูกเชิงกราน
อาการ
มีแผลที่ทวารหนักหรือช่องคลอด,เลือดออกทางเดินปัสสาวะ,คลำกระเพาะปัสสาวะได้,ตรวจทางทวารหนักคลำตำแหน่งของต่อมลูกหมาก,คลำได้ชิ้นกระดูกหรือเลือดคั่งจากการตรวจทางทวารหนักเรียกว่า Earle’s sign
มีเลือดออกหลังเยื่อบุช่องท้อง(retroperitoneal hematoma) โคนขาจะขยายออกทั้งสองข้าง (เลือดไหลเซาะลงมาใต้ inguinal ligament) หรือ เลือดคั่งในถุงอัณฑะ(จาก uroginital diaphragm ฉีกขาด) เรียกว่า Destor’s sign
การดูแลรักษาเบื้องต้น
วัดสัญญาณชีพ ประเมินการสูญเสียเลือดอย่างรุนแรง
ให้สารน้ำทดแทน เพื่อรักษาปริมาตรของสารน้ำในระบบไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
การ Reduction และ Stabilization ทำ External fixator
การผ่าตัดผูกหลอดเลือด
ระบบทางเดินปัสสาวะ
การตรวจร่างกาย
การดู : รอยจ้ำเลือดบริเวณบั้นเอวหน้าท้องหรือบริเวณฝีเย็บ เลือดออกบริเวณรูเปิดของทางเดินปัสสาวะ
การฟัง : เสียง bruits
การเคาะ : เคาะหากระเพาะปัสสาวะ เคาะหน้าท้องทั่วไปว่าทึบหรือไม่
การคลำ : การกดเจ็บและแข็งเกร็งบริเวณบั้นเอว วัดรอบท้องตรวจดูภาวะท้องอืด คลำหาก้อนบริเวณท้องและบั้นเอวและอาจพบการไหลออกของปัสสาวะหรือเลือด(extravasation) ตรวจทวารหนักเพื่อดูตำแหน่งของต่อมลูกหมาก
การรักษา
การใส่ท่อระบายกระเพาะปัสสาวะ
ผ่าตัดซ่อมแซมส่วนที่แตกและล้างน้ำปัสสาวะที่ เข้าไปอยู่ในช่องท้องออกให้สะอาด
การพยาบาล
ประเมินอาการแสดงของภาวะล้มเหลวหลายระบบ เช่น SIR
ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดอย่างเพียงพอ
เฝ้าระวังให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพียงพอ
ดูแลให้สารน้ำไม่เกิน wedge> 18 mmHg ถ้าซีดต้องให้เลือด
ดูแลให้ยา vasopressor และ inotropic drug เพื่อรักษา perfusion pressure ของผู้ป่วย
ดูแลให้ยา diuretics และ Dopamine
ดูแลให้ sodium bicarbonate เพื่อรักษาภาวะความเป็นกรด
ให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
อาจใช้เครื่องช่วยหายใจ mode PEEP
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะ
ฟังเสียงปอด และติดตามผล chest x ray
ดูแลให้ยาขยายหลอดลม
ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้และสังเกตผลข้างเคียงของยา
ส่งตรวจและติดตามผลเพาะเชื้อ เลือด ปัสสาวะ เสมหะ และสารคัดหลั่ง
ใช้หลัก aseptic technigue
ดูแลให้สารอาหารอย่างเพียงพอ ติดตาม bowel sound และนน.ตัวทุกวัน
นางสาวตะวัน พงษ์อินทร์วงศ์
รหัส61121301033 เลขที่31