Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การศึกษาชุมชน (การประเมินชุมชน), image, นางสาว ณัฐชา รอดเจริญ รุ่น 35…
การศึกษาชุมชน (การประเมินชุมชน)
1.การประเมินชุมชน
ขั้นตอนการศึกษาชุมชน
1.การรวบรวมข้อมูล
ข้อมูลปฐมภูมิ รวบรวมข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลโดยตรง
ข้อมูลทุติยภูมิ รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่แล้วรายละเอียดของข้อมูลที่ต้องรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย
ที่ตั้งของชุมชน
ประชากรในชุมชน
ระบบสังคมชุมชน
ระบบการศึกษา
ระบบเศรษฐกิจ
ระบบสาธารณสุข
ระบบสาธารณูปโภค
2.การเตรียมเครื่องมือ
แบบสอบถาม
แบบสัมภาษณ์
แบบสังเกต
แบบทดสอบ
แบบทดลอง
3.การเตรียมผู้สำรวจหรือผู้รวบรวมข้อมูล
4.การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง
5.การกำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูล
6.การบันทึกข้อมูล
7.การวิเคราะห์ข้อมูล
1.ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ของข้อมูล
2.จัดประเภทข้อมูล
3.การแจกแจงข้อมูล การใช้การแจงนับ (tally)หรือจะใช้การวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์
4.รวมจำนวนการแจงนับ(tally)ออกมาเป็นตัวเลขจำนวนเต็ม แล้วนำมาคำนวณเป็นค่าร้อยละหรือค่าสถิติชีพ เช่น อัตรา ค่าเฉลี่ย เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานหรือเกณฑ์
8.การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการนำเสนอข้อมูลสถิติ นับเป็นขั้นตอนต่อจากการเก็บข้อมูล เพื่อใช้เป็นสื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
กระบวนการพยาบาล
ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน
1.การประเมินชุมชน
2.การวินิจฉัยชุมชน
3.การวางแผนแก้ไขปัญหา
4.การปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
5.การประเมินผล
2.การวินิจฉัยชุมชน
(การระบุปัญหาชุมชน)
จำเป็นต้องมีมาตรฐานเปรียบเทียบกับข้อมูลนั้นๆ โดยใช้ดัชนีทางอนามัย(Health Indicator) ซึ่งเป็นตัวบอกสถานะทางสุขภาพ
อัตราป่วยที่กำหนดในแผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ
อัตราตายกำหนดในแผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ
หรือจากแผนเมืองไทยสุขภาพดี แผนพัฒนาจังหวัด เกณฑ์จปฐ.หรืออื่นๆ
หลักการเขียนปัญหาควรมีความชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น
หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปไม่ได้รับการตรวจเต้านมร้อยละ 53
ประชาชนป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกอัตรา 22.5 ต่อ พันประชากร(ต่อร้อย ต่อพัน ต่อหมื่น ต่อแสน ฯลฯ)
การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา (Set Piority)
วิธีการต่างๆ
Hanlon and Pickett
ขนาดของปัญหา พิจารณาขนาดของการเกิดโรค ความชุกของการเกิดโรค
ความรุนแรงของปัญหา พิจารณาจากความเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข การสูญเสียเศรษฐกิจ
ประสิทธิผลของการปฏิบัติการแก้ปัญหา โดยดูผลลัพธ์จากการแก้ปัญหาว่าทำได้เท่าใด จะลดปัญหานั้นได้เท่าใด
ฐานะเศรษฐกิจ การยอมรับ ทรัพยากรและกฎหมาย
American Public Health Associated
ระดับความตระหนักในปัญหาของกลุ่ม
จำนวนทรัพยากรที่มีอยู่สำหรับการแก้ปัญหานั้น
ความสามารถในการแก้ปัญหาของผู้ที่เกี่ยวข้อง
ความต้องการความรู้เฉพาะที่จะนำมาแก้ปัญหานั้น
จำนวนทรัพยากรที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหา
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ไพบูลย์ โล่สุนทร
การสูญเสียทางเศรษฐกิจ (economic loss) ดูการสูญเสียเวลาทำงาน
โรคนั้นป้องกันได้ (preventability) โรคที่ป้องกันได้ต้องจัดลำดับความสำคัญไว้สูง
ความรุนแรงของโรค (virulence of disease) ดูความพิการหรือการตายมากน้อยเพียงใด
โรคนั้นรักษาหายได้ (treatability)
ความชุกของโรค (prevalence)ดูจากจำนวนผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยเก่า
ทรัพยากรทางด้านอนามัยและอื่นๆ (health and other resources)
อุบัติการณ์ของโรค (incidence)ดูจากจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เกิดขึ้น
ความเกี่ยวข้องและความร่วมมือของชุมชน (community concern and participation)
จริยวัตร คมพยัคฆ์
องค์ประกอบด้านสุขภาพอนามัย
ขนาดของปัญหา
ความรุนแรงของปัญหา
ความยากง่ายในการแก้ปัญหา
ด้านวิชาการ(ความรู้ความสามรถของผู้แก้ไขปัญหา
ด้านบริหาร (การจัดการภายในทีมเพื่อร่วมมือกันในการแก้ปัญหา รวมกำลังคน เงิน วัสดุ ทรัพยากรต่างๆ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน)
ด้านระยะเวลา (เวลาน้อยจะมีข้อจำกัดมาก)
ด้านกฎหมาย (การแก้ปัญหาต้องไม่ขัดแย้งกับกฎหมาย)
ด้านศีลธรรม (การแก้ปัญหาต้องไม่ผิดศีลธรรม)
ความวิตกกังวลต่อปัญหาของชุมชน เป็นความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาโดยเร็วของชุมชนโดยประชาชนมีส่วนร่วมเข้าไปแก้ปัญหาด้วย
การให้ค่าคะแนน
ขนาดของปัญหา
1 = ขนาดของปัญหามากกว่า 0-25
2 = ขนาดของปัญหามากกว่า 25-50
3 = ขนาดของปัญหามากกว่า 50-75
4 = ขนาดของปัญหามากกว่า 75-100
ความรุนแรง
1= มีภาวะเสี่ยง เจ็บป่วยเล็กน้อยรักษาหาย
2 = เจ็บป่วยเรื้อรัง สูญเสียเงินรักษามาก ก่อให้เกิดการระบาด/ติดต่อ
3 = เกิดความพิการ/ทุพพลภาพ
4 = ตาย
ความยากง่าย
1 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ยากมากๆ
2 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ยาก
3 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ง่าย
4 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ง่ายมากๆ
ด้านวิชาการ ด้านบริหาร ด้านระยะเวลา ด้านกฎหมาย ด้านศีลธรรมให้นำมาคิดด้วยเสมอ
ความวิตกกังวลของปัญหา
1 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา 0 - 25
2 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 25 - 50
3 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 50 - 75
4 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 75 -100
3.โครงการและการเขียนโครงการ
ชื่อโครงการ
มีความชัดเจน เหมาะสม และเฉพาะเจาะจงเป็นที่เข้าใจได้ง่าย สำหรับผู้นำโครงการไปใช้
บ่งบอกว่าจะทำสิ่งใดบ้าง โครงการที่จัดขึ้นนั้นทำเพื่ออะไร
หลักการและเหตุผล
บอกว่าทำไมต้องทำโครงการนั้น ทำแล้วได้อะไร ถ้าไม่ทำจะเกิดผลเสียอะไร ให้สะท้อนความจำเป็นในการทำโครงการ
แสดงสถิติข้อมูลแลัเหตผลรองรับที่มีน้ำหนักสมเหตุสมผล เพื่อให้ผู้บริหารเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการ
วัตถุประสงค์
S: Senible หมายถึง วัตถุประสงค์ที่มีคามเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ
M: Measurable หมายถึง วัตุประสงค์ที่วัดได้และประเมินผลได้
A: Attainble หมายถึง ต้องระบุสิ่งที่ต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง
T:Time หมายถึง มีขอบเขตเวลาที่เเน่นอน
เป้าหมาย
การกำหนดทิศทางและความต้องการที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่วัตถุประสงค์เฉพาะ
มีลักษณะเป็นวัตถุประสงค์เฉพาะขยายวัตถุประสงค์ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยระบุสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
วิธีการดำเนินงาน
กระบวนการปฏิบัติเพื่อบรรลุ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยกำหนดกิจกรรมอย่างชัดเจนตั้งเเต่ต้นจนจบกระบวนการ ระบุใครทำอะไร มีปฏิทินปฏิบัติงานควบคุมอย่างชัดเจน
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
ระยะเวลาตั้งเเต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จสิ้นโครงการนิยม ระบุ วัน เดือน ปี ที่เริ่มต้น และเสร็จสิ้น
งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ระบุแหล่งที่มาของงบประมาณ ระบุค่าใช้จ่ายต่างๆ จำแนกตามหมวดหมู่
เช่น ค่าใช้สอยต่างๆ ค่าตอบแทน ค่าวัสดุ ค่าจ้าง เป็นต้น
การประเมินผล
บอกแนวทางการติดตามประเมินผลควรทำอย่างไร ในระยะเวลาใด และใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยระบุวิธีการ และเกณฑ์ที่ใช้ในการวัด
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการโดยตรงและโดยอ้อม ที่อยู่นอกความคาดหมาย ไปจากวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
ผู้รับผิดชอบโครงการ
เป็นการระบุตัวบุคคลหรือหน่วยงาน ที่รับผิดชอบในการเสนอและดำเนินโครงการ
นางสาว ณัฐชา รอดเจริญ รุ่น 35 เลขที่ 22