Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหอบหืด
Asthma
image, รายชื่อสามชิกกลุ่มที่ 1 - Coggle Diagram
โรคหอบหืด
Asthma

ความหมาย
ภาวะที่หลอดลมมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อเรียบหลอดลมหดตัว หลั่งมูกออกมามากขึ้นและเยื่อบุหลอดลมบวม ทำให้หายใจออกลำบากมากว่าหายใจเข้า และมีเสียงวี๊ดเกิดขึ้น
-
อาการและอาการแสดง
- หายใจลำบาก มีเสียงวี๊ดๆ (wheezing)
- ไอ เกิดจากหลอดลมหดเกร็งตัว เยื่อบุทางเดินหายใจบวม และมีเสมหะขังอยู่ เสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจบางส่วน หรืออุดกั้นหมด
- ต้องใช้แรงในการหายใจเพิ่มขึ้น เป็น 10-20 เท่าของปกติ กรณีที่มีการติดเอร่วมด้วย
- ขณะหายใจลำบาก จะต้องใช้กล้ามเนื้ออื่นๆ ช่วย เช่น กล้ามเนื้อที่คอ และไหล่
- หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว เหงื่อออกมาก ทำให้ผู้มีอาการมีความกลัวและอ่อนเพลีย จนกระทั่งไม่สามารถพูดคุย รับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำได้
พยาธิสภาพ
การที่ทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้จากภายนอกทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบของหลอดลม ทำให้ปอดมีเสียงวี๊ดๆและไอ เยื่อบุทางเดินหายใจบวมและมีเสมหะ ซึ่งเสมหะจะไปอุดตันทางเดินหายใจบางส่วนหรืออุดตันหมด ถ้ามีการติดเชื้อร่วมด้วยแรงต้านของทางเดินหายใจจะสูงขึ้นมาก ทำให้ต้องออกแรงในการหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 10-20 เท่าของปกติการเพิ่มการทำงานของการหายใจและความวิตกกังวลของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืด ทำให้มีอาการหายใจลำบาก มีการใช้กล้ามเนื้ออื่นๆช่วยในการหายใจ เช่น กล้ามเนื้อที่คอและไหล่ ซึ่งจะหายใจลำบากในช่วงหายใจออก เพราะหลอดลมในช่วงหายใจออกจะเล็กกว่าในช่วงหายใจเข้า ปริมาตรของอากาศที่เหลืออยู่ในปอดหลังจากหายใจออกเต็มที่จะสูงขึ้น
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
สตรีที่เป็นโรคหอบหืดเพียงเล็กน้อยหรือปานกลาง มารดาและทารกจะมีภาวะเสี่ยงเพียงเล็กน้อย ถ้ามีอาการรุนแรงมากจะมีผลต่อการตั้งครรภ์ทั้งมารดาและทารก ดังนี้
- การตายปริกำเนิดของทารกในครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ซึ่งเป็นปัญหาเมื่อมีโรคหอบหืดรุนแรง
- การแท้ง อัตราการคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย เกิดภาวะพร่องออกซิเจนในทารกแรกคลอดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- เพิ่มอัตราการสียชีวิตของมารดาในรายที่มีสตาตัส (Status asthmaticus) และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
- ทารกที่มารดาเป็นโรคหอบหืดมีโอกาสจะเป็นโรคหอบหืดในภายหลัง สูงเป็น 2-4 เท่าของปกติ
ทารก
ในรายที่ก่อนการตั้งครรภ์มีอาการหอบหืดเล็กน้อยมักไม่มีปัญหาในระยะตั้งครรภ์ แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก่อนการตั้งครรภ์ พบว่าประมาณร้อยละ 40 อาการของโรคหอบหืดจะแย่ลงขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอาการหอบหืดระหว่างตั้งครรภ์จะมีอาการหอบหืดได้มากในช่วงอายุครรภ์ 6-7 เดือน
การวินิจฉัย
1. การซักประวัติ
สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืดจะมีประวัติเป็นหอบเป็นๆหายๆ เรื้อรัง
การหอบอาจจะหายได้เองหรือภายหลังได้รับยาขยายหลอดลม
นอกจากนี้อาจจะได้เกี่ยวกับประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว
เช่นโรคหืด จมูกอักเสบ จากภูมิแพ้ เป็นต้น การสัมผัสสิ่งที่ก่อให้เกิดหอบหืด
อาการและอาการแสดงเมื่อเกิดหอบหืด ควรซักประวัติโรคภูมิแพ้ในตัวสตรีตั้งครรภ์เอง
ซึ่งอาจมีอาการนำมาหรือร่วมด้วย ประวัติโรคทางปอดหัวใจที่เป็นร่วมด้วย
รวมทั้งระยะเวลาของการหอบและยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ
2. การตรวจร่างกาย
พบหายใจลำบาก หายใจมีเสียง wheezing
หอบเหนื่อย หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว เหงื่อออก
อาจพบอาการเขียวบริเวณริมฝีปาก และปลายมือปลายเท้า
3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ได้แก่
3.1 การถ่ายภาพรังสี สรีระทรวงอกขณะหอบ พบมีอากาศค้างในปอด กระบังลม 2 ข้างมัก ต่ำลง ช่องระหว่างซี่โครงกว้างขึ้น และมักพบหลอดเลือดและหลอดลมบริเวณขั้วปอดเด่นชัดขึ้น
3.3 ตรวจดูสมรรถภาพของปอด
โดยใช้ spirometry หรือ peak flow meter
เพื่อวัดแรงดันลมขณะหายใจออกเพื่อยืนยันว่ามีairflow limitation โดย
ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีแรงดันลมขณะหายใจออกที่ 1 นาทีต่ำ
4. การตรวจพิเศษ
ได้แก่ การตรวจภาพถ่ายทางรังสีเพื่อวินิจฉัยแยกโรคหอบหืดออกจากโรคอื่นที่อาการคล้ายกัน และการตรวจ arterial blood gas เพื่อประเมินภาวะขาดออกซิเจน
3.2 ทดสอบหน้าที่ของปอดด้วยการสูดดม methacholine
ในขณะไม่หอบพบว่าหลอดลมผู้ที่เป็นหอบหืดจะไวต่อสารนี้มาก
เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างจำเพาะสำหรับที่เป็นโรคหอบหืด
การรักษา
- การให้ยาเพื่อบำบัดและป้องกันอาการหอบหืด เป็นยาที่สามารถใช้ในสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมแม่อย่างปลอดภัย ได้แก่
1.1Adrenline 1:1,000 ขนาด 03 มิลลิลิตรในสตรีตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 60 กิโลกรัม,0.4 มิลลิลิตรในสตรีตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 60-80กิโลกรัม และ 0.5 มิลลิลิตรในสตรีตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 80 กิโลกรัม
โดยฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังทุก 20-30 นาทีถ้าอาการไม่ดีขึ้น รวมกันไม่เกิน 3ครั้ง
แต่การให้ยาในสตรีตั้งครรภ์พบว่าทำให้การไหลเวียนเลือด
ในมดลูกลดลงอาจเปลี่ยนยาเป็นBricany 0.25-0.50มิลลิกรัมฉีดเข้าใต้ผิวหนังวันละ 4 ครั้งแทนก็ได้
1.2 Theophilin หรือAminophylin 6-7 มิลลิกรัม/น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ผสมให้เจือจางด้วยสารน้ำ 100 มิลลิลิตร ฉีดช้าๆเข้าทางหลอดเลือดดำใช้เวลาไม่เร็วกว่า 20 นาที่ หลังจากให้ยาในขนาดเริ่มต้นแล้ว
ผสมยาในสารน้ำหยดเข้าหลอดเลือดดำในขนาด 0.7 มิลลิกรัมกิโลกรัมชั่วโมง เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
และลดลงเหลือ 0.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ชั่วโมง การใช้ยานี้ต้องระมัดระวังเพราะถ้าให้เร็วอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ
คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ช็อก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เสียชีวิตได้
1.3 ดอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เมื่อรักษาด้วยอะครีนาลิน และ Aminophylin ไม่ได้ผล ให้ในขนาด 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมทุก 6 ชั่วโมง ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำช้าๆ
1.4 ยาระงับประสาท เพื่อลดความกลัวและความวิตกกังวล เช่น Diazepam ซึ่งไม่กดการหายใจ หลีกเลี่ยงการใช้ยามอร์ฟืน (Morphine) เนื่องจากมีผลกดการหายใจของมารดาและทารกในครรภ์
-
1.6 ไอโสโปรทีรีนอล (Isoproterenol) โดยการผสม Isoproterenol 1: 200 จำนวน5หยด
ในน้ำเกลือนอร์มัล 2 มิลลิลิตร ใส่ใน PPB (Intermittent positive pressure breathing)
จึงเป็นท่อและใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องมือให้ออกชิเจนช่วยทำให้ยาเป็นฝอยละอองให้
สตรีตั้งครรภ์สูดดมทางปาก ขณะหายใจเข้าจะทำให้ยาเข้าสู่ปอดได้ง่ายขึ้น ช่วยให้หลอดลมขยายได้ดีขึ้นให้ทุก 2-4 ชั่วโมงตามแผนการรักษา
-
- การให้การดูแลและคำแนะนำ ดังนี้
2.1 สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ส่วนใหญ่จะให้ในรายที่รักษาด้วยยาดังกล่าวแล้วไม่ดีขึ้น
ได้ผลไม่เป็นที่พอใจ หรือในรายที่ขาดน้ำและมีเสมหะเหนียวให้ประมาณวันละ 3000มิลลิลิตร
นอกจากจะแก้ภาวะขาดน้ำแล้วยังมีน้ำตาลเป็นอาหารสำหรับผู้ที่หอบมาก
และมักจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำทำให้เสมหะเหลวลง ละลายและถูกกำจัดออกจากหลอดลมได้ง่าย
-
2.3 หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดจากการหอบดจากสารก่อภูมิแพ้เช่น อยู่ในที่ที่ปราศจากฝุ่น ไม่รับประทานอาหารที่แพ้ ไม่สูบบุหรี่
-
-
-
2.7รักสุขภาพให้แข็งแรง รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล หลีกเสี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การพยาบาล
-
-
-
- ประวัติ ควรซักถามเกี่ยวกับประวัติการเป็นโรคหอบหืด สารที่แพ้
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดขณะตั้งครรภ์ปัจจุบันอาการหอบหืดเป็นมากเพิ่มขึ้นหรืออาการดีขึ้นอย่างไร การรักษา ยาที่ได้รับในปัจจุบันและประวัติบุคคลในครอบครัวเกี่ยวกับโรคหอบหืด
- การตรวจร่างกาย ถ้าหญิงตั้งครรภ์มีอาการจับหืดจะพบอาการและอาการแสดงได้แก่
อาการหายใจลำบากมีเสียง Wheezing เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย เหนื่อยมาก
วัดสัญญาณที่จะพบการหายใจเร็ว ชีพจรเร็ว หรือความดันโลหิตสูง ตรวจครรภ์
อาจพบระดับยอดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ มีการหดรัดตัวของมดลูก
เสียงหัวใจทารกเต้นผิดปกติ ถ้ามีอาการรุนแรง อาจมีอาการแท้ง เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
- ภาวะจิตสังคม ควรประเมินสภาวะด้านจิตใจ
อารมณ์ของหญิงตั้งครรภ์ต่อโรคที่เป็นอยู่และความกังวลห่วงใยต่อทารกในครรภ์
- การตรวจพิเศษและการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากการตรวจอัลตร้าซาวด์ในกรณีที่อาการของโรครุนแรง
อาจพบ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แท้ง หรือการตรวจเลือดพบความไม่สมดุลของกรดด่าง เช่น alkalosis หรือ acidosis ได้
รายชื่อสามชิกกลุ่มที่ 1
- นางสาวกนกวรรณ เกตจันทร์ รหัส 601601001
- นางสาวกมลพร สำราญจิต รหัส 601601002
- นางสาวกรกนก ประสานพานิช รหัส 601601003
- นางสาวกรรณิการ์ บุญเลิศ รหัส 601601004
- นางสาวกรวรรณ โกตะนานนท์ รหัส 601601005
- นางสาวกัญจนพร ขวัญข้าว รหัส 601601006
- นางสาวกัญญาภัค ตรีธัชพร รหัส 601601007
- นางสาวกัญญาวีร์ บุญมาวัฒน์ รหัส 601601008
- นางสาวกิ่งกาญจน์ สหายา รหัส 601601009
- นางสาวเกวลี คงตะโก รหัส 601601010
- นางสาวเกษราภรณ์ ธิมาเกตุ รหัส 601601011
- นางสาวจิรฐา สิงห์แหลม รหัส 601601012
-
-
-