Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีที่มีโรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
การพยาบาลสตรีที่มีโรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
การวินิจฉัยคัดกรองการติดเชื้อ
การวิเคราะห์ผลการตรวจดังนี้
HBsAg: บอกถึง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
HBeAg: บอกถึง ความสามารถในการแบ่งตัวของไวรัสตับอักเสบบี (Viral replication)
ผลกระทบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์
ในกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะมีโอกาสเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูงได้ และมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดก่อนคลอดเกิดจากรกลอกตัวก่อนกำหนดที่
ผลต่อทารก
ผลต่อทารกที่สำคัญที่สุดคือการติดเชื้อจากมารดาไปสู่ทารก
แนวทางการรรักษา
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาสู่ทารกในระยะหลังคลอด
ด้านมารดาควรรับประทาน Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF)
ด้านการดูแลทารกแรกเกิดโดยการใช้หลัก universal precautionn ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อแต่ผลเลือด มีanti HBV น้อยกว่า 10IU/ml ควรได้รับวัคซีน
Hepatitis B immunoglobulin (HBIG) (400IU)ขนาด ๐.๕ ml. ฉีดเข้ากล้ามทันทีหรือภายใน12 ชั่วโมงหลังคลอด ภายใน 7 วันและให้ซ้ำภายใ 1 เดือนและ 6 เดือน
บทบาทพยาบาลผดุงครรภ์
ระยะตั้งครรภ์
การคัดกรองโดยการซักประวัติ
การส่งตรวจเลือดหา HBsAg
ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวกรณีที่มีการติดเชื้อ
ระยะคลอด
ดูแลทารกแรกเกิดโดยการใช้หลัก universal precaution ในการจับต้องหรืออุ้มทารก
การดูดมูกจากปากและจมูกอย่างรวดเร็ว การทำลายผ้าอ้อม และก่อนฉีดวัคซีนต้องทำความสะอาด
ผิวทารกด้วยน้ำและสบู่และเช็ดช้ำด้วยแอลกอฮอล
ระยะหลังคลอด
ให้คำแนะนำในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ประเมินภาะหัวนมแตกและส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
แนะนำการคุมกำเนิดและการวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม
หัดเยอรมัน (Rubella, German measles)
การวินิจฉัย
การซักประวัติการสัมผัสโรค ตรวจร่างกายว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่
การตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด โดยวิธีELISA
ภาวะแทรกซ้อน
:red_cross: ภาวะทารกพิการแต่กำเนิดจากการติดเชื้อหัดเยอรมัน
(Congenital rubella syndrome:CRS)
การรักษาพยาบาล
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก แพทย์จะแนะนำให้
ยุติการตั้งครรภ์
ในรายที่ไม่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ แพทย์อาจพิจารณาฉีด Immunoglobulin ส่วนใหญ่
รักษาแบบประคับประคอง
ซิฟิลิส (Syphilis)
การวินิจฉัย
การตรวจเลือด การตรวจ VDRL หรือ RPR หรือการเจาะเลือดที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อซิฟิลิสคือ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test)
การส่งตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อวินิจฉัย
ภาวะแทรกซ้อน
:red_cross:
เสี่ยงต่อการแท้งหลังอายุครรภ์ 4 เดือน ทารกตาบอด การคลอดก่อนกำหนด ทารกในครรภ์โตช้า ทารกบวมน้ำ
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ควรอธิบายให้เห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองซิฟิลิสขณะตั้งครรภ์ โดยการตรวจครั้งแรกเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก และตรวจซ้ำอีกครั้งในไตรมาสที่ 3
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
แนะนำการรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ และการป้องกันโรคโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนำให้พาสามีมาตรวจและรักษาด้วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
ให้การปรึกษาและดูแลทางด้านจิตใจ เปิดโอกาสให้ซักถามและระบายความรู้สึก
ระยะคลอด
เน้นการใช้หลัก Universal precaution และป้องกันการติดเชื้อโดยดูดเมือกออกจากปากและจมูกโดยเร็วและเจาะเลือดจากสายสะดือทารกเพื่อส่งตรวจการติดเชื้อซิฟิลิส
ระยะหลังคลอด
สามารถให้นมได้ตามปกติ ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสทารก
โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes simplex infection)
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย สังเกตเห็นตุ่มน้ำใสแตกจะเป็นแผลอักเสบ มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก ขอบแผลกดเจ็บและค่อนข้างแข็ง ลักษณะตกขาว
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเริม
ลดความไม่สุขสบายจากการปวดแสบปวดร้อน ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ 0.9% วันละ 2-3 ครั้ง
เพิ่มภูมิต้านทานโดยการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ
ดูแลการให้ยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา acyclovir, valacyclovir และ famciclovir ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ สามารถให้ได้อย่างปลอดภัย
แนะนำการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
เน้นการใช้หลัก Universal precaution และหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ
หูดหงอนไก่ (Condyloma accuminata and pregnancy)
ผลของโรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศต่อการตั้งครรภ์
laryngeal papilloma
ทารกที่เป็นโรคนี้อาจมีอาการตั้งแต่แรกเกิดจนถึงขวบปีแรกมีความรุนแรงได้ต่างกันตั้งแต่เสียงแหบ
จนถึงการอุดกั้นระบบทางเดินหายใจส่วนบน
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย สังเกตเห็นรอยโรค ึ่งเป็นติ่งเนื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
รอบทวารหนัก ปากช่องคลอด ซึ่งสามารถช่วยประเมินสภาพได้ค่อนข้างแน่ชัด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยทำ pap smear
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับการรักษาตามแผนการรักษา เช่น จี้ด้วย trichloroacetic acid
แนะนำการรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ
.แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์ส่งเสริมสุขภาพตนเองให้แข็งแรง เพื่อให้มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
โรคเอดส์ (Acquired immune defiency syndrome)
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลด
การตรวจคัดกรองโรคเอดส์คือการทดสอบที่เรียกว่า Enzyme–linked Immunosorbent assay (ELISA)
การให้ยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์
กรณีที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสมาก่อน
สูตรแรก TDF + 3TC + EFV โดยแนะนำให้ยาต่อหลังคลอดทุกราย
สูตรที่ 2 AZT + 3TC + LPV/r หรือ TDF + 3TC + LPV/r ในกรณีที่ดื้อยากลุ่ม NNRTIs
หรือจำเป็นต้องหยุดยาหลังคลอด
กรณี่ 2 หญิงตั้งครรภ์ ได้รับยาต้านไวรัสมาก่อนตั้งครรภ์ ไม่ต้องหยุดยา
ควรใช้สูตรยาที่ทำให้ viral load ลดลง จนวัดไม่ได้จะดีที่สุด
หากพบว่า viral load มากกว่า 1000 copies / ml ทั้งที่กินยาสม่ำเสมอนาน 6 เดือน ให้
ส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันท
การให้ยาต้านไวรัสในทารกแรกเกิด
AZT ขนาด 4 mg/kg/dose ทุก 12 ชม. ให้นานต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
การพยาบาล
ระยะการตั้งครรภ์
ให้ความเห็นใจและให้กำลังใจผู้ป่วยและแนะนำการปฏิบัติตัว
ตรวจหาระดับCD4 ถ้าต่ำกว่า 400 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร อาจพิจารณาให้
prophylaxis pneumocystis carinii pneumonia (PCP)
ให้ AZT โดยให้ AZT 300 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์
จนกระทั่งคลอด
ระยะคลอด
หลีกเลี่ยงการทำให้ถุงน้ำแตกหรือรั่วทำคลอดโดยยึดหลัก Universal
precaution
ระยะหลังคลอด
ให้อยู่ในห้องแยก
งดให้นมบุตร
เพราะทารกอาจติดเชื้อจากแม่ทางน้ำนมได้
เน้นให้มาตรวจหลังคลอดตามกำหนด และแนะนำวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เช่น การทำหมัน
การติดเชื้อไวรัสซิกกา (Zika fever)
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ (Bureau of Emerging Infectious Diseases,
2017)
การป้องกัน
ป้องกันยุงกัดและทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุง ยุงลายที่เป็นพาหะมักออกหากินเวลากลางวัน
การรักษา
ยังไม่ยารักษาโรคไข้ซิกาโดยตรง รักษาประคองไปตามอาการ แต่ห้ามรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดการอักเสบ (NSAIDs)
อาการและอาการแสดง
ไข้ซิกามีระยะฟักตัว 2-7 วัน มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ออกผื่นที่ลำตัว และแขนขา ปวดข้อ หายได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่หากมีการติดเชื้อในหญิง
ขณะตั้งครรภ์ทารกที่คลอดออกมาจะมีศีรษะเล็กผิดปกติ