Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด, นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา…
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด
Cardiac arrhythmias
สาเหตุที่หัวใจ
โรคของกล้ามเนื้อหัวใจ
โรคของลิ้นหัวใจ ตีบ รั่ว
หัวใจโต หัวใจล้มเหลว
สาเหตุภายนอกหัวใจ
ภาวะเสียสมดุลอิเล็คโตรลัยท์ เช่น K, Mg, Ca, Na
ภาวะ hypoxia
ภาวะ hypoxia
ได้รับยาบางชนิด ชา กาแฟ บุหรี่
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
โรคอื่นๆ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ
อาการ
ขึ้นกับชนิดของจังหวะหัวใจที่ผิดปกติ
หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ผู้ป่วยอาจจะมาด้วยอาการใจสั่น
หัวใจเต้นช้า ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการ เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
บางครั้งผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการเหนื่อย
การรักษา
ให้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ได้แก่ Digitalis, Amiodarone, propanol
การใส่สายสวนหัวใจ เพื่อให้การรักษาโดยการจี้ บริเวณวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติ
ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือ Pacemaker ในกรณีหัวใจเต้นช้า
ฝังเครื่องกระตุกหัวใจ หรือ Internal Defibrillator เพื่อที่จะรักษาผู้ป่วย
ปัญหาทางการพยาบาลผู้ป่วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เสี่ยงต่อ Low Cardiac Output เป็นผลจากการบีบตัวของหัวใจ ไม่มีประสิทธิภาพ
เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นผลมาจากเลือดในหัวใจห้องบนจับตัวกันเป็นลิ่มเลือดนำไปสู่การเกิด Emboli
เสี่ยงต่อการเกิด Cardiac arrest
การแก้ไขภาวะ low cardiac output
V = Volume ทำให้ผู้ป่วยมี volume เพียงพอ โดยให้ IV fluid/blood
H = Heart แก้ไขให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติที่สุด โดยการใช้ยา กลุ่ม anti-arrhythmia
R = Rate แก้ไขอัตราการเต้นของหัวใจ (60-120) โดยให้ยา digitalis, beta-blocker
S = Stroke ช่วยทำให้หัวใจบีบเลือดออกดีขึ้น
ใช้ยาขยายหลอดเลือด เพื่อลด Systemic Vascular Resistance เช่น Nitroprusside, Nitroglycerine
ใช้ยากลุ่ม Inotropics เพื่อเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
หัวใจเต้นผิดจังหวะที่สำคัญ
Sinus bradycardia
สาเหตุ
เกิดขึ้นขณะนอนหลับหรือในคนหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง
ผู้ป่วยที่มี myocardial infarction ในส่วน inferior หรือ posterior
Parasympathetic ถูกกระตุ้นเช่น อาเจียน กลั้นหายใจ การเบ่งอุจจาระ
ผู้ป่วยที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ร่างกายขาดออกซิเจน อุณหภูมิร่างกายต่ำ K+สูง หรือ hypothyroid
ได้รับยากลุ่ม calcium channel blocker, beta blocker, digitalis, amiodarone
หัวใจเต้นน้อยกว่า 60 ครั้ว/นาที
P wave รูปร่างเหมืิอน uniform และเป็น upright positive deflection ใน lead l, ll, lll, aVL and aVF
ระยะเวลาที่เกิด P wave และ R wave เกิดขึ้นสม่ำเสมอ
อัตราการเกิด P wave และ R wave น้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที
หัวใจเต้นช้า ทำให้ปั้มเลือดออกมาเลี้ยงร่างกายน้อยลง Low cardiac output เลือดไปเลี้ยงส่วนต่่างๆของร่างกายไม่เพียงพอ
อาการ
ความดันโลหิตต่ำ ตัวเย็นชา เจ็บหน้าอก
วิงเวียน หมดสติ ปัสสาวะน้อยลง
Sinus Tachycardia
P wave รูปร่างเหมืิอน uniform และเป็น upright positive deflection ใน lead ll
ระยะเวลาที่เกิด P wave และ R wave เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ห่าง 2.5 ช่องใหญ่ทุกคน
อัตราการเกิด P wave และ R wave คือ 300 หารด้วย 2.5 เท่ากับ 120 นั่นตือหัวใจเต้น 120 ครั้ง/นาที
สาเหตุ
การออกกำลังกาย การขาดออกซิเจน การมีไข้ การขาดเลือด
ภาวะโลหิตจาง การขาดน้ำ ภาวะช็อก ความดันโลหิตต่ำ
การได้รับยา เช่น Epinephrine, Atropine, Dopamine
การดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ เสพโคเคน
Sinus node สนองต่อการกระตุ้นแบบ Sympathetic system ด้วยการปล่อยไฟฟ้า ในอัตราเร็วกว่า 100 ครั้ง/นาที
Atrial fibrillation
สาเหตุ
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจโต
โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ COPD ความดันโลหิตสูง เครียด อ่อนล้า
การไม่สมดุลของเกลือแร่ ดื่มสุรา สูบบุหรี่ Holiday Heart Syndrome
ได้รับยาที่กระตุ้นหัวใจทำให้เต้นไว เช่น Beta stimulation
ผลที่ตามมา
ทำให้ cardiac output ลดน้อยลง อาจมีเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดอาการของเจ็บหน้าอก angina pectoris อาจเกิด thrombus formation
อาการ
อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ความดันโสหิตต่ำ
ความทนในการทำกิจกรรมลดลง วิตกกังวล มึนงง ปวดศรีษะ เป็นลม
เป็นภาวะที่จุดกำเนิดไฟฟ้าไม่ได้มาจาก SA node แต่เกิดมาจากไฟฟ้าที่มาจากห้องหัวใจข้างบนมากมายหลายแห่ง ทำให้เกิดภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ไม่มี P wave แต่พบว่ามี Fibrillation (f) wave ลักษณะเป็นเส้นหยักไปมา ไม่สม่ำเสมอ แต่รูปร่างของ ORS complex เป็นปกติ Atrial rate 350-700 ครั้ง/นาที Ventricular rate ไม่สม่ำเสมอ
ถ้า Ventricular rate มากกว่า 100ครั้ง/นาที ถือว่าเป็น rapid ventricular
response เรียกว่า Uncontrolled Atrial Fibrillation
ถ้า Ventricular rate น้อยกว่า 100 ครั้ง/นาที เรียกว่า COntrolled Atrial
Fibrillation
Atrial flutter
ไฟฟ้าเกิดมาจากRt. Atrium และไหลหมุนวนกลับ (re-entry circuit)
เกิด Atrium depolarization มี wave form คล้ายฟันเลื่อย (Flutter wave)
ไม่มี p wave, แต่เป็น Flutter wave
Atrial rate 250-450 ครั้ง/นาที
จังหวะของ atrium สม่ำเสมอ แต่จังหวะของ ventricle ไม่แน่นอน
เกิดจาก Ventricular rate ที่เร็วมาก ทำให้หัวใจบีบตัวเร็ว ไม่มีเวลาเพียงพอให้เลือดไหลจากหัวใจห้องบนลงมาห้องล่าง จึงทำให้ปริมาตรเลือดในหัวใจห้องล่างก่อนหัวใจบีบตัวมีน้อย ส่งผลให้เลือดถูกบีบออกจากหัวใจน้อยลง เกิด Low cardiac output
Ventricular tachycardia
จุดกำเนิดอยู่ที่ ventricle
ไม่พบ P wave
QRS กว้าง
Rate 150-250 ครั้ง/นาที
Ventricular fibrillation
ลักษณะ ventricle เต้นพริ้ว ไม่สามารถบีบเลือดออกจากหัวใจได้
ไม่พบ p wave มีเพียง fibrillation wave
คลำชีพจรไม่ได้
การรักษา
ร่วมกับการทำ CPR อย่างต่อเนื่อง
epinephrin 1 mg IV ซ้ำได้ทุก 3 – 5 นาที
ทำ defibrillation 100-200 จูล ทันที
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ECG Interpretation
T wave เป็น positive deflect หรือไม่
QRS complex แคบหรือกว้าง รูปร่างเหมือนกันไหม
มี P Wave หรือไม่ รูปร่างปกติ? และ สัมพันธ์กับQRS ?
Rhythm สม่ำเสมอหรือไม่
Heart Rate ปกติ เร็ว หรือ ช้า
PR interval ปกติหรือไม่ (0.12-0.2 วินาที)
ST segment (elevate / depress)
ECG Waveform
เมื่อไฟฟ้าวิ่งผ่านเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ จะเกิด Depolarization และ Repolarization เกิด ECG Waveform ประกอบด้วย P Wave, QRS Complex, T Wave, U Wave
Characteristic of normal ECG
P wave
กว้าง< 0.12 sec (3ช่อง)
Upright ใน I,II,V4-V6, aVF
Invert ใน aVR
Atrial deporalization
QRS complex
ventricular depolarization
กว้าง 0.06-0.12sec
Q ปกติไม่เกิน 1 mm
QRSสูง 10 - 25 mm
T wave
upright ใน lead I,II,V3-V6
invert ใน aVR
ventricular repolarization
Coronary Artery Disease
โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน
ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันสะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ทำให้ เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ ได้แก่ อายุ เพศ ประวัติครอบครัว เชื้อชาติ
ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น ความดันโลหิตสูง Cholesterolสูง
ไขมัน HDLต่ำ น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะอ้วนและ การสูบบุหรี่
พฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ สูบบุหรี่ โรคประจำตัว ภาวะแทรกซ้อน
กลุ่มอาการ
กลุ่มอาการเจ็บหน้าอกคงที่ (Stable angina) ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกเป็นๆหายๆไม่รุนแรง ระยะเวลา 3-5 นาที หายโดยการพัก หรือ อมยาขยายเส้นเลือดหัวใจ
กลุ่มอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute coronary syndrome) ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน หรือเจ็บขณะพัก (Rest angina) และเจ็บนานมากกว่า 20 นาที
อาการนำที่พบบ่อย คือ เจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก เหนื่อยขณะออกแรง เป็นลม หมดสติ หรือ เสียชีวิตเฉียบพลัน
การวินิจฉัย
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจ cardiac markers ได้แก่ troponin, cardiac enzyme
การซักประวัติอาการเจ็บหน้าอก
การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiography; CAG)
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนของหัวใจ (echo cardiography)
แนวทางการรักษา Acute coronary syndrome ; ACS
ควรให้ยาต้านเกร็ดเลือด 2 ชนิด ร่วมกัน เช่น ให้aspirin ร่วมกับ clopidogrel
ให้ยาlow molecular weight heparin
พิจารณาให้ยากลุ่ม narcotics หรือ analgesics ในรายจำเป็นตามข้อบ่งชี้
ติดตามอาการเปลี่ยนแปลง และคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นระยะ
ปัญหาทางการพยาบาลโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาจเกิดภาวะ Cardiogenic shock จากปริมาตรการไหลเวียนลดลง
มีโอกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนเนื่องจากได้รับยาละลายลิ่มเลือด
ปริมาตรเลือดที่หัวใจส่งออกต่อนาทีลดลง เนื่องจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
เจ็บแน่นหน้าอก เนื่องจากปริมาณเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
เกิดความวิตกกังวล ต่ออาการและการดำเนินของโรคซึ่งคุกคามต่อชีวิต
การใช้ยาละลายลิ่มเลือด
การใช้ยาละลายลิ่มเลือด
มีประวัติ hemorrhagic stroke
มีประวัติ nonhemorrhagic stroke ใน 1 ปีที่ผ่านมา
ตรวจพบเลือดออกในอวัยวะภายใน เช่น ทางเดินอาหาร
ได้รับบาดเจ็บรุนแรง / เคยผ่าตัดใหญ่ภายในเวลา 4 สัปดาห์
สงสัยว่าอาจมีหลอดเลือดแดงใหญ่แทรกเซาะ
ตั้งครรภ์
ได้รับการกู้ชีพ (CPR) นานเกิน 10 นาที
BP > 180/110 mmHg ที่ไม่สามารถควบคุมได้
มีภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติหรือได้รับยากลุ่ม warfarin (INR > 2)
การเฝ้าระวัง
สังเกตอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาการเหนื่อยของผู้ป่วย และอาการอื่นๆ
ติด Monitorเพื่อติดตามสัญญาณชีพและ EKG อย่างใกล้ชิด หลังผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือด
ติดตามEKG 12 lead ทุก 30 นาทีเพื่อประเมินการเปิดของหลอดเลือดหัวใจ โดยดูจาก ST segment ลดต่ำลงอย่างน้อย 50% ภายในเวลา 90-120 นาทีหลังเริ่มให้ยาละลายลิ่มเลือด
ควรส่งต่อผู้ป่วยเพื่อทำการขยายหลอดเลือดหัวใจในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมโดยเร็วที่สุด หากอาการเจ็บหน้าอกไม่ดีขึ้น และไม่มีสัญญานของการเปิดหลอดเลือดภายในช่วงเวลา 90-120 นาที
นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา 612501036