Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการพยาบาลอนามัย :red_flag: :star: - Coggle Diagram
กระบวนการพยาบาลอนามัย
:red_flag: :star:
2. ขั้นการวินิจฉัยชุมชน (Community Diagnosis)
การจัดลำดับของปัญหา (Priority Setting)
ความรุนแรง (Severity of Problem)
1 = มีภาวะเสี่ยง เจ็บป่วยเล็กน้อยรักษาหาย (0-25)
2 = เจ็บป่วยเรื้อรัง สูญเสียเงินรักษามาก ก่อให้เกิดการระบาด/ติดต่อ (25-50)
3 = เกิดความพิการ/ทุพพลภาพ (50-75)
4 = ตาย (75-100)
ใช้อัตราการตาย, 5Ds, ต้องพิจารณาจากข้อมูลสนับสนุน
เช่น
ชุมชน ก. มีปชช.ป่วยด้วยไข้เลือดออกและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ให้คะแนน 4
ชุมชน ข. มีปชช.ป่วยด้วยไข้เลือดออกและมีการระบาดมากกว่าทุกปี แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ให้คะแนน 3
ชุมชน ก. มีปชช.ป่วยด้วยไข้เลือดออก แต่สามารถควบคุมได้ ไม่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ให้คะแนน 2
ต้องดูโรคด้วยมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน โรคเดียวกันอาจให้คะแนนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นข้อมูลสนับสนุน ณ ตอนนั้น
ความยากง่าย (Ease of Management of Susceptibility)
1 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ยากมากๆ
2 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ยาก
3 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ง่าย
4 = ปัญหานั้นแก้ไขได้ง่ายมากๆ
วิเคราะห์ตามงบประมาณ
4M :Man, Money, Material, and Management, Moral , Rule, time
ขนาดของปัญหา (Size of Problem)
1 คะแนน = ขนาดของปัญหามากกว่าร้อยละ 0-25
2 คะแนน = ขนาดของปัญหามากกว่า 25-50
3 คะแนน = ขนาดของปัญหามากกว่า 50-75
4 คะแนน = ขนาดของปัญหามากกว่า 75-100
ดูจำนวน อัตรา ร้อยละ ฯลฯ
ความวิตกกังวล/ความสนใจของชุมชน (Community concern)
1 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา 0 - 25/สนใจน้อย
2 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 25 - 50/สนใจปานกลาง
3 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 50 - 75/สนใจมาก
4 = จำนวนประชาชนที่มีความกังวลต่อปัญหา มากกว่า 75 -100/สนใจมากที่สุด
ต้องเลือกและจัดลำดับของปัญหา เพื่อเลือกปัญหาที่มีความสำคัญมากที่สุด มาจัดกิจกรรมโครงการแก้ไขปัญหาก่อนเป็นลำดับแรก
การระบุสาเหตุ และทำโยงใยสาเหตุปัญหา
(Identify Cause of Problem and Web of Causation)
ชนิดของสาเหตุ (Type of Causation)
ทางตรง
ทางอ้อม
ชนิดของโยงใยสาเหตุของปัญหา
(Type of web of causation)
ทางทฤษฎี (Theoretical Web of causation)
ที่เกิดขึ้นจริง (Causal Web of causation)
การระบุปัญหา (Problem Identification)
กระบวนการกลุ่ม (Nominal Group Process)
ประชาชนในชุมชนมีปัญหาเรื่องการไม่ปฏิบัติตัวเพื่อป้องกัน COVID 19 อย่างเคร่งครัด
เช่น การใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม
5D
1.การเสียชีวิต (Dead)
2.ความพิการ (Disability)
3.การป่วยเป็นโรค (Disease)
4.ความไม่สุขสบาย (Discomfort)
5.ความไม่พึงพอใจ (Dissatisfaction)
ประชาชนป่วยโรคพยาธิใบไม้ในตับ 27ต่อพันประชากร
ใช้เกณฑ์ ตัวชี้วัดด้านสุขภาพ (Health Indicator)
เช่น ตัวชี้วัดการดำเนินงานด้าน
สุขภาพของกระทรวงของจังหวัด เกณฑ์จปฐ.
ประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองโรค DM HT ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
ค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย (House Index) ไม่เกินร้อยละ 10
หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปไม่ได้รับการตรวจเต้านมร้อยละ 53
ประชาชนป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกอัตรา 22.5 ต่อพันประชากร
2.25 ต่อร้อยประชากร
22.5 ต่อพันประชากร
225 ต่อหมื่นประชากร
1. ขั้นการประเมินภาวะสุขภาพชุมชน
(Community Assessment)
การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
ข้อมูลเชิงปริมาณ
Inferential Stat
T-Test สถิติอ้างอิง, Chi-Square etc.
Descriptive Stat
ข้อมูลทั่วไปส่วนบุคคล
อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ รายได้: ร้อยละ (Percentage), ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
ข้อมูลด้านสุขภาพ
อัตราเกิด อัตราตาย อัตราความชุก อัตราอุบัติการณ์
ข้อมูลเชิงคุณภาพ
การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)
เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลได้แล้ว ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ของข้อมูล, จัดประเภทข้อมูล, การแจกแจงข้อมูล การใช้การแจงนับ (tally)หรือจะใช้การวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์, รวมจำนวนการแจงนับ(tally)ออกมาเป็นตัวเลขจำนวนเต็ม แล้วนำมาคำนวณเป็นค่าร้อยละหรือค่าสถิติชีพ
การนำเสนอข้อมูล (Data Presentation)
แผนภูมิกงที่ 1 ร้อยละของประชากรจำแนกตามสิทธิ์ประกันสุขภาพ
การนำเสนอ
ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเป็นร้อยละ
ข้อมูลไม่ต่อเนื่อง
ข้อมูลรวมกันเป็น 100 %
วัตถุประสงค์
1.เพื่อต้องการเปรียบเทียบ
*ต้องเรียงจากมากไปน้อย จาก 12.00 น. เวียนมาทางขวา
ตารางที่ 1 จำนวน และร้อยละของประชากรจำแนกตามเพศ
*ตัวแปรต้องไม่มาก
แผนภูมิแท่งที่ 1 ร้อยละของประชากรมีภาวะอ้วนจำแนกตามภาวะสุขภาพจิต
*ภายหลังวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ให้เรียงลำดับมากน้อยของข้อมูล ซึ่งเวลานำเสนอจะได้ง่ายต่อความเข้าใจ
แผนภาพที่ 1 อัตราอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งจำแนกตามชนิดระหว่างปี 1982 -2012
เพื่อต้องการแสดงให้เห็นแนวโน้มของข้อมูล
ถ้าจะให้ดีควรเก็บข้อมูลตั้งแต่ 5 เวลาเป็นต้นไป เก็บเป็นไตรมาสรายเดือน รายปี ก็ได้
แผนภูมิแท่งที่ 2 ร้อยละของประชากรจำแนกตามช่วงอายุ และพฤติกรรมการดื่มสุรา
*นอกจากสามารถเปรียบเทียบข้อมูลกลุ่มอายุระหว่างแท่งได้แล้ว ภายในแท่งเดียวกันก็สามารถเปรียบเทียบการดื่มสุราของกลุ่มที่มีอายุเดียวกันได้ด้วย
พีรามิดประชากร
หลักการ : ถูกต้อง กระชับ น่าสนใจ เข้าใจง่าย
แบ่งเป็น
โดยปราศจากแบบแผน
บทความ
เช่น การบรรยายว่าตำบล....มีพื้นที่ทั้งหมด ฯ
บทความกึ่งตาราง
เช่น ทิศเหนือจดตำบล.....
ทิศใต้จดตำบล........
มันก็จะมีทิศกับอาณาเขต เหมือนเราเอาตารางไปใส่คลอบ
โดยมีแบบแผน
กราฟ
เส้น
ทำให้เห็นแนวโน้มของการเกิดโรคทุกช่วงเวลา ช่วยให้เราทำนายสถานการณ์ที่จะเกิดข้างหน้าได้
ฮีสโตรแกรม
คือกราฟแท่งที่วางติดกัน
รูปหลายเหลี่ยมแห่งความถี่
คือจุดกึ่งกลางของแต่ละแท่งลากมาหากัน
แผนภูมิ
แผนภูมิแท่ง
เชิงเดี่ยว
ซับซ้อน
เชิงประกอบ
แรเงาซ้อนเหลื่อมกัน
กงหรือวงกลม
ภาพ
ทางภูมิศาสตร์
แบบจุด
แบบเข็มหมุด
แบบแรเงาหรือระบายสี
เพื่อจุดประสงค์พิเศษ
การไหลเวียน
องค์การ
ตาราง
ลักษณะเดียว(ตารางทางเดียว)
เช่น เพศหญิง/ชาย ร้อยละ
ลักษณะ(ตารางสองทาง)
เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง มีเพศหญิง/ชายเท่าไหร่
ซับซ้อน
ข้อมูลมีเยอะมาก ตัวแปรเยอะ
การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
Type of data
ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data)
ข้อมูลที่ไม่ได้เก็บไว้อยู่ก่อนแล้ว เป็นข้อมูลที่ผู้ต้องการใช้ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง
ข้อดี : ได้ข้อมูลครบตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ทันสมัย
ข้อเสีย : เสียเวลา งบประมาณ
ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data)
มีผู้เก็บข้อมูลไว้อยู่ก่อนแล้ว อาจถูกเก็บในรูปแบบของรายงาน, family folder, หรือในฐานข้อมูล
ข้อดี : ไม่สิ้นเปลือง กำลังคน หรือค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย : อาจไม่ได้ข้อมูลครบตามที่ต้องการ ไม่ทันสมัย
เช่น ข้อมูลทั่วไปของชุมชน ข้อมูลประชากร ข้อมูลด้านสุขภาพ ด้านพฤติกรรมสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม การบริการสุขภาพ
เครื่องมือ/ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล (Methods/Tools)
การวัดและประเมิน(Measurement): BP, blood sugar, waist circumference, BMI, ADL
การทดสอบ (Test): Timed up and go test, Child development
การสัมภาษณ์/สัมภาษณ์เชิงลึก : อยากทราบว่าทำไมผู้ป่วยเบาหวานถึงคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
การสนทนากลุ่ม : ต้องใช้ทักษะค่อนข้างสูง เช่นการตั้งคำถาม การรับฟังคำตอบ และการเชื่อมโยงเนื้อหา ตลอดจนจบการสนทนา
การบันทึกข้อมูล
การสังเกต (Observation): พฤติกรรมสุขภาพ สิ่งแวดล้อม
การสำรวจ (Survey): สำมะโนประชากร
การใช้แบบสอบถาม (Questionnaire): การรับประทานอาหาร การป้องกันตัวไม่ให้ติด COVID 19
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
ประชากรทั้งหมด (Census)
การสุ่มตัวอย่าง (Random Sampling)
จปฐ.กำหนดไว้ว่าครัวเรือนที่มีชีวิตพออยู่ได้ ไม่ลำบากจนเกินไปนั้นต้องมีรายได้ต่อหัวไม่น้อยกว่า 30,000 บาท/คน/ปี (อย่างน้อยคนละ 2,500 บาท/เดือน)
3. การวางแผนแก้ไขปัญหา (Planning)
การเขียนโครงการ
ระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ
ต้องระบุตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จสิ้นโครงการนิยมระบุ วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มต้นและเสร็จสิ้น
การประเมินผล
บอกแนวทางการติดตามประเมินผลควรทำอย่างไร ในระยะเวลาใด และใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยระบุวิธีการ และเกณฑ์ที่ใช้ในการวัด
เช่น
การสังเกตุ, การสำรวจ, การใช้แบบสอบถาม, การทดสอบ, การสัมภาษณ์
วิธีดำเนินการ หรือกิจกรรม หรือขั้นตอนการดำเนินงาน
โดยกำหนดกิจกรรมอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ระบุใคร ทำอะไร มีปฏิทินปฏิบัติงานควบคุมกำกับชัดเจน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ/ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินงานโดยตรงและโดยอ้อมที่อยู่นอกความคาดหมายไปจากวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
เป็นผลพลอยได้ของโครงการ ห้ามเหมือนกับวัตถุประสงค์
3.วัตถุประสงค์
เขียนให้ชัดเจน, เป็นไปได้, วัดได้, ระบุสิ่งที่ต้องการ, เป็นเหตุเป็นผล, เวลา เพียง 1-3 ข้อ
เช่น
ประชาชนมีความรู้เรื่องโรคความดันโลหิตสูง
หญิงวัยเจริญพันธ์ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
ผู้รับผิดชอบโครงการ
เช่น
ผู้เขียนโครงการ, ผู้เสนอโครงการ, ผู้เห็นชอบโครงการ, ผู้อนุมัติโครงการ
แต่ที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้เขียนโครงการ, ผู้อนุมัติโครงการ ที่เหลือจะมีก็ได้ไม่มีก็ได้
เป้าหมาย
การกำหนดทิศทางและความต้องการที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์
โดยต้องประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ กลุ่มเป้าหมาย,ร้อยละ,ทำอะไร, ระยะเวลา
เช่น
ประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ร้อยละ 60 มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ในระดับดีขึ้นไป ภายใน 2 สัปดาห์
หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปร้อยละ 70 ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ภายใน 6เดือน
หลักการและเหตุผล
ทำแล้วได้อะไร ถ้าไม่ทำจะเกิดผลเสียอย่างไร ให้สะท้อนความจำเป็นของการจัดทำโครงการ แสดงสถิติข้อมูลและเหตุผลรองรับที่มีน้ำหนักสมเหตุสมผล เพื่อให้ผู้บริหารเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการ
ย่อหน้าแรก : หาสถิติ ระดับโลก ประเทศ
ย่อหน้า 2 : สาเหตุ
ย่อหน้า 3 : แสดงให้เห็นความสำคัญของการทำโครงการ
ชื่อโครงการ
ต้องชัดเจน เหมาะสม และเฉพาะเจาะจง เข้าใจได้ง่ายโดยต้องบ่งบอกว่าจะทำสิ่งใดบ้าง ทำเพื่ออะไร โดยชื่อโครงการทั่วไปนั้นจะต้องแสดงถึงลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติ
เช่น
โครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน
โครงการสร้างความรู้ ต้านอุจจาระร่วงแก่ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน ต.สุขใจ อ.สุขจริง จ.สุขโข
งบประมาณ
เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ
ระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายจำแนกตามหมวดหมู่
เช่น
ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ ครุภัณฑ์ค่าเชื้อเพลิง
Gantt chart
การประเมินผลโครงการ
ความพอเพียง (Sufficiency)
การประเมินว่าโครงการตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้ในระดับใด พอเพียงที่จะแก้ปัญหาที่มีอยู่หรือไม่
ความเหมาะสม (Appropriateness)
ประเมินเพื่อดูว่าการจัดบริการสอดคล้องกับความต้องการของผู้รับบริการหรือไม่ เพียงใด เหมาะสมกับพื้นที่ และเหมาะสมกับเวลาหรือไม่
ประสิทธิภาพ (Efficiency)
การประเมินว่าผลงานที่ได้ออกมาสิ้นเปลืองงบประมาณหรือทรัพยากรเพียงใด
ยิ่งผลลัพธ์มาก ต้นทุนต่ำ ยิ่งมีประสิทธิภาพมาก
เช่น
ถ้าต้องการ 75 คน แต่มา 85 คน และใช้งบประมาณเท่าเดิม แสดงว่ามีประสิทธิภาพ 100 %
ความเสมอภาค (Equality)
ประเมินเพื่อดูว่าใครบ้างมีโอกาส หรือไม่มีโอกาสได้รับผลลัพธ์โครงการ ดูความเท่าเทียมที่ผู้รับพึงได้รับบริการสาธารณะ ตามสิทธิอันพึงมีพึงได้
1.ประสิทธิผล (Effectiveness)
การประเมินผลลัพธ์หรือผลงานในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายมากน้อยเพียงใด
เช่น
*เป้าหมาย หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ร้อยละ 50 ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
(สมมติว่ามีหญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปทั้งหมู่บ้าน150 คนมีผู้มารับการตรวจคัดกรองเพียง 50 คน)
วิธีคิด
หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป 100 คนต้องการให้มาตรวจ 50 คน
ถ้าหญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปมี 150 คน ต้องการให้มาตรวจ 50x150/100 คน
ดังนั้น หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปต้องมาตรวจ 75 คน
ถ้าหญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มาตรวจ 75 คน จะได้ประสิทธิผล 100%
แต่หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มาตรวจคัดกรอง 50 คน 100*50/75
ดังนั้นมีประสิทธิผล 66.66 %
การวางแผน
ลักษณะแผนที่ดี
ชัดเจน, สมบูรณ์, แม่นตรง, ครอบคลุม, ยืดหยุ่น, เป็นพิธีการ, ง่ายในการปฏิบัติ, ง่ายในการควบคุม, ประหยัด
ประเภทแบ่งเป็น
ระดับสูง
แผนมโนมติ/แผนนโยบาย/แผนยุทธศาสตร์หรือแผนกลยุทธ์
ระดับปฏิบัติการหรือแผนปฏิบัติการ
แผนงาน (Program) โครงการ (Project) งาน (Task) และกิจกรรม (Activity)
คือ
การตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร ทำเมื่อใด และใครเป็นผู้ทำ การใช้ความรู้ทางวิชาการและวิจารณญาณวินิจฉัยเหตุการณ์ในอนาคตและกำหนดวิธีการโดยถูกต้องและมีเหตุผล เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนและเรียบร้อยมีประสิทธิภาพที่สุด