Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ของเหลวในร่างกาย, image, image, image - Coggle Diagram

- - - - เกิดจากอะตอมของHที่สร้างพันธะโควาเลนซ์อยู่กับธาตุที่มีสถานภาพไฟฟ้าลบ(EN)สูง เช่น F,O,Nทำให้Hมีสภาพไฟฟ้าเป็นบวก จึงเกิดอันตรกิริยาไฟฟ้าสถิตกับโมเลกุลอื่น
    - - น้ำเป็นโมเลกุลมีขั้วสามารถเป็นตัวทำละลายน้ำได้
        
        สารประกอบไอออนิก เช่นNacl
        
        สารเชิงโมเลกุล เช่น CH3OH,O2
        
        สารประกอบแอมฟิฟาทิก
    - - การออสโมซิส
        
        เป็นการแพร่ของของเหลวผ่านเนื้อเยื่อบางๆปกติจะหมายถึงการแพร่ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
        
        การแพร่ของน้ำจะแพร่ผ่านเยื้อหุ้มเซลล์จากด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายต่ำ(น้ำมาก)ไปยังด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายสูงกว่า(น้ำน้อย)
      - แรงดันออสโมติก
        
        เกิดดจากการแพร่ของน้ำจากบริเวณที่น้ำมากเข้าสู่บริเวณที่น้ำน้อยแรงดันนี้จะดันให้ของเหลวขึ้นไปในหลอดได้
        
        ในขณะที่ยังไม่สมดุลของเหลวจะขึ้นไปบนหลอดได้เรื่อยๆและเมื่อเกิดการสมดุลระดับของเหลวในหลอดจะคงที่
        
        แรงดันออสโมติกของสารละลายแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน
        
        สารละลายเจือจางมีแรงดันออสโมติกต่ำสารละลายที่เข้มข้นมากจะมีแรงดันออสโมติกสูง
    - - ปฏิกิริยา hydrolysis(ปฏิกิริยาการแยกสลายด้วยน้ำ)
      - ปฏิกิริยา condensation(ปฏิกิริยาการควบแน่น)
- - - - vasopressinเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ลดการหลั่งปัสสาวะเมื่อร่างกายขาดน้ำจากการเสียเหงื่อ อุจจาระร่วง หรือเมื่อไฮโพทาลามัสรู้สึกว่าร่างกายมีความเข้มข้นของเกลือ มากเกินไป ร่ํางกายจะหลั่ง ADH มากขึ้น
      - การดื่มแอลกอฮอล์จะยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH ทำให้ปัสสาวะบ่อยมีผลให้สารน้ำในร่างกายต่ำทำให้ความดันโลหิตต่ำ รู้สึกมึนงง ปวดศีรษะ และกระหายน้ำได้
      - ขณะที่ร่ํางกายสูญเสียสารเหลวหรือเลือดในร่างกายเป็นจำนวนมาก ฮอร์โมนADH จะหลั่งออกมามากขึ้น ทำให้เส้นเลือดหดตัว เส้นเลือดแคบลงทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น
      - ถ้าดื่มน้ำมากเกินไปทำให้สารเหลวในร่างกายจะเจือจางลง ฮอร์โมน ADH จะถูกหลั่งออกมาน้อยลง ไตจะขับปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ความเข้มข้นปกติ
      - โรคที่พบ ไดอะปิทิส อินซิปิดัส
        
        อาการ
        
        อาการที่ปรากฏคือมีการหลั่งปัสสาวะออกมาอย่ํางมาก ทำให้ต้องการน้ำทดแทนซึ่งถ้าให้การทดแทนไม่เพียงพอจะเป็นอันตรายได้
        
        เกิดจาก
        
        ไฮโพทาลามิก ไดอะบิทิส อินซิปิดัส คือมีการหลั่ง ADH จํากต่อมไฮโพทาลามัสได้น้อย ซึ่งอาจเกิดจากได้รับอุบัติเหตุที่สมอง หรือการติดเชื้อ
        
        เนฟโฟจินิกไดอะบิทิส อินซิปิดัส ไตไม่สามารถตอบสนองต่อ ADH มักเกิดจากโรคที่เกิดที่ไตภาวะกลายพันธุ์(mutation) ของยีน ทำให้การสร้างฮอร์โมน ADH ผิดปกติ
    - - เมื่อมีการลดลงของ renal blood flow จะมีการหลั่ง renin ซึ่งจะไปเปลี่ยน angiotensinogen ไปเป็น angiotensin I และเปลี่ยนต่อไปเป็น angiotensin II
      - anaiotensin IIจะออกฤทธิ์ให้เกิดเส้นเลือดหดตัวทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นนอกจากนั้นจะไปกระตุ้นการหลั่งaldosteroneซึ่งสร้างที่ต่อมหมวกไต
      - aldosterone ออกฤทธิ์ทำให้เพิ่มการดูดซึมกลับของโซเดียมคลอไรด์และเพิ่มการขับกรดและโปแทสเซียมออกมาทางปัสสาวะ
- - - - น้ำเลือด หรือ พลาสมา (plasma) ซึ่งประกอบด้วยน้ำมากกว่ําร้อยละ 90 ที่เหลือจะเป็น ไอออน กลูโคส กรดอะมิโน ฮอร์โมนเอนไซม์ และโปรตีนต่างๆ
    - - เซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cell)
        
        เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างคลายโดนัทตรงกลางมีรอยบุ๋มแต่ไม่ทะลุมีขนาดประมาณ 7 ไมครอนถูกสร้างที่ไขกระดูก
        
        ภายในมีสาร ฮีโมโกลบิลทำหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายและนำคาร์บอนไดออกไซค์จากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขับออกที่ปอด
      - เซลล์เม็ดเลือดขาว (white blood cell)
        
        ในเลือดปกติ 1 มิลลิลิตร จะมีเม็ดเลือดขําวอยู่ประมาณ 5,000 - 10,000 เซลล์
        
        เม็ดเลือดขาวมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดงเกือบสองเท่ํา
        
        เซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียส
      - เกล็ดเลือด (platelet)
        
        เกล็ดเลือดเป็นส่วนเซลล์ มีขนาดเล็กมํากประมาณ 1⁄4 ของเม็ดเลือดแดง
        
        มีหน้าที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
        
        เกล็ดเลือดต่ำ เกิดได้จาก ยา สารเคมี รังสี ภูมิต้านทานตนเองทำลายเกล็ดเลือด ไวรัส