Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกขาดออกซิเจน Birth asphyxia, นางสาวฮูไลฟา ชุมศรี รหัส…
การพยาบาลทารกขาดออกซิเจน Birth asphyxia
การพยาบาล
สังเกตอาการขาดออกซิเจน
ริมฝีปากและปลายมือปลายเท้าซีด เขียว
หายใจปีกจมูกบาน
หายใจออกมีเสียงคราง หน้าอกบุ๋ม
ดูแลให้ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
บันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจทารกภายหลังคลอด
ดูแลให้ได้รับอาหารและสารน้ำ ตามแผนการรักษาของแพทย์
เช็ดตัวทารกให้แห้งทันทีหลังคลอดและห่อตัวรักษาความอบอุ่นของร่างกาย
ดูแลความสะอาดของร่างกาย
ดูดสิ่งคัดหลั่งให้มากที่สุดก่อนคลอดลำตัว
ดูแลให้พักผ่อน
เตรียมทีมบุคลากร เครื่องมือให้พร้อมก่อนคลอด
ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
กลไกการเกิด
มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
มารดาที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
มารดามีอาการช็อค
สูญเสียเลือด ซีด
ปอดทารกขยายไม่เต็มที่
มีทางเดินหายใจอุดตัน
มีน้ำคั่งในปอด
มีความสามารถในการหายใจไม่สมบูรณ์
มีการหายใจล้มเหลวเนื่องจากสมองถูกกด
ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก
รกลอกตัวก่อนกำหนด
(abruptio placenta)
รกมีเนื้อตาย (placenta infarction)
การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือขัดข้อง มีการหยุดไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลง
สายสะดือถูกกดทับขณะเจ็บครรภ์หรือขณะคลอด
อาการและอาการแสดง
ระยะคลอด
พบขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
ระยะหลังคลอด
แรกคลอดทันที่มีคะแนน APGAR ต่ำกว่า 7
ตัวเขียว ไม่หายใจเอง ตัวนิ่มอ่อนปวกเปียก
ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสูงกระตุ้นลดลง หัวใจเต้นช้า
ปอด
ทารกคลอดก่อนกำหนดเกิดภาวะ RDS
ทารกที่คลอดครบกำหนดจะเกิดภาวะ PPHN
ทารกมีอาการหายใจหอบ ตัวเขียว
ระบบหัวใจและ
การไหลเวียนเลือด
หัวใจเต้นเร็วผิวซีดหายใจแบบ gasping มี metabolic
acidosis อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ความดันโลหิตต่ำ
ระบบประสาท
ถ้าขาดออกซิเจนนานทารกจะซึม หยุดหายใจบ่อย หัวใจเต้น ช้าลง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง ไม่มี Doll’s eye movement และมักเสียชีวิต
ถ้าขาดออกซิเจนในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและดูดนมได้ไม่ดี
hypoxic ischemic encephalopathy (HIE)
สูญเสียกำลังกล้ามเนื้อ
ชัก
ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ
ระบบทางเดินอาหาร
ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์มารดา
ลำไส้อักเสบเน่าตาย(NEC)
เมตาบอลิซึม
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
แคลเซียมต่ำ และโปแตสเซียมสูง
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่า arterial blood gas ผิดปกติ
คือ PaCO2 > 80 mmHg, PaO2 < 40 mmHg, pH < 7.1
ระดับน้ำตาลในเลือด 30 mg%
ค่าของ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%
ค่าของ potassium ในเลือดสูง
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ถ่ายปัสสาวะ
ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด (hematuria)
ระยะตั้งครรภ์หรือก่อนคลอด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าปกติ
อัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160 ครั้ง/นาทีต่อมาจึงช้าลง
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
การประเมินคะแนน APGAR
อัตราการหายใจ
การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
สีผิว
การตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น
อัตราการเต้นของหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ประวัติการคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อทารกมีภาวะขาดออกซิเจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมออกซิเจนเขา้สู่ระบบไหลเวียน เลือดได้ทำให้มีปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดต่ำ มีการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในร่างกาย คือ มีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ เริ่มด้วยมีอาการหายใจแบบขาดอากาศ (gasping) ประมาณ 1 นาทีตามด้วยการหายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขทารกจะหยุดหายใจ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง ภายใน 8 นาทีหลังเกิดการขาดออกซิเจนทารกจะเสียชีวิต
ความหมาย
ภาวะที่ทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้ขาดสมดุลของการแลกเปลี่ยนก๊าซทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxia) การคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ (hypercapnia) และมีสภาพเป็นกรดในกระแสเลือด (metabolic acidosis)
การรักษา
การช่วยหายใจ
การช่วยหายใจดว้ยแรงดันบวก โดยใช้mask และ bag
หยุดหายใจหรือหายใจแบบ gasping
อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้ง/นาที
เขียวขณะได้ออกซิเจน 100%
การประเมินการช่วยหายใจ
การขยายของปอดทั้งสองข้างและฟังเสียงการหายใจ
การมีสีผิวที่ดีขึ้น
อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
การประเมินหลังการช่วยทารกหายใจ
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาทีจะค่อยๆ ลดการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกและหยุดได้
ถ้าทารกหายใจเองไม่เพียงพอหรืออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 คร้ัง/นาที ต้องช่วยหายใจด้วย mask และ bag หรือใส่ท่อหลอดลมคอ
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที ต้องช่วยหายใจและทำการนวดหัวใจร่วมด้วยและพิจารณาใส่ท่อหลอดลมคอ
การใส่ท่อหลอดลมคอ
เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน
เมื่อช่วยหายใจด้วย mask และ bag แล้วไม่ได้ผล
เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ กรณีที่มีขี้เทาปนเปื้อนน้ำคร่ำ
เมื่อต้องการนวดหัวใจ
ทารกมีไส้เลื่อนกระบังลม หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม
การให้ออกซิเจน
ในทารกที่มีตัวเขียว อัตราการเต้นของหัวใจช้า หรือมีอาการหายใจลำบากให้ออกซิเจน 100% ที่ผ่านความชื้นและอุ่น ผ่านทาง mask หรือท่อให้ออกซิเจนโดยใช้มือผู้ให้ทำเป็นกระเปาะ เปิดออกซิเจน 5ลิตร/นาที โดยให้ใกล้จมูกทารกประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของออกซิเจนสูงสุด
การนวดหัวใจ
อัตราการเต้นของหัวใจทารกยังคงน้อยกว่า 60 คร้ัง/นาที ขณะที่ได้ช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% นาน 30 วินาที นวดบริเวณกระดูกสันอกตรงตำแหน่งหนึ่งส่วนสามล่างของกระดูกสันอก ความลึกประมาณ 1/3 ของ ความหนาของทรวงอกและอัตราส่วนระหว่างการนวดและช่วยหายใจเป็น 3:1
การกระตุ้นทารก
การเช็ดตัวและดูดเมือกจากปากและจมูกสามารถกระตุ้นทารกให้หายใจได้อย่างดีถ้าทารกยังไม่ร้องหรือหายใจไม่เพียงพอให้ลูบบริเวณหลัง หน้าอก ดีดส้นเท้าทารก ซึ่งจะได้ผลดี ในกรณีที่มี primary apnea
clearing the airway
กรณีไม่มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ หลังจากศีรษะทารกคลอด ใช้ลูกสูบยางแดงดูดสิ่งคัดหลั้งในปากก่อนแล้วจึงดูดในจมูก
กรณีมีขี้เทาปน ไม่ว่าจะมีขี้เทาใสหรือขุ่นข้นปนในน้ำคร่ำ ต้องรีบดูดขี้เทาออกทันทีที่ศีรษะทารกคลอด ถ้าทารกไม่หายใจ ตัวอ่อน หัวใจเต้น ช้ากว่า 100คร้ัง/นาทีใส่ endotracheal tube ดูดขี้เทาออกจากคอหอยและหลอดคอให้มากที่สุด ช่วยหายใจดว้ยความดันบวก เมื่อมีอาการดีข้ึนจึงดูดในกระเพาะอาหารเพื่อป้องกนัการสำลักซ้ำ
การให้ยา
Naloxone hydrochroride (Narcan) ใช้กับทารกที่มารดาได้รับยากลุ่มยาเสพติดที่กดการหายใจภายใน 4 ชั่วโมงก่อนคลอดภายหลังช่วยหายใจแล้วให้ขนาด 0.1 มก./ก.ก. หรือ 0.25 มล./ ก.ก. ของยาที่มีความเข้มข้น
0.4 มก./ มล.
สารเพิ่มปริมาตร (volume expanders) ใช้เมื่อทารกมีภาวะ hypovolemic โดยให้น้ำเกลือนอร์มอล(NSS) หรือ Ringer’s lactate หรือ packed red cell ขนาด 10 มล./ก.ก. ในเวลา5-10 นาที
Epineprine ใช้เมื่อช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% และนวดหัวใจนานเกิน 30 วินาทีแล้วอัตราการเต้นของหัวใจยังคงน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที ใช้ยาเข้มข้น 1:10,000 ปริมาณ 0.01-0.03 มล./ก.ก
การให้ความอบอุ่น
ดูแลทารกภายใต้(radiant warmer)แล้วเช็ดผิวหนังทารกให้แห้งอย่างรวดเร็ว หรือวางทารกบนหน้าอกหรือหน้าท้อง
ของมารดาโดยให้ผิวหนังทารกสัมผัสกับผิวหนังมารดาโดยตรง
การจำแนกตามความรุนแรงของการขาดออกซิเจน
moderate asphyxia
ให้ออกซิเจน 100% และช่วยหายใจด้วย mask และ bag เมื่อดีขึ้น
จึงใส่ feeding tube เข้ากระเพาะอาหารเพื่อดูดลมออก
severe asphyxia
ให้การช่วยเหลือโดยช่วยหายใจทันทีที่คลอดเสร็จ โดยใส่ ET tube
และช่วยหายใจดว้ยออกซิเจน 100% ผ่าน bag ร่วมกับการนวดหัวใจ ถ้าไม่ดีขึ้นจึงรักษาดว้ยยา
mild asphyxia
ให้ความอบอุ่น ทำทางเดินหายใจให้โล่ง กระตุ้นการหายใจ ให้ออกซิเจนผ่านสายออกซิเจน หรือ mask
นางสาวฮูไลฟา ชุมศรี รหัส 601001153