Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตเภท (Nursing Care for Person with Schizophrenia),…
การพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตเภท (Nursing Care for Person with Schizophrenia)
อาการโรคจิตแบ่งได้ 5 อาการ
อาการหลงผิด (Delusion)
1.1 Persecutory delusions เป็นลักษณะที่พบบ่อยที่สุดโดยหมายถึงลักษณะของอาการหลงผิดที่เชื่อว่าตนเองนั้นจะโดนปองร้าย ทำให้อับอาย หรือกลั่นแกล้งจากบคุคลอื่น ๆ
1.2 Referential delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่า ท่าทาง คำพูดของบุคคลอื่น หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ นั้นมีความหมายสื่อถึงตนเอง
1.3 Grandiose delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นอย่างมาก หรือเป็นคนสำคัญและมีชื่อเสียงอย่างมาก
1.4 Erotomanic delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่ามีผู้อื่นมาหลงรักตนเอง
1.5 Nihilistic delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่ามีสิ่งเลวร้ายหรือหายนะนั้นได้เกิดขึ้นกับ ตัวเอง หรือจะต้องเกิดขึ้นกับตัวเอง
1.6 Jealousy delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่าคู่ครองนอกใจ
1.7 Somatic delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่มีเนื้อหาเจาะจงกับอาการทางร่างกายหรืออวัยวะ ใดๆ
1.8 Thought withdrawal หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่าความคิดของตนเองนั้นถูกทำให้หายไป โดยพลังอำนาจบางอยา่ง เช่น อำนาจสวรรค์ดูดความคิดให้หายไป
1.9 Thought insertion หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่ามีพลังอำนาจบางอย่างใส่ความคิดที่ไม่ใช่ ของตนเองเข้ามา เช่น มนุษย์ต่างดาวใส่ความคิดเข้ามาให้กระพริบตา
1.10 Thought Controlled หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่าพลังอำนาจบางอย่างควบคุม ความคิด และบงการให้ตนเคลื่อนไหวหรือคิดตามนั้น เช่น อำนาจบางอย่างสั่งให้ตนเองเดินไปตากผ้า
อาการหลงผิด หมายถึง ความเชื่อใด ๆ ที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ แม้ว่าจะมีหลักฐานอย่างชัดเจนที่คัดค้าน ความเชื่อนั้น ๆ โดยอาการหลงผิดที่พบได้บ่อยมักมีเนื้อหาในลักษณะดังต่อไปนี้
อาการประสาทหลอน (Hallucination)
หมายถึง มีการรับรู้ทางระบบประสาทใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเร้า (external Stimuli) โดยส่วนใหญ่แล้วอาการ หลอนที่มีความสำคัญทางคลินิกนั้นมักจะมีลักษณะที่ชัดเจนและผู้ป่วยมักจะไม่สามารถควบคุมอาการหลอนได้
เป็นการรับรู้ที่ผิดปกติของประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกาย คือ ทางหู ตา สัมผัส กลิ่น และรส โดย ปราศจากสิ่งเร้าภายนอก ดังนี้
2.1 ประสาทหลอนทางหู (auditory hallucination)
2.2 ประสาทหลอนทางการสมัผสั (tactile hallucination)
2.3 ประสาทหลอนทางลิ้น (gustatory hallucination)
2.4 ประสาทหลอนทางตา (visual hallucination)
2.5ประสาทหลอนทางจมูก (olfactory hallucination)
กระบวนความคิดและภาษาที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ (Disorganized thinking/speech)
ผู้ตรวจจะสังเกตได้จากคำพูด (speech) ระหวา่งการสัมภาษณ์ เช่น ผู้ป่วยตอบไม่ตรงคำถาม (irrelevant) , คำพูดนั้นฟังไม่รู้เรื่อง (incoherent) ,ใช้คำที่มีความหมายแต่ไม่เกี่ยวข้องกันมาเรียงประโยค (word salad) และพูดคำที่ไม่มีความหมายออกมาเป็นภาษาใหม่ (neologism)
พฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ (Grossly disorganized or abnormal motor behavior)
อาการด้านลบ (Negative symptoms)
การแสดงอารมณ์ที่ลดลง (Decreased emotional expression) ,แรงกระตุ้นภายในที่ลดลง (Avolition/Amotivation) , ปริมาณการพูดที่ลดลง (Alogia) , การมีความสุขจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยชอบหรือสนใจลดลง (Anhedonia) และการเข้าสังคมที่ลดลง (Asociality)
สาเหตุ
ความผิดปกติระดับจุลภาคและระดับการทำงานของสารสื่อประสาท
ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนในการทำให้เกิดโรค
ความผิดปกติระดับโครงสร้างของสมอง
ปัจจัยที่เกิดขึ้นระหว่างต้ั้งครรภ์ (perinatal factors)
ปัจจัยกระตุ้น (ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี เช่น ความสัมพันธ์ในรูปแบบพูดอย่างแต่ให้ทำอย่าง (double-bind) และความสัมพันธ์ที่ใช้อารมณ์รุนแรง (expressed emotion)
ความบกพร่องของประสาทพุทธิปัญญา (neurocognitive impairment)
เกณฑ์การวินิจฉัย
1)Brief psychotic disorder
2) Schizophreniform disorder
3)Schizophrenia
4) Schizoaffective disorder
5) Delusional disorder
การวินิจฉัยแยกโรค
Schizophrenia
Schizoaffective disorder
Mood disorders with psychotic features
การรักษา
การรักษากลุ่มโรคจิตเภทนั้นใช้การรักษาด้วยยาต้านโรคจิต (Antipsychotics) เป็นหลัก
จิตบำบัดด้วยวิธี Cognitive Behavior Therapy
Supportive Psychotherapy
Psychosocial treatmentได้แก่อาชีวบำบัด (occupational therapy) และการสอนทักษะทางสังคม (social skill training)
หลักการและแนวทางการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท
การให้ความช่วยเหลือและรีบรักษาในระยะแรกเริ่ม เน้นการสืบค้นการเจ็บป่วยในระยะแรกเริ่ม และส่งต่อผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญด้าน สุขภาพจิตในเขตพื้นที่ใกล้บ้านเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างครอบคลุมทั้งด้าน เภสัชบำบัด จิตสังคมบำบัด อาชีวบำบัดและสุขภาพจิตศึกษา
การรักษาในระยะเฉียบพลัน เน้นการอยู่ในโรงพยาบาลระยะสั้น สนับสนุนดูแลและแก้ปัญหาให้ ผู้ป่วยเมื่อมีอาการวิกฤตทางจิตเวชรวมทั้ง การดูแลช่วยเหลือเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้านและในชุมชน
การส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพ
การพัฒนาระบบคุณภาพการดูแลผู้ป่วยจิตเภททุกระยะ
การบำบัดทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตเภท
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพปัญหา การค้นหาและประเมินสภาพปัญหาของผู้ป่วยครอบคลุม
ซักประวัติผู้ป่วยและผู้ดูแล ,ตรวจร่างกาย , ตรวจสุขภาพจิต , ตรวจทางห้องปฏิบัติการและนำข้อมูลมาวิเคราะห์สาเหตุของพฤติกรรม
ขัั้นตอนที่2 การวินิจฉัยทางการพยาบาล
ขั้นตอนที่3 การวางแผนการพยาบาล
3.1 การวางแผนระยะสั้นเน้นการช่วยเหลือในช่วงแรก
3.2 การวางแผนระยะยาว เป็นการกำหนดแผนการพยาบาลที่เน้นการดูแลระยะยาวและต่อเนื่อง
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล เป็นการใช้เครื่องมือของพยาบาลจิตเวชในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท
4.1 การบำบัดด้านร่างกาย ประกอบด้วย การรักษาด้วยยา การรักษาด้วยไฟฟ้า และการจำกัดพฤติกรรม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ป่วยและ สิ่งแวดล้อม
4.2 การบำบัดด้านจิตสังคม -การดูแลและให้ความรู้แก่ผู้ป่วยจิตเภท, -สร้างสัมพันธภาพเชิงบำบัด ,-กลุ่มบำบัด
4.3 สิ่งแวดล้อมบำบัดมีความสำคัญและจำเป็น มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไว้วางใจ ปลอดภัย และ เชื่อมั่นต่อกระบวนการบำบัดรักษาพยาบาล
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการพยาบาล เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการ พยาบาล มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินว่าการวินิจฉัยทางการพยาบาลขอ้ใดหรือปัญหาใด ได้รับการแก้ไขแล้ว ผลเป็น อย่างไร ปัญหาใดยังคงมีอยู่ เนื่องจากเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้
การประเมินผลการพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตเภท มีการนำข้อมูลของผู้ป่วยที่ประเมินได้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนหลังให้การพยาบาลเสร็จสิ้นแล้วเปรียบเทียบกับ เกณฑ์การประเมินผล และมีการประเมินเป็นระยะทุกขั้นตอนของกระบวนการพยาบาล
นางสาวอัยรินทร์ ข่วงทิพย์ เลขที่ 72 ห้อง A