Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะติดเชื้อหลังคลอด (Puerperal Infection) - Coggle Diagram
ภาวะติดเชื้อหลังคลอด (Puerperal Infection)
หมายถึง การติดเชื้อแบคทีเรียภายหลังคลอดที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะหลังคลอดไปจนถึงระยะ 6 สัปดาห์หลังคลอด
ระบบอวัยวะสืบพันธุ์
การติดเชื้อบริเวณฝีเย็บ (Localizied infection)
การติดเชื้อบริเวณแผลฝีเย็บหรือบริเวณที่มีการฉีกขาดของฝีเย็บ
ช่องคลอดหรืออวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ซึ่งเป็นการติดเชื้อเฉพาะที่ :warning: ที่พบบ่อยที่สุด
สาเหตุ
เกิดจากการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ขณะคลอด
การวินิจฉัย
พบว่า จะมีไข้หลังวันที่ 2 ของการคลอด เจ็บแผลฝีเย็บมาก แผลมีการอักเสบ บวมแดง บางครั้งเป็นฝีหนอง
แผลจะแยกออกจากกัน อาจมีอาการปัสสาวะลำบาก และปัสสาวะไม่ออกได้
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะ
และเปิดแผลให้กว้างขึ้นเพื่อให้ฝีหนองไหลออกได้สะดวก
การให้ยาแก้ปวด
ให้การรักษาเหมือนแผลที่ติดเชื้อทั่วไป
ใส่สายสวนปัสสาวะในกรณีที่ปัสสาวะลำบาก
ในรายที่แผลฝีเย็บแยก จะทำการเย็บซ่อมแซมได้
การพยาบาล
1.1 ติดตามประเมินแผลฝีเย็บทุกวัน โดยให้หญิงหลังคลอดนอนตะแคง ดึงแก้มก้นขึ้นไป
ตรวจดูอาการแดง บวม จำนวนและชนิดของสิ่งที่ซึมจากแผล ประเมินความเจ็บปวด
แม้สัมผัสบริเวณแผลเบา ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดมาก
1.2 ดูแลทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก โดยยึดเทคนิคปราศจากเชื้อ
1.3 เมื่อแผลติดดีขึ้น ความเจ็บปวดน้อยลง ให้นั่งแช่ก้นวันละ 2 - 3 ครั้ง
หลังการแช่ก้นแล้วให้อบไฟ จะช่วยให้แผลหายเร็ว รู้สึกสบายขึ้น
1.4 ดูแลให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
1.5 กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงแผลได้ดีขึ้น
1.6 แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เมื่อชุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปื้อนหนองที่ไหลออกมา
ทั้งสอนการใส่และถอดผ้าอนามัยที่ถูกต้อง และการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกด้วยตนเอง
1.7 ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการไข้
1.8 ให้กำลังใจ อธิบายถึงพยาธิสภาพของการติดเชื้อบริเวณฝีเย็บ การรักษา และการปฏิบัติตน
การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometritis , Metritis)
เป็นการอักเสบติดเชื้อของเยื่อบุโพรงมดลูกชั้น endometrium มักเริ่มจากบริเวณที่ฝังตัวของรกแล้วลามไปยังเยื่อบุโพรงมดลูกที่อื่น ทำให้มีการเกิดเนื้อเยื่อที่เน่าเปื่อยและมี discharge จากช่องคลอด :warning: มีกลิ่นเหม็นอาจมีเลือดออกทางช่องคลอด หลังจากรกคลอดแล้ว ตำแหน่งที่รกเกาะจะเป็นเนื้อสีแดงจัดนูนสูงกว่าเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดที่อุดตันด้วยก้อนเลือด (thrombi) เป็นตำแหน่งที่เหมาะต่อการเติบโตฟักตัวของเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลผ่าตัดคลอดที่มดลูก
สาเหตุ
การตรวจภายใน
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์จริง
การเจ็บครรภ์คลอดที่ยาวนาน
การผ่าตัดที่มดลูก
การตรวจ Internal electrical monitoring
การวินิจฉัย
จากอาการและอาการแสดง
:<3: มีไข้สูง อุณหภูมิมากกว่า 38.3 องศาเซลเซียส (101 องศาฟาเรนไฮท์)
การที่มีไข้หนาวสั่นมักพบร่วมกับภาวะ bacteremia และชีพจรเต้นเร็ว ขึ้นอยู่กับขอบเขตของการติดเชื้ออาจมากกว่า 160 ครั้ง / นาที
ปวดท้องน้อย น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
แต่ถ้าเกิดจากเชื้อ B-hemolytic streptococci น้ำคาวปลาอาจน้อยและไม่มีกลิ่น
จากการตรวจร่างกาย
จะตรวจพบ :<3: ระดับยอดมดลูกโตกว่าที่ควรจะเป็น กดเจ็บที่มดลูกหรือปีกมดลูกทั้งสองข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่ง
เมื่อตรวจทางช่องคลอด และเจ็บที่ข้างคอมดลูก
หรือเป็น parametritis เมื่อตรวจทางทวารหนัก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เพาะเชื้อจากบริเวณที่ติดเชื้อ
การเจาะเลือด :warning: leukocytosis ตั้งแต่ 15,000 - 30,000 cell :warning: ค่า neutrophils สูงขึ้น
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะ
ควรคำนึงถึง :check: ชนิดของยาต้องเลือกให้ตรงกับเชื้อ และ
:check: ขนาดของยาซึ่งอาจต้องเพิ่ม
:<3: penicillin ร่วมกับ aminoglycoside
:<3: penicillin กับ tetracycine หรือ
:<3: penicillin กับ cepharosporin
การพยาบาล
2.1 แนะนำและดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาเน้นการรับประทานยาให้ครบถ้วน และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเป็นได้
2.2 ดูแลให้นอนพักผ่อนมากที่สุด
2.3 แนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธุ์ และงดสวนล้างช่องคลอด
2.4 ดูแลให้รับประทานอาหารให้เพียงพอ และมีคุณภาพ
2.5 จัดให้นอนท่า fow ler’s ช่วยให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก ป้องกันการขังของน้ำคาวปลาที่มีเชื้อ
2.6 ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับ oxytocin
2.7 ถ้ามีอาการปวดมดลูกรุนแรง หรือไม่สุขสบายจากการปวดท้อง ให้ยาแก้ปวด
2.8 ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ อาจต้องแยกหญิงหลังคลอด
2.9 แนะน าการท าความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
การอักเสบของเยื่อบุในอุ้งเชิงกราน (Parametritis , Pelvic cellulitis)
เป็นการอักเสบติดเชื้อที่ :warning: เกิดจากการแพร่กระจายของการติดเชื้อที่ช่องคลอดหรือปากมดลูกมาทางต่อมน้ำเหลือง ไปยัง parametrium หรือ
:warning: มีการลุกลามโดยตรงของการติดเชื้อบริเวณปากมดลูกที่ฉีกขาดจนถึงฐานของ broad ligament มายัง parametrium และ
:warning: เป็นการติดเชื้อที่แพร่กระจายออกมาจาก pelvicthrombophlebitis
สาเหตุ
การติดเชื้อที่ช่องคลอด หรือปากมดลูก มีความรุนแรง
หรือเป็นอยู่นานโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา
การวินิจฉัย
พบมีไข้สูง 38.9 - 40 องศาเซลเซียส (102 - 104 องศาฟาเรนไฮท์)
หนาวสั่น มักเป็นเกิน 7 วันขึ้นไป กดเจ็บที่ท้องน้อย อาจเป็นด้านใดด้านหนึ่ง
ตรวจภายในพบมดลูกโต และเคลื่อนไหวได้น้อย
การตรวจทางช่องคลอดร่วมกับการตรวจ ทางทวารหนัก (rectovaginal exame) พบ parametrium ตึง หนา และกดเจ็บ หากเป็นมากอาจพบ ฝีหนองที่เหนือ poupart’s ligament และที่ culde sac ได้
หายใจเร็วตื้น กระหายน้ำอย่างรุนแรง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดโดยให้พวก broad - spectrum antibiotic
เลือกให้เมื่อผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ชี้ชัดว่าติดเชื้อตัวใด
การพยาบาล
3.1 ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
3.2 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาการอย่างใกล้ชิดได้แก่ คลำหน้าท้องเพื่อดูอาการกดเจ็บ
ดูผ้าอนามัยและบริเวณฝีเย็บ สี กลิ่น และอาการบวมเลือด สัญญาณชีพ
3.3 จัดท่าให้นอน Semi - fowler
3.4 ดูแลให้ได้รับน้ำ ประมาณวันละ 3,000 - 4,000 มิลลิลิตร
3.5 ให้กำลังใจ พูดคุยเปิดโอกาสให้ซักถาม และอธิบายถึงพยาธิสภาพของโรคอาการแสดงและการรักษาพยาบาลอย่างคร่าว ๆ
3.6 แนะนำการปฏิบัติตัว ขณะอยู่โรงพยาบาลและเมื่อกลับบ้าน
การอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง (Peritonitis)
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบได้น้อย
สาเหตุ
มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก
แผลผ่าตัดในมดลูกแยก หรือเนื้อเน่าเปื่อย
การอักเสบของเยื่อบุในอุ้งเชิงกราน
ฝีที่ท่อนำไข่และรังไข่แตก
การวินิจฉัย
มีอาการท้องอืด กดเจ็บผนังหน้าท้อง หน้าท้องโป่งตึง ปวดท้องท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน
:<3: มีไข้สูง อุณหภูมิ 39 - 40.5 องศาเซลเซียส ( 102.2 - 104.9 องศาฟาเรนไฮท์ ) ชีพจร 160 ครั้ง/นาที
ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว อันตรายจะเพิ่มมากขึ้น ถ้าพบมีฝีหนองร่วมด้วยที่ cul de sac,subdiaphragmatic space
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพาะเชื้อจากเลือดในกรณีที่มีไข้สูง พบเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด
การพยาบาล
4.1 ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพ เพื่อประเมินภาวะการติดเชื้อ
4.2 ให้นอนท่า semi-fowler เพื่อให้หน้าท้องหย่อนและให้หนองมารวมอยู่ใน cul-de-sac
4.3 ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวินะ และสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา
4.4 ประเมินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ ถ้ามีท้องอืดควรรายงานแพทย์
4.5 ดูแลให้ยาแก้ปวด ตามแผนการรักษา
4.6 แนะนำและระมัดระวังเทคนิคปราศจากเชื้อ ล้างมือให้สะอาด
4.7 ให้การพยาบาลตามอาการ แนะนำการปฏิบัติตัวขณะอยู่โรงพยาบาลและกลับบ้าน
สาเหตุส่งเสริม
ปัจจัยเสี่ยงทั่วไป
1.1 ภาวะซีด (Anemia)
1.2 ภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดสารอาหาร
1.3 การไม่ได้ฝากครรภ์ ทำให้ไม่ได้รับคำปรึกษาแนะนำการดูแลตนเองระหว่างตั้งครรภ์
1.4 เศรษฐฐานะต่ำ เป็นองค์ประกอบที่จะนำไปสู่ปัจจัยส่งเสริมการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น ภาวะทุพโภชนาการ การไม่ได้ดูแลสุขภาพตนเอง สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
1.5 การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้ามีถุงน้ำคร่ำแตกระหว่าง การมีเพศสัมพันธ์หรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ จะพบอัตราการติดเชื้อสูงขึ้น
1.6 มีการอักเสบของมดลูก และปากมดลูกมาก่อน
1.7 ประวัติเป็นโรคเบาหวาน
ปัจจัยที่เกี่ยวกับการคลอด
2.1 ถุงน้ำคร่ำแตกเนิ่นนาน (prolonged rupture of membranes)
2.2 จำนวนครั้งของการตรวจภายใน
2.3 การทำหัตถการ , intrauterine fetal monitoring ในมารดาที่มีครรภ์เสี่ยงสูง
2.4 ระยะเวลาของการคลอดที่ยาวนาน
2.5 วิธีการคลอด การคลอดทางช่องคลอด จะมีการติดเชื้อของมดลูกหลังคลอดน้อยกว่าC/S
2.6 การมีบาดแผลฉีกขาดของช่องทางคลอดจากการคลอดปกติ
หรือใช้เครื่องมือ ช่วยคลอด
2.7 การล้วงรก
2.8 การมีเศษรกและเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูก