Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia หรือperinatal asphyxia ) - Coggle Diagram
ภาวะขาดออกซิเจน
(Birth asphyxia หรือperinatal asphyxia )
กลไกการเกิด
ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก ซึ่งเกิดจากรกมีการแยกตวัออกจากมดลูกเช่น รกลอกตัวก่อนกา หนด
( abruptio placenta) รกมีเนื้อตาย(placenta infarction)
การไหลเวยีนเลือดทางสายสะดือขดัขอ้ง มีการหยุด ไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลง เช่น สายสะดือถูกกดทับขณะเจ็บครรภ์หรือขณะคลอด
มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
สูญเสียเลือด
ซีด
มารดามีอาการช็อค
การบีบตัวของมดลูก
นานเกินไปหรือถี่มากไป
มารดาที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
ปอดทารกขยายไม่เต็มที่และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภ์ไม่สามารถปรับเป็นแบบทารกหลังคลอดได้และไม่พัฒนาเป็นแบบผู้ใหญ่
สรุปการรักษาจำแนกตามความรุนแรงของการขาดออกซิเจน
mild asphyxia
ให้ความอบอุ่น ทำทางเดินหายใจให้โล่ง กระตุ้นการหายใจ
ให้ออกซิเจนผ่านสายออกซิเจนหรือ maskถ้าอาการดีขึ้น
moderate asphyxia
ให้ออกซิเจน 100% และช่วยหายใจด้วย mask และbag เมื่อดีขึ้น
จึงใส่ feeding tube เข้ากระเพาะอาหารเพื่อดูดลมออก
severe asphyxia
ให้การช่วยเหลือโดยช่วยหายใจทนั ทีที่คลอดเสร็จ โดยใส่ ET tube
และช่วยหายใจดว้ยออกซิเจน 100% ผ่าน bag ร่วมกับการนวดหัวใจ
ถ้าไม่ดีขึ้นจึงรักษาด้วยยา
พยาธิสรีรภาพ
โดยมีระดับแรงดันออกซิเจนในหลอดเลือด
แดงเท่ากับ หรือน้อยกว่า 40 mmHg และมีการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีระดับแรงดัน
คาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดแดงมากกว่า 80 mmHg
ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในร่างกาย โดยมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายก่อน )การขาดออกซิเจนทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาการเผาพลาญโดยไม่ใช้ออกซิเจน
เป็นผลให้ร่างกายมีภาวการณ์เผาพลาญเป็นกรด
(metabolic acidosis) ซึ่งทำให้การขาดออกซิเจนรุนแรงมากขึ้น
ความหมาย
หมายถึงภาวะที่ทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้
อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลใหข้าดสมดุลของการแลกเปลี่ยนก๊าซ
ทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxia) มีการคั่งขอคาร์บอนไดออกไซด์(hypercapnia)และมีสภาพเป็นกรดในกระแสเลือด(metabolic acidosis)
อาการและอาการแสดง
ระยะคลอด
พบขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
ระยะตั้งครรภ์หรือก่อนคลอด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่า ปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่า ปกติอัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160คร้ัง/นาทีต่อมาจึงช้าลง
ระยะหลังคลอด
แรกคลอดทันที
มีคะแนน APGAR ต่ำกว่า 7
การเปลี่ยนแปลงในระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด การขาดออกซิเจนในระยะแรกร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจและต่อมหมวกไต แต่ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนังหายใจแบบ gasping มี metabolic acidosis อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ความดันโลหิตต่ำ
การเปลี่ยนแปลงในระบบประสาท ถ้าขาดออกซิเจนนานทารกจะซึม หยุดหายใจบ่อย หัวใจเต้นช้าลง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง ไม่มี Doll’s eye movement และมักเสียชีวิต
การเปลี่ยนแปลงในปอด การขาดออกซิเจนทำให้หลอดเลือดในปอดหดตัว
ความดันเลือดในปอดสูงข้ึน เลือดไปเลี้ยงปอดได้น้อยลง
การทำงานของเซลล์ปอดเสียไป ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้จะบีบตัวแรงชั่วคราว ทำให้ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์มารดา จึงเสี่ยงก่อการสำลักขี้เทาเข้าปอด
สำหรับทารกที่คลอดก่อน ถ้าขาดออกซิเจนนานและรุนแรงจะเสี่ยงต่อการ
เกิดลำไส้อักเสบเน่าตาย (NEC)
การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม หลังจากขาดออกซิเจน ทารกมักจะเกิด
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซียมต่ำ และโปแตสเซียมสูง มีผลทำให้ทารกชักและเสียชีวิต
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินปัสสาวะ ทารกจะมีปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ถ่ายปัสสาวะ
หรือถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด(hematuria)
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับน้ำตาลในเลือด 30 mg%
ค่าของ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%
ค่า arterial blood gas ผิดปกติ คือ PaCO2 > 80 mmHg, PaO2 < 40 mmHg, pH < 7.1
ค่าของ potassium ในเลือดสูง
การวินิจฉัย
ประวัติการคลอด
การตรวจร่างกาย การประเมินคะแนน APGAR จะพบการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ดังนี้
-การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
-การตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น
-อัตราการหายใจ เริ่มจากไม่สม่ำเสมอไปจนหยุดการหายใจ
-อัตราการเต้นของหัวใจ
-สีผิว
อาการและอาการแสดง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
การช่วยหายใจ(ventilation)
การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
โดยใช้ mask และ bag
1) หยุดหายใจหรือหายใจแบบ gasping
2) อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 คร้ัง/นาที
3) เขียวขณะได้ออกซิเจน 100%
การประเมินว่า การช่วยหายใจ
เพียงพอหรือไม่ ประเมินได้จาก
1) การขยายของปอดทั้งสองข้าง โดยดูจากการเคลื่อนไหวของหน้าอกทั้งสองข้าง และฟังเสียงการหายใจ
2) การมีสีผิวที่ดีขึ้น
3) อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
หลังช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100%
นาน 30วินาทีแล้วต้องประเมิน
ว่าทารกมีการหายใจได้เองหรือไม่
ถา้อตัราการเตน้ของหวัใจมากกวา่ 100คร้ัง/นาทีจะค่อยๆ ลดการช่วยหายใจดว้ยแรงดันบวกและหยุดได้
ถ้าทารกหายใจเองไม่เพียงพอหรืออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100คร้ัง/นาที ต้องช่วยหายใจด้วย mask และbag หรือใส่ท่อหลอดลมคอ
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60คร้ัง/นาทีต้องช่วยหายใจและทำ
การนวดหัวใจร่วมด้วยและพิจารณาใส่ท่อหลอดลมคอ
การใส่ท่อหลอดลมคอ มีข้อบ่งชี้ในการใส่
4) เมื่อต้องการนวดหัวใจ
3) เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ กรณีที่มีขี้เทาปนเปื้อนน้ำคร่ำ
2) เมื่อช่วยหายใจด้วย mask และ bag แล้วไม่ได้ผล
1) เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน
5) ทารกมีไส้เลื่อนกระบงัลม หรือน้า หนกั ตวันอ้ยกวา่ 1,000 กรัม
การให้ออกซิเจน
ในทารกที่มีตัวเขียว อัตราการเต้นของหัวใจช้า หรือมีอาการหายใจลำบาก
ให้ออกซิเจน 100% ที่ผ่านความชั้นและอุ่น ผ่านทาง mask
หรือท่อให้ออกซิเจนโดยใช้มือผู้ให้ทำเป็นกระเปาะ
เปิดออกซิเจน 5ลิตร/นาที โดยให้ใกล้จมูกทารกประมาณ 1 นิ้ว
เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของออกซิเจนสูงสุด
การให้ยา (medication)
Epineprine
น้ำเกลือนอร์มอล(NSS) หรือ Ringer’s lactate
Naloxone hydrochroride (Narcan)
การกระตุ้นทารก
(tactile stimulation)
การเช็ดตัวและดูดเมือกจากปากและจมูกสามารถกระตุ้น ทารกให้
หายใจได้อย่างดี
ถ้าทารกยังไม่ร้องหรือหายใจไม่เพียงพอให้ลูบบริเวณหลัง หน้าอก ดีดส้นเท้าทารก ซ่ึงจะได้ผลดีในกรณีที่มี primary apnea
การให้ความอบอุ่น
ภาวะตัวเย็นของทารกจะทำให้ความเป็นกรดในเลือดหายช้ากว่า
ที่ควร จึงต้องป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อนโดยดูแลทารกภายใต้แหล่งให้ความร้อน
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง
(clearing the airway)
กรณีไม่มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
หลังจากศีรษะทารกคลอด ใช้ลูกสูบยางแดงดูดสิ่งคัด
หลั่ง ในปากก่อนแล้วจึงดูดในจมูก จึงช่วยดูดสิ่งคัดหลั่ง
ด้วยวิธีการวางทารกในลกัษณะนอนหงายหรือนอน
ตะแคงให้ศีรษะอยู่ในแนวตรงหรือเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
โดยใช้ผ้าหนาประมาณ 1 นิ้ว หนุนไหล่
ดูดสิ่งคดัหลงั่ ดว้ยสายดูดเสมหะเบอร์8Fต่อกบัลูกสูบยางแดงทารกที่ร้องดังทันทีหลังคลอดมักไม่ต้องการการดูดสิ่งคัดหลั่ง อีกในระยะหลังคลอด
กรณีมีขี้เทาปน
ต้องรีบดูดขี้เทาออกทันทีที่ศีรษะทารกคลอด โดยใช้สายดูดเสมหะเบอร์12F-14F หรือใช้ลูกสูบยางแดง
ถ้าทารกไม่หายใจ ตัวอ่อน หัวใจเต้นช้ากว่า 100ครั้ง/นาทีใส่ endotracheal tube ดูดขี้เทาออกจากคอหอยและหลอดคอให้มากที่สุด
การนวดหัวใจ(Chest compression)
การใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างโดยใชนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดบนกระดูกสันอก ใช้อุ้งมือโอบรอบหน้าอกและนิ้วที่เหลือเป็นตัวรองรับแผ่นหลังทารก
การใชนิ้วมือ2 นิ้วโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือข้างหนึ่ง
กดบนกระดูกสันอกมืออีกข้างหนึ่งจะรองรับแผ่น หลังทารก
การพยาบาล
สังเกตอาการขาดออกซิเจน
บันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจทารกภายหลังคลอด
ดูแลให้ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
เช็ดตัวทารกให้แห้งทันทีหลังคลอดและห่อตัวรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
ดูแลให้ได้รับอาหารและสารน้ำ ตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูดสิ่งคัดหลั่งให้มากที่สุดก่อนคลอดลำตัว
ดูแลความสะอาดของร่างกาย
เตรียมทีมบุคลากร เครื่องมือให้พร้อมก่อนคลอด ในรายที่มารดามีภาวะเสี่ยงหรือมอาการแสดงที่น่าสงสัยว่า จะเกิด asphyxia
ดูแลให้พักผ่อน
10.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก