บทที่ 7 การพยาบาลมารดาที่ได้รับการช่วยเหลือในการทำสูติศาสตร์หัตถการ ⚠

การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้คีม ⭐ PARTO-A-FORCÉPS

ความหมาย

  • การคลอดโดยใช้คีม (Forcep extraction) เป็นวิธีช่วยคลอดโดยผู้ทำคลอดจะใช้คีม (forcep) ดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอด โดยที่คีมจะทำหน้าที่แทนแรงเบ่งของผู้คลอด

ส่วนประกอบ

  • ใบคีม (Blade) มีลักษณะเป็นแผ่นแบนเป็นส่วนที่แนบจับศีรษะทารก


  • ก้าน (Shank) เป็นส่วนที่ต่อระหว่างใบคีมกับด้ามถือ


  • ล็อก (Lock) เป็นส่วนใบคีมทั้งสองข้างประกบกัน


  • ด้ามถือ (Handle) เป็นส่วนที่ใช้มือจับดึง จะอยู่ส่วนปลายของคีม

ประเภท

  1. Short Curve Forcep เป็นคีมที่ใช้ในกรณีศีรษะทารกมาอยู่ต่ำบริเวณฝีเย็บ


  2. Long Curve Axis Traction Forcep เป็นคีมที่ใช้ในกรณีศีรษะทารกอยู่ค่อนข้างสูง


  3. Kielland Forceps เป็นคีมที่ใช้การหมุนของศีรษะทารกภายในอุ้งเชิงกราน

หน้าที่ของคีม

  1. Extractor (ตัวดึง) จะใช้ในผู้คลอดที่ไม่มีแรงเบ่งพอหรือไม่ต้องการให้ผู้คลอดออกแรงเบ่งในท่าศีรษะเป็นส่วนนำ


  2. Rotation (ตัวหมุน) ใช้ในกรณี Deep transverse arrest of head

ชนิดของการทำคลอดด้วยคีม

  1. การทำคลอดด้วยคีมเมื่อศีรษะมี engagement แล้ว โดยต้องทำการช่วยเหลือโดยการหมุนก่อนเมื่อเริ่มดึงถือว่าเป็น Mid Forceps


  2. Low Forceps หมายถึง การทำคลอดด้วยคีมเมื่อเห็นหนังศีรษะที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ โดยไม่ต้องแยก Labia และกะโหลกศีรษะอยู่บน Pelvic floor รอยต่อแสกกลางอยู่ในแนวหน้าหลัง

ข้อบ่งชี้ในการทำคลอดด้วยคีม

  1. การทำเพื่อการรักษาและการปูองกันจะทำเมื่อแรกเข้าสู่ระยะเบ่ง


  2. ข้อบ่งชี้ด้านแม่


    • มดลูกหดรัดตัวไม่ดี/มารดาไม่มีแรงเบ่ง
    • กระดูกเชิงกรานค่อนข้างแคบ
    • ส่วนนำของทารกค่อนข้างใหญ่
    • ผู้คลอดมีภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์
    • ผู้คลอดอ่อนเพลีย
    • ผู้คลอดมีสุขภาพไม่ดีจากโรคเรื้อรัง
    • มีปัญหาเลือดออกในสมอง
    • ไส้ติ่งอักเสบ
  3. ข้อบ่งชี้ด้านทารก


    • Fetal distress
    • สายสะดือพลัดต่ำ

สภาวะที่เหมาะสมในการทำคลอดด้วยคีม

  1. ปากมดลูกเปิดหมด


  2. ส่วนนำมีสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้


  3. ศีรษะทารกต้อง Deep engaged แล้ว


  4. ไม่พบภาวะผิดสัดส่วนระหว่างส่วนนำกับช่องเชิงกราน


  5. กระเพาะปัสสาวะและทวารหนักต้องว่าง


  6. ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว


  7. ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่

ภาวะแทรกซ้อน

  • ต่อมารดา
  • มีการฉีกขาดของหนทางคลอด


  • อันตรายต่อกระดูกเชิงกราน เช่น Symphysis pubis แยก


  • ช็อคจากความเจ็บปวด


  • ใช้คีมไม่ถูกต้อง เกิดการตกเลือด


  • ติดเชื้อ


  • อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก

  • ต่อทารก
  • แรงกดที่ศีรษะเกิด Asphyxia


  • กระทบกระเทือนต่อกระโหลกศีรษะ สมองและหนังศีรษะทารกในครรภ์


  • คีมกด Clavical plexus จะทำให้เกิด Erb’ s Palsy


  • คีมกด Facial nerve จะทำให้เกิด Facial Palsy


  • หูหนวกกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organ


  • ปอดบวมและถุงลมแฟบ

การพยาบาล

  1. การซักประวัติได้แก่ ประวัติเกี่ยวกับอาการผิดปกติในการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน


  2. การตรวจร่างกาย ได้แก่


    • การตรวจทางหน้าท้อง เพื่อประเมินท่า และขนาดของทารก การหดรัดตัวของมดลูก
    • ตรวจช่องทางคลอดเพื่อประเมินลักษณะของปากมดลูก เชิงกรานมารดาและขนาดของทารก
    • การตรวจร่างกายทั่วไปและสัญญาณชีพ
    • การประเมินสภาพทารกในครรภ์
  3. ภาวะจิตสังคม ได้แก่การประเมินความวิตกกังวลและหวาดกลัวของผู้คลอดต่อ การช่วยคลอดด้วยคีมซึ่งอาจจะมืผลต่อการปฏิบัติตัวและความร่วมมือในการช่วยคลอด

ข้อวินิจฉัย

  • มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำคลอดด้วยคีม


  • ทารกแรกเกิดมีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการคลอโดยใช้คีม

การพยาบาลผู้คลอดที่ได้รับการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ⭐ vacuume

ความหมาย

เป็นวิธีการคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศดูดและดึงศีรษะทารกให้คลอดผ่านทางช่องคลอดในระยะที่ผู้คลอดมีมดลูกหดรัดตัวเท่านั้น และการทำคลอดไหล่ ลำตัวและแขนขาตามวิธีการคลอดตามปกติ

ส่วนประกอบ

  • Vacumm cup


  • ภายใน Cup จะมีแผ่นโลหะ (Mental plate) และโซ๋โลหะ (Chain)


  • Traction bar หรือ Handle เป็นด้ามสำหรับดึง


  • Suction tube เป็นสายยางที่ต่อระหว่างถ้วยกับเครื่องดูดสุญญากาศ


  • เครื่องดูดสุญญากาศ

ข้อบ่งชี้ในการทำ

  • Uterine inertia โดยมีปัญหามดลูกหดรัดตัวไม่ดี


  • โรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ


  • ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะ Mild fetal asphyxia


  • Mild CPD


  • ศีรษะทารกไม่หุนตามกลไกการคลอดปกติ

ข้อห้ามในการทำ

  1. CPD


  2. ทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติ


  3. ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะวิกฤติที่ต้องช่วยให้คลอดโดยด่วน


  4. ทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว


  5. ทารกคลอดก่อนกำหนด


  6. มีการพลัดต่ำของสายสะดือ


  7. ทารกอยู่ในภาวะ Fetal distress โดยที่ปากมดลูกยังไม่เปิด

สภาวะที่เหมาะสมในการทำคลอด

  • ปากมดลูกเปิดหมด


  • ส่วนนำอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมสามารถคลอดทางช่องคลอดได้


  • ศีรษะในครรภ์ต้อง Deep engaged แล้ว


  • ไม่พบปัญหาผิดสัดส่วนกันระหว่างศีรษะทารกกับช่องเชิงกรานของผู้คลอด


  • กระเพาะปัสสาวะและทวาหนักต้องว่าง


  • ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว


  • ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่


ภาวะแทรกซ้อน

  • ต่อมารดา
  • มีการฉีกขาดของหนทางคลอด


  • อันตรายต่อกระดูกเชิงกราน เช่น Symphysis pubis แยก


  • กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ


  • ช็อคจากความเจ็บปวด


  • ใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง เกิดการตกเลือด


  • ติดเชื้อ


  • อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก


  • ต่อทารก
  • อาจจะเกิด Cephal hematoma


  • อาจจะมีเลือดอกที่จอตาแต่จะหายได้ภายใน 1 สัปดาห์


  • แรงกดที่ศีรษะเกิด Asphyxia


  • แรงดูดกระทบกระเทือนต่อกระโหลกศีรษะ สมองและหนังศีรษะทารกในครรภ์


  • แรงดูดกระทบกระเทือนต่อ Facial nerve จะทำให้เกิด Facial


    Palsy


  • หูหนวกกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organ


  • ปอดบวม (Pneumonia) และถุงลมแฟบ (Atelectasis)


การพยาบาล

  1. การซักประวัติได้แก่ ประวัติเกี่ยวกับอาการผิดปกติในการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน


  2. การตรวจร่างกาย ได้แก่


    • การตรวจทางหน้าท้อง เพื่อประเมินท่า และขนาดของทารก การหดรัดตัวของมดลูก
    • ตรวจช่องทางคลอดเพื่อประเมินลักษณะของปากมดลูก เชิงกรานมารดาและขนาดของทารก
    • การตรวจร่างกายทั่วไปและสัญญาณชีพ
    • การประเมินสภาพทารกในครรภ์
  3. ภาวะจิตสังคม ได้แก่การประเมินความวิตกกังวลและหวาดกลัวของผู้คลอดต่อการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ


  4. การตรวจพิเศษและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ข้อวินิจฉัย

  • มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ


  • ทารกแรกเกิดมีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ

ขั้นตอนในการทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ

  1. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ


  2. สวนปัสสาวะให้ผู้คลอดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องเชิงกรานของผู้คลอด


  3. แพทย์ผู้ทำประเมินสภาพช่องเชิงกรานผู้คลอดโดยการตรวจภายใน


  4. แพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่คือทำ Pudendal neve block โดยใช้ 1% Xylocain


  5. แพทย์เลือก Cupที่มีขนาดเหมาะสมกับศีรษะทารก


  6. เริ่มต้นดูดด้วยแรงดูด 0.20 Kg/cm 2ก่อน แรงดูดสำหรับการดึงคือ 0.60-0.70 Kg/cm 2 ไม่เกิน 0.80 Kg/cm 2


  7. การดึงโดยใช้มือขวาดึง Handle มือซ้ายแตะ Cup ที่ติดกับศีรษะทารก การดึงให้ดึงพร้อมๆกับที่มดลูกหดรัดตัวและให้ผู้คลอดช่วยเบ่ง ดึงตามแนวโค้งของหนทางคลอด เมื่อศีรษะผ่านหนทางคลอดจะคลอดโดยวิธีธรรมชาติ


ขั้นตอนของการทำคลอดโดยใช้คีม

  1. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ


  2. สวนปัสสาวะให้ผู้คลอดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องเชิงกรานของผู้คลอด


  3. แพทย์ผู้ทำประเมินสภาพช่องเชิงกรานผู้คลอดโดยการตรวจภายใน


  4. การใส่ใบคีมต้องใส่ข้างซ้ายก่อนข้างขวา


  5. เมื่อใส่ใบคีมทั้งสองข้างครบจึงล็อคและเอาผ้ามาใส่บริเวณด้ามถือ


  6. Tentative traction เป็นการทดลองก่อนดึงจริงเพื่อตรวจดูว่าใบคีมจับศีรษะทารกได้ในตำแหน่งเหมาะสมหรือไม่


  7. Traction ควรดึงพร้อมกับมดลูกหดรัดตัวให้ดึงแต่ละครั้งนาน 1-2 นาที ขณะดึงควรตรวจสอบ Fetal heart sound เป็นระยะ การดึงต้องดึงจนศีรษะมี Crowning


  8. Removal แก้ปลดล็อค นำใบคีมขวาออกก่อนจึงนำใบคีมซ้ายออก


  9. Birth of Head ทำคลอดศีรษะเหมือนตามปกติตามกลไกการคลอด