Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ของเหลวในร่างกาย - Coggle Diagram

- - - - องคประกอบแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
        
        ของแข็ง ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
        
        ของเหลว เรียกว่า น้ำเลือด หรือ พลาสมา
      - ถ้าเลือดที่เกิดการแข็งตัว โปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการแข็งตัวของเลือดถูกใช้ไปแล้ว น้ำเลือดส่วนที่เหลืออยู่เรียกว่า ซีรัม
      - หน้าที่
        
        รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ปรับอุณหภูมิของร่างกาย
        
        ป้องกันการติดเชื้อ และสร้างภูมิคุ้มกัน
        
        ขนส่งออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ขนส่งสารอาหาร โดยการดูดซึมสารอาหาร
      - ผู้ใหญ่ปกติจะมีประมาณ 70 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว 5-6ลิตร ในเพศชาย 4-5 ลิตร ในเพศหญิง
      - เซลล์เม็ดเลือดแดง
        
        อัตราส่วนของเม็ดเลือดแดงต่อปริมาณเลือดทั้งหมด เรียกว่า ฮีมาโตคริต
        
        ฮีมาโตคริตสูงผิดปกติ เช่น เป็นโรคปอด โรคหัวใจ
        
        ฮีมาโตคริตจะต่ำกว่าปกติในกรณีเป็นโรคโลหิตจาง
        
        ภายในมีสารฮีโมโกลบิน ทำหน้าที่ขนส่งแก๊ส
        
        ในหลอดเลือดแดง เม็ดเลือดแดงมีระดับออกซิเจนสูง จึงมีสีแดงสด
        
        คล้ายโดนัท ตรงกลางมีรอยบุ๋มแต่ไม่ทะลุ ถูกสร้างที่ไขกระดูก
        
        ในหลอดเลือดดำ เม็ดเลือดแดงมีระดับออกซิเจนลดลง จึงมีสีแดงคล้ำ
  - - - ระดับฮีโมโกลบิน จะสัมพันธ์กับปริมาณเม็ดเลือดเเดง
      - สารพอลิเปปไทด์ ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่ไม่เหมือนกันอยู่ร่วมกันในลักษณะของเททระเมอร์
        
        เป็นโปรตีนสังยุค มีหมู่ของสารอินทรีย์ที่เรียกว่า ฮีม และสารพอลิเปปไทด์เรียกว่า โกลบิน
  - - - โมโนไซต์ ขนาดใหญ่ที่สุด ทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย จับกินเชื้อโรคได้สูงกว่านิวโทรฟิลต์
      - อิโอซิโนฟิลด์ มีปริมาณน้อยในกระแสเลือด ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้
      - ลิมโฟไซต์ ขนาดเล็ก สร้างภูมิต้านทาน มีปริมาณสูงขึ้นในภาวะติดเชื้อไวรัส และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด
      - เบโซฟิลด์ มีปริมาณน้อยมาก สร้างสารป้องกันมิให้เลือดแข็งตัว
      - นิวโตรฟิล มีปริมาณมากที่สุด มีหน้าที่ตอบสนองต่อภาวะการอักเสบและติดเชื้อเฉียบพลัน ตอบานองโดยการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและจับกินเชื้อโรคโดยตรง หลั่งสารตอบสนองต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อทำให้ร่างกายมีไข้
- - - - สารที่เติมกรดแก่หรือเบสแก่จำนวนเล็กน้อยลงไป แล้วไม่ทำให้ pH เปลี่ยนแปลง
    - - ฟอสเฟตบัฟเฟอร์ จะต้านการเปลี่ยน pH อยู่ในไซโตรพลาสซึมของเซลล์
      - โมเลกุลชีวภาพที่แตกตัวเป็นไอออนได้ เช่น โปรตีน กรดนิวคลีอิก
      - ไบคาร์บอเนตบัฟเฟอร์ เป็นระบบบัฟเฟอร์ของเลือด
- - - - น้ำเป็นโมเลกุลมีขั้ว สามารถทำละลายโมเลกุลที่มีขั้วใด
        
        สารเชิงโมเลกุล
        
        สารประกอบแอมฟิพาทิก
        
        สารประกอบไอออนิก
    - - แรงดันออสโมติก คือ การแพร่จากน้ำมากสู่น้ำน้อย แรงดันนี้จะดันให้ของเหลวขึ้นไปในหลอดได้
      - การออสโมซิส คือ การแพร่ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากน้ำมากไปยังน้ำน้อย
    - - เกิดจาก H ที่สร้างพันธะโคเวเลนซ์กับธาตุที่มีENสูง เช่น F O N (dipole-dipole force)
    - - ปฏิกิริยา Hydrolysis (ปฏิกิริยาการแยกสลายด้วยน้ำ)
      - ปฏิกิริยา Condensation (ปฏิกิริยาการควบแน่น)
    - - โครงสร้างเป็นมุมงอ(Bent),เป็นโมเลกุลมีขั้ว
- - - - ถ้าดื่มน้ำมากเกินไป ADHจะถูกหลั่งออกมาน้อยลง ไตจะขับปัสสาวะมากขึ้น
        
        การดื่มแอลกอฮอล์จะยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH ทำห้ปัสสาวะบ่อย
        
        ขณะที่ร่างกายสูญเสียน้ำ ฮอร์โมน ADH จะหลั่งออกมามากขึ้น
        
        โรคที่พบได้แก่ ไดอะปิทิส อินซิปิดัส
        
        ไฮโพทาลามิก ไดอะบิทิส อินซิปิดัส คือ มีการหลั่ง ADH ได้น้อย
        
        เนฟโฟจินิก ไดอะบิทิส อินซิปิดัส เกิดจากไตไม่สามารถตอบสนองต่อ ADH