Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด - Coggle Diagram
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด
Cardiac
cells
Myocardial Cells เป็นเซลล์โครงร่างของหัวใจ ถูกกระตุ้นโดยกระแสไฟฟ้าได้
Pacemaker cells เป็น Electrical cells สามารถผลิตไฟฟ้า และส่งต่อไปเซลล์อื่นได้
Characteristics
Automaticity สร้างกระแสไฟฟ้าได้
Excitability ตอบสนองต่อไฟฟ้าที่มากระตุ้นได้
Conductivity เป็นสื่อนำไฟฟ้า ส่งต่อจากเซลหนึ่งไปยังเซลอื่นได้
Contractility ตอบสนองต่อไฟฟ้าที่มากระตุ้นโดยการหดและยืดตัว
action potential
Cardiac action Potential
เกิดจากการไหลเข้าออกของ electrolyte
Na+
K+
Ca+
Depolarization
เป็นสภาวะภายในเซล ที่มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก
เพิ่มมากขึ้นจากการไหลของNa+, Ca++ เข้าเซล
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ECG Waveform
1.ไฟฟ้าวิ่งผ่านเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเกิด Depolarization และ Repolarization
เกิด ECG Waveform ประกอบด้วย P Wave, QRS Complex, T Wave, U Wave
normal ECG
P wave
Atrial deporalization
กว้าง< 0.12 sec (3ช่อง)
Upright ใน I,II,V4-V6, aVF
Invert ใน aVR
QRS complex
ventricular depolarization
กว้าง 0.06-0.12sec
Q ปกติไม่เกิน 1 mm
QRSสูง 10 - 25 mm
T wave
ventricular repolarization
upright ใน lead I,II,V3-V6
invert ใน aVR
PR Interval & ST Segment
PR Interval
เวลาปกติ 0.12-0.20 s
Long PR Interval
0.20 s
เรียก First degree AV block
เป็นการ delay ของไฟฟ้าที่เกิดมาจาก AT ไป VT ช้ากว่าปกติ
สาเหตุจาก Acute Myocardial infarction
ST Segment
เมื่อ QRS complex สิ้นสุดกลับมาที่เส้น isoelectric line เรียก J point
J point จนถึงจุดเริ่มต้น T wave เรียก ST Segment
ECG Interpretation
Rhythm สม่ำเสมอหรือไม่
Heart Rate ปกติ เร็ว หรือ ช้า
มี P Wave หรือไม่ รูปร่างปกติ? และ สัมพันธ์กับQRS ?
PR interval ปกติหรือไม่ (0.12-0.2 วินาที)
QRS complex แคบหรือกว้าง รูปร่างเหมือนกันไหม
ST segment (elevate / depress)
T wave เป็น positive deflect หรือไม่
Cardiac arrhythmias
สาเหตุ
สาเหตุที่หัวใจ
โรคของกล้ามเนื้อหัวใจ
โรคของลิ้นหัวใจ ตีบ รั่ว
หัวใจโต หัวใจล้มเหลว
นอกหัวใจ
ภาวะเสียสมดุลอิเล็คโตรลัยท์
ภาวะ hypoxia หรือ hypercapnia
การกระตุ้น ANS ทั้ง sympathetic และ parasympathetic
ได้รับยาบางชนิด ชา กาแฟ บุหรี่
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
โรคอื่นๆ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ
อาการ
อาการอาจขึ้นกับชนิดของจังหวะหัวใจที่ผิดปกติ
ถ้าหัวใจเต้นเร็วหรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ผู้ป่วยอาจจะมาด้วยอาการใจสั่น
กรณีหัวใจเต้นช้า ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการ เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หรือหมดสติ
บางครั้งผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการเหนื่อย
แนวทางการรักษา
ให้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
การใส่สายสวนหัวใจ เพื่อให้การรักษาโดยการจี้ บริเวณวงจรไฟฟ้าที่ผิดปก กรณีหัวใจที่เต้นเร็ว รัว
การรักษาโดยฝัง เครื่องกระตุ้นหัวใจ กรณีหัวใจเต้นช้า
การฝังเครื่องกระตุกหัวใจ กรณีที่มีจังหวะผิดปกติที่อาจจะทำให้เสียชีวิตได้
หัวใจเต้นผิดจังหวะที่สำคัญ
Sinus bradycardia
ผล
หัวใจปั้มเลือดออกมาเลี้ยงร่างกายน้อยลง
ความดันโลหิตต่ำ
ตัวเย็นชา
เจ็บหน้าอก
วิงเวียน
หมดสติ
ปัสสาวะลดลง
พบ
P wave รูปร่างเหมือน uniform และเป็น upright positive deflection
ระยะเวลาที่เกิดจาก P wave และ R wave เกิดขึ้นสม่ำเสมอ
อัตราการเกิด P wave และ R wave น้อยกว่า 60 ครั้งใน 1 นาที
สาเหตุ
เกิดขึ้นขณะนอนหลับ หรือ ในคนหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง
ผู้ป่วยที่มี myocardial infarction ในส่วน inferior หรือ posterior
Parasympathetic ถูกกระตุ้นเช่น อาเจียน กลั้นหายใจ การเบ่งอุจจาระ
ผู้ป่วยที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ร่างกายขาดออกซิเจน อุณหภูมิร่างกายต่ำ K+สูง หรือ hypothyroid
ได้รับยากลุ่ม calcium channel blocker, beta blocker, digitalis, amiodarone
Sinus Tachycardia
พบ
มี P wave รูปร่างเหมือน uniform และเป็น upright positive deflection ใน lead II
ระยะเวลาที่เกิด P wave ตามด้วย R wave เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ห่างกัน ประมาณ 2.5 ช่องใหญ่ทุกตัว
อัตราการเกิด P wave ตามด้วย R wave คือ 300 หารด้วย 2.5 เท่ากับ 120 = หัวใจเต้น 120 ครั้งต่อนาที
สาเหตุ
การขาดออกซิเจน
มีไข้
ขาดเลือด
ภาวะโลหิตจาง
shock
ความดันโลหิตต่ำ
ได้รับยา
Atrial fibrillation
ภาวะที่จุดกำเนิดมาจากไฟฟ้าที่มาจากห้องหัวใจข้างบนหลายแห่ง
ลักษณะคลื่นไฟฟ้าของหัวใจไม่มี P wave แต่พบ F wave
ลักษณะหยักไปมา ไม่สม่ำเสมอ
QRS complex เป็นปกติ
Atrial rate 350-700 ครั้ง/นาที Ventricular rate ไม่สม่ำเสมอ
สาเหตุ
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคลิ้นหัวใจ
การดื่มสุราจัด
โรคหัวใจอื่นๆ
ได้รับยากระตุ้นหัวใจ
ผล
Cardiac output ลดลง
อาจมีเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
angina pectoris
thrombus formation
อาการทั่วไป ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
อาการหัวใจล้มเหลว เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ
ความทนในการทำกิจกรรมลดลง
Atrial flutter
พบ
ไฟฟ้าเกิดมาจากRt. Atrium และไหลหมุนวนกลับ
เกิด Atrium depolarization มี wave form คล้ายฟันเลื่อย
ไม่มี p wave, แต่เป็น Flutter wave
Atrial rate 250-450 ครั้ง/นาที
จังหวะของ atrium สม่ำเสมอ แต่จังหวะของ ventricle ไม่แน่นอน
ปัญหาเกิด Low cardiac output
Ventricular tachycardia
พบ
จุดกำเนิดอยู่ที่ ventricle
ไม่พบ P wave
QRS กว้าง
Rate 150-250 ครั้ง/นาที
การรักษา
Pulseless VT / VF
defibrillation 100-200 จูล
CPR ต่อเนื่อง
Adrenaline 1 mg IV ทุก 3-5 min
Amiodarone 300 mg IV to 5 min
Pulse VT
Synchronized Cardioversion 100-200 จูล
Amiodarone 150 mg IV bolus over 10 min
Then infusion 1 mg/ min in 6 hrs
ปัญหาทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อ Low Cardiac Output เป็นผลจากการบีบตัวของหัวใจ ไม่มีประสิทธิภาพ
เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นผลมาจากเลือดในหัวใจห้องบนจับตัวกันเป็นลิ่มเลือดนำไปสู่การเกิด Emboli
เสี่ยงต่อการเกิด Cardiac arrest
การแก้ไขภาวะ low cardiac output
V = Volume ทำให้ผู้ป่วยมี volume เพียงพอ โดยให้ IV fluid/blood
H = Heart แก้ไขให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติที่สุด โดยการใช้ยากลุ่ม anti-arrhythmia ทำ cardioversion
R = Rate แก้ไขอัตราการเต้นของหัวใจ (60-120) โดยให้ยา digitalis, beta-blocker,
S = Stroke ช่วยทำให้หัวใจบีบเลือดออกดีขึ้น โดย
ใช้ยาขยายหลอดเลือด เพื่อลด Systemic Vascular Resistance
ใช้ยากลุ่ม Inotropics เพื่อเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
Coronary Artery Disease
หลอดเลือดของหัวใจ
RCA นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจห้องบนขวา ส่วนฐานล่างและ กล้ามเนื้อหัวใจห้องขวาล่าง ด้านหลังของห้องซ้ายล่าง
LAD นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างหน้า, 2/3ของ septal wall, และ Bundle of HIS & Bundle branched
LCX นำเลือดไปเลี้ยง กล้ามเนื้อหัวใจห้องบนซ้าย กล้ามเนื้อส่วนข้างซ้ายและ ข้างหลังของหัวใจห้องซ้ายล่าง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
อายุ
เพศ
ประวัติครอบครัว
กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุด
อายุ> 70 ปี 50.31 %
อายุ 60-69 ปี 26.46 %
อายุ40-49 ปี 5.61 %
อายุ 50-59 ปี 15.89 %
ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้
ความดันโลหิตสูง
Cholesterolสูง
ไขมัน HDLต่ำ
พฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ
พฤติกรรมสูบบุหรี่
โรคประจำตัว
มีภาวะแทรกซ้อน
กลุ่มอาการโรคหลอดเลือดหัวใจ
กลุ่มอาการเจ็บหน้าอกคงที่
กลุ่มอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
อาการนำที่พบบ่อย
เจ็บเค้นอก
ใจสั่น
เหงื่อออก
เหนื่อยขณะออกแรง
เป็นลม หมดสติ หรือ เสียชีวิตเฉียบพลัน
กลุ่มอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ST-Elevation
เกิดการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน
พบ ST segment elevate อย่างน้อย 2 leads ต่อเนื่องกัน หรือเกิด LBBB ขึ้นมาใหม่
หากไม่ได้รับการเปิดเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิด Acute ST elevation myocardial infarction
Non-ST Elevation
ถ้าอาการไม่รุนแรง อาจมีภาวะ Unstable angina
คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็น ST depression
หากมีอาการนาน> 30 นาที จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจ ตายเฉียบพลันชนิด
การวินิจฉัย
การซักประวัติอาการเจ็บหน้าอก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจ cardiac markers
การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนของหัวใจ
แนวทางการรักษา
เป้าหมาย
เปิดหลอดเลือดที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายภายใน 6 ชั่วโมง
กลุ่ม NSTEMI และ unstable angina
ควรให้ยาต้านเกร็ดเลือด 2 ชนิด ร่วมกัน เช่น ให้aspirin ร่วมกับ clopidogrel
ให้ยาlow molecular weight heparin เป็นเวลา 3-5 วัน ร่วมกับยา
กลุ่ม nitrates, beta-blockers เพื่อบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
พิจารณาให้ยากลุ่ม narcotics หรือ analgesics ในรายจำเป็นตามข้อบ่งชี้
ติดตามอาการเปลี่ยนแปลง และคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นระยะ
กลุ่ม STEMI
ควรรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านเกล็ดเลือดทุกราย
พิจารณาเปิดเส้นเลือดหัวใจที่อุดตันอย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีให้ยาละลายลิ่ม
ยาละลายลิ่มเลือด มี 2 กลุ่ม คือกลุ่ม fibrin non-specific agents และ กลุ่ม fibrin specific agents
ข้อบ่งชี้การให้ยาละลายลิ่มเลือด คือผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลันชนิด ST-segment elevation เป็นภายในเวลา 12 ชั่วโมง
ควรพิจารณาให้การรักษาด้วยยา heparin และ ยาบรรเทา อาการเจ็บเค้นอกตามข้อบ่งชี้เป็นรายๆ
การใช้ยาละลายลิ่มเลือด
มีประวัติ hemorrhagic stroke
มีประวัติ nonhemorrhagic stroke ใน 1 ปีที่ผ่านมา
ตรวจพบเลือดออกในอวัยวะภายใน เช่น ทางเดินอาหาร
ได้รับบาดเจ็บรุนแรง / เคยผ่าตัดใหญ่ภายในเวลา 4 สัปดาห์
สงสัยว่าอาจมีหลอดเลือดแดงใหญ่แทรกเซาะ
BP > 180/110 mmHg ที่ไม่สามารถควบคุมได้
มีภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติหรือได้รับยากลุ่ม warfarin (INR > 2)
ได้รับการกู้ชีพ (CPR) นานเกิน 10 นาที
ตั้งครรภ์
ข้อควรระวัง ห้ามให้ยา streptokinase ซ้ำ ในผู้ป่วยที่เคยได้รับยา streptokinase มาก่อน
การเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด
สังเกตอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาการเหนื่อยของผู้ป่วย และอาการอื่นๆ
ติด Monitorเพื่อติดตามสัญญาณชีพและ EKG อย่างใกล้ชิด หลังผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือด
ติดตาม EKG 12 lead ทุก 30 นาทีเพื่อประเมินการเปิดของหลอดเลือดหัวใจ
ควรส่งต่อผู้ป่วยเพื่อทำการขยายหลอดเลือดหัวใจในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมโดยเร็วที่สุด หากอาการเจ็บหน้าอกไม่ดีขึ้น
ปัญหาทางการพยาบาลโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เจ็บแน่นหน้าอก เนื่องจากปริมาณเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
ปริมาตรเลือดที่หัวใจส่งออกต่อนาทีลดลง เนื่องจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
อาจเกิดภาวะ Cardiogenic shock จากปริมาตรการไหลเวียนลดลง
มีโอกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนเนื่องจากได้รับยาละลายลิ่มเลือด
เกิดความวิตกกังวล ต่ออาการและการดำเนินของโรคซึ่งคุกคามต่อชีวิต