Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่6 กลยุทธการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันการเจ็บป่วยแบบองค์รวม,…
บทที่6 กลยุทธการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันการเจ็บป่วยแบบองค์รวม
สุขภาพและปัจจัยกำหนดสุขภาพ
ความหมายของสุขภาพ
มีความหมายครอบคลุมถึงความปลอดภัย (safe) ไม่มีโรค (sound) หรือทั้งหมด (whole) ในพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดจึงให้ความหมายของ health ว่าความไม่มีโรคทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความแตกต่างของบุคคล บางคนอาจมองสุขภาพเพียงการปราศจากโรค แต่บางคนมองสุขภาพเป็นการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิต ซึ่งแนวคิดด้านสุขภาพมีความแตกต่างกัน
แนวคิดเกี่ยวกับสุขภาพขององค์การอนามัยโรค
1.สุขภาพทางกาย (Physical well being) หมายถึง การที่มีร่างกายแข็งแรง มีกำลังคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงผู้ที่มีโรคทางกาย (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ โรคข้อเสื่อม เอดส์ มะเร็ง เป็นต้น)
2,สุขภาพทางจิต (Mental well being) หมายถึงการมีสุขภาพจิที่ดี มีความสบายใจ มีอารมณ์สดชื่น ร่าเริง แจ่มใส นอนหลับดี ไม่มีความเครียดวิตกกังวล ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์ซึมเศร้า หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่เสพยานอนหลับและสารเสพติดบุคคลหรือแอลกอฮอล์
3.สุขภาพทางสังคม (Social well being) หมายถึง การอยู่ร่วมกันได้ดีกับผู้อื่น ทั้งในครอบครัว สถานศึกษา ที่ทำงาน ชุมชน และวงสังคมต่างๆ โดยมีความรักใคร่ กลมเกลียว เอื้ออาทรและช่วยเหลือกัน รวมทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น ไม่มีการทะเลาะวิวาท ทำร้ายกัน รู้จักการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
4.สุขภาพทางจิตวิญญาณ (ปัญญา) (Spiritual well being) หมายถึงการมีความสงบสุขหรือสันติภาพภายในด้วยการมีสติและปัญญาสมบูรณ์ มีความฉลาดรู้เท่าทันสิ่งต่างๆ เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริง เข้าถึงความดีงามถูกต้อง
2.ปัจจัยกำหนดสุขภาพ
สุขภาพของคนเรานอกจากมีความเชื่อมโยงระหว่างมิติทางสุขภาพทั้ง 4 ด้านภายในตัวของมันเองแล้ว ยังขึ้นกับปัจจัยหลักอีก 2 ด้าน ได้แก่ปัจจัยด้านบุคคล (มนุษย์) กับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยด้านบุคคล ได้แก่ ปัจจัยด้านชีวภาพ จิตใจ และพฤติกรรม
1.ปัจจัยด้านชีวภาพ ได้แก่ พันธุกรรม อายุและเพศ
2.ปัจจัยด้านจิตใจ ได้แก่ การรับรู้ ทัศนคติ และค่านิยมของบุคคล
3.ปัจจัยด้านพฤติกรรม ได้แก่ การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียน การงาน การเล่น การปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ พฤติกรรมสุขภาพ และการดูแลสุขภาพตนเอง
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งออกได้ 3 ด้าน ได้แก่
สิ่งแวดล้อมด้านชีวภาพ ได้แก่ เชื้อโรค พืช สัตว์ และมนุษย์
สิ่งแวดล้อมด้านสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ระบบสังคม
1 สิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ ได้แก่ ปัจจัยพื้นฐานในชีวิต การคมนาคม สิ่งเสพติด สิ่งอำนวยสุขภาพ
การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันการเจ็บป่วยแบบองค์รวม
การสร้างเสริมสุขภาพ (Health promotionด้านการส่งเสริมสุขภาพได้ให้ความหมายของการสร้างเสริมสุขภาพ สรุปได้ดังนี้)
2.เป็นการให้อำนาจด้านสุขภาพแก่ประชาชน คือเป็นกระบวนการที่ทำให้ประชาชนมีอำนาจมากขึ้นในการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของตนเอง
3.เป็นการจัดกิจกรรมที่มุ่งไปสู่ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของสาธารณชนและของบุคคล
1.เป็นกระบวนการเพิ่มความสามารถของคนในการควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ และพัฒนาสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้น
4.เป็นการจัดระบบเพื่อนำแหล่งประโยชน์ทางด้านต่างๆ ทั้งทางด้านการศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมมาใช้ เพื่อเกื้อกูลให้บุคคลมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี
การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
การสร้างเสริมสุขภาพ (Health promotion)
หมายถึง การหาทางส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ โดยรวมๆ ไม่ได้มุ่งป้องกันไม่ให้เกิดโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น การพัฒนาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การสุขนิสัยที่ดีในการบริโภคอาหารที่เหมาะสม การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย การคลายเครียด การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ
การป้องกันโรค (Disease prevention)
หมายถึง การหามาตรการหรือการปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคใดโรคหนึ่งเป็นการเฉพาะสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคนั้นๆ เช่น การฉีดวัคซีนหรือการกินยาป้องกันโรคต่างๆ การใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคเอดส์
การป้องกันโรคแบ่งได้เป็น 3 ระดับ มีดังนี้
1.การป้องกันโรคระดับแรก(Primary prevention) หมายถึง การส่งเสริมสุขภาพโดยทั่วไปรวมถึง การปกป้องและต่อต้านการเกิดเฉพาะโรค ได้แก่ การให้สุขศึกษา การรับประทานอาหารเหมาะสมตามวัย การพัฒนาบุคลิกภาพ การทำงาน
2.การป้องกันโรคระดับที่สอง(Secondary prevention) การตรวจคัดกรองเพื่อการวินิจฉัยโรคในระยะแรกและการได้รับการรักษาทันท่วงที
3.การป้องกันโรคระดับที่สาม(Tertiary prevention) เป็นระดับที่ไม่เพียงแต่หยุดการดำเนินของโรคเท่านั้น แต่จะป้องกันความเสื่อมสมรรถภาพอย่างสมบูรณ์
หลักคิดในเรื่องสุขภาพองค์รวม (Holistic Health)
หมายรวมถึงความเป็นปกติสุขทั้งกาย ใจ สังคม และปัญญา จะเห็นได้ว่านิยามนี้ครอบคลุมสุขภาพใน4 ด้านอย่างสมบูรณ์และเป็นภาพรวมของคนทั้งคน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็น “ดุลยภาพของชีวิต”
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health Care)
หมายถึง การดูแลสุขภาพเพื่อให้เกิดความสมดุล กลมกลืนระหว่างร่างกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณ ปัญญา และสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในขณะที่ไม่เจ็บป่วยเพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดี รวมถึงการรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสุขภาพเมื่อเกิดการเจ็บป่วย
องค์ประกอบของสุขภาพองค์รวม
วารสารการส่งเสริมสุขภาพของอเมริกา ระบุสุขภาพไว้ 5 มิติ ได้แก่
มิติทางจิตใจ (Psychological dimension) เป็นมิติของสภาวะทางจิตใจหรืออารมณ์(Emotion) เช่น อารมณ์แจ่มใส ปลอดโปร่ง ไม่มีความกังวล มีความสุข
กับความเครียด การดูแลไม่ให้เกิดภาวะวิกฤตทางอารมณ์
มิติทางสังคม (Social dimension) เป็นความผาสุกของครอบครัว สังคม และชุมชน โดยการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
มิติทางกาย (Physical dimension) เป็นมิติทางร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคหรือความเจ็บป่วย มีปัจจัยสำคัญในมิตินี้ คือ อาหารและโภชนาการ สมรรถนะทางกายสิ่งแวดล้อมทางกายภาพต่างๆ ที่อยู่อาศัย
มิติทางจิตวิญญาณ (Spiritual dimension) เป็นความผาสุกที่เกิดจากการมีความหวังในชีวิต มีความรัก ความอบอุ่น ความเชื่อมั่นศรัทธา มีสิ่งยึดมั่นและเคารพ มีการปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม ด้วยความมีเมตตา กรุณา ไม่เห็นแก่ตัว มีความเสียสละ
มิติทางปัญญา (Intellectual dimension) เป็นสุขภาพในด้านการเป็นผู้มีการศึกษา มีความรู้ เฉลียวฉลาด รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เป็นภูมิคุ้มกันทางสังคม สามารถประกอบอาชีพ และประสบความสำเร็จในชีวิต
สุขภาพองค์รวม 3 ระดับ ได้แก่
ระดับบุคคล ซึ่งหมายถึงการทำให้เกิดความสมดุลภายในตัวคนแต่ละคน ทั้ง ด้านร่างกายจิตใจ (อารมณ์) และจิตวิญญาณ โดยที่หนทางไปสู่ดุลยภาพ คือ การดำเนินชีวิตที่เหมาะสมมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารที่เหมาะสม
ระดับครอบครัว มีความสมดุลของสุขภาวะในตัวคน เชื่อมโยงกับคนอื่นๆ และสิ่งแวดล้อมในครอบครัว มีครอบครัวที่อบอุ่น สมาชิกในครอบครัวมีความรักให้กันและกัน ช่วยกันดูแลให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
ในระดับชุมชนและสังคม มีความสมดุลของสุขภาวะในตัวคน เชื่อมโยงกับคนอื่นๆ และสิ่งแวดล้อมในชุมชนและสังคมโดยรวม
กลยุทธการสร้างเสริมสุขภาพตามกฎบัตรออตตาวา
ว่าหมายถึง กระบวนการเพิ่มความสามารถของประชาชน ในการควบคุม ดูแล และพัฒนาสุขภาพของตนเอง ซึ่งการมีสุขภาพดีต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขหรือมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง 8 ประการ คือ ความสุข การศึกษา รายได้ ระบบนิเวศน์ที่ดี การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม
ยุทธ์หลักในการสร้างเสริมสุขภาพหรือที่เรียกว่า ประกาศกฎบัตรออตตาวา (Ottawa Charter) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
การสร้างนโยบายสาธารณเพื่อการมีสุขภาพ (build healthy public policy) การสร้างเสริมสุขภาพเป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่เพียงแค่ให้การดูแลสุขภาพ แต่มีวัตถุประสงค์มุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งต้องอาศัยความตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบทางสุขภาพ
การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี (create supportive environments) เนื่องจากคนและสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การจัดสิ่งแวดล้อมที่บ้าน เช่น สวนสาธารณะ ให้สะอาด ปลอดภัย สวยงาม ร่มรื่นน่าอยู่ จะช่วยส่งเสริมให้คนมีพฤติกรรมสุขภาพดี
การสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง (strengthen community actions) การสร้างเสริมสุขภาพให้ได้รับความสำเร็จนั้น ชุมชนจะต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการค้นหา
การพัฒนาทักษะส่วนบุคคล (develop personal skills) การสร้างเสริมสุขภาพจะสำเร็จได้นั้น ต้องมีการพัฒนาคนและสังคม ซึ่งกระทำได้โดยการสนับสนุนข้อมูลข่าวสาร ให้ความรู้ด้านสุขภาพ และส่งเสริมทักษะในการดำรงชีวิต
การปรับบริการสุขภาพ (reorient health services) เพื่อให้การสร้างเสริมสุขภาพได้รับความสำเร็จ การบริการสุขภาพจะต้องครอบคลุมการสร้างเสริมสุขภาพไปด้วย
บทบาทเจ้าหน้าที่สุขภาพ
บทบาทของเจ้าหน้าที่สุขภาพในการสร้างเสริมและป้องกันสุขภาพของบุคคล ครอบครัว และชุมชน
2.เป็นตัวกลางประสาน(mediate)
3.การให้คำชี้แนะรวมทั้งเป็นปากเสียง หรือการพิทักษ์สิทธิ์(advocate)
1.การส่งเสริมพัฒนาให้ประชาชนมีความสามารถ(enable)
บทบาทของประชาชน
1.การดูแลสุขภาพตนเอง(Self-health care):
2.การดูแลสุขภาพของครอบครัว
3.การดูแลสุขภาพของชุมชน
ข้อแตกต่างระหว่างการสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่กับการสร้างเสริมสุขภาพแบบตั้งเดิม
แนวทางสาธารณสุขแนวใหม่ (New public health) ตระหนักถึงบทบาทของภาคต่างๆ ในสังคม ในการส่งเสริมสุขภาพ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการควบคุมปัจจัยที่กำหนดสภาวะสุขภาพ และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลต่อสุขภาพรวมทั้งความจำเป็นที่จะหามาตรการปรับเปลี่ยนเพื่อเอื้อต่อสุขภาพที่ดี
การส่งเสริมสุขภาพแนวใหม่
เป็นกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม
มุ่งที่สุขภาพของประชาชน /ชุมชน
เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม
เน้นที่ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
ใช้กลยุทธ์ 5 ประการตามกฎบัตรออตตาวา สร้างนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ สรา้งสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ เสริมสร้างกิจกรรมของชุมชนให้เข็มแข็ง พัฒนาทักษะบุคคล ปรับเปลี่ยนบีิการสาธาณสุข
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ความร่วมมือระหว่างภาค และการเสริมสร้างอำนาจ/ศักยภาพของปัจเจกบุคคลและชุมชน
การส่งเสริมสุขภาพแบบดั้งเดิม
มุ่งที่สุขภาพส่วนบุคคล
เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล
เป็นบริการที่จัดโดยองค์กรสุขภาพ
เน้นที่ปัจจัยทางพฤติกรรมส่วนบุคคล
ใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคม การให้ข้อมูลข่าวสารและการให้สุขศึกษา
ส่งเสริมความรู้ เจตคติ และทักษะของปัจเจกบุคคล
นางสาวศศิภา แก้วอาษา รหัส 611410068-3 คณะพยาบาลศาสตร์