Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด, อ้างอิง : วิภารัตน์ ยมดิษฐ์…

- - - - อาจทำภายใน 48 ชม. หลังคลอด
      - หรือ รอตอนเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 8 - 12 สัปดาห์
      - กฎเกิน 10
        
        เด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป
        
        น้ำหนักตัว10 ปอนด์
        
        ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
    - - ขั้นตอนแรกแพทย์จะปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อใส่เพดานเทียม
      - ผ่าตัดเพดาน เพื่อให้พูดชัดเจน ก่อนเด็กเริ่มหัดพูด อายุประมาณ 6 - 18 เดือน
      - ผ่าตัดแก้ไขจมูก ทำเมื่ออายุประมาณ 3 ปี
      - อายุประมาณ 5 ปี ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
      - รักษาความผิดปกติที่หลงเหลืออยู่
  - - - บิดา มารดา วิตกกังวลเกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด
        
        ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ป่วย
        
        เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บป่วย
        
        ให้ข้อมูล คำแนะนำอธิบาย เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย และการรักษา
        
        ปลอบโยนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
      - บิดา มารดา ผู้ดูแลเด็กขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลรักษา
        
        ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดาเรื่องความผิดปกติของผู้ป่วยและการผ่าตัด
        
        พยาบาลควรให้ความชัดเจนในกรณีที่ผู้ป่วยไม่เข้าใจ
        
        สอนการป้อนนมอย่างถูกวิธี
        
        เสริมแรง ให้กำลังใจ
      - เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ /หูชั้นกลาง/มีโอกาสขาดสารน้้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
        
        ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
        
        รักษาความสะอาดช่องปาก
        
        เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะไว้ข้างเตียง
        
        สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
        
        ชั่งน้้ำหนักทารกวันละครั้ง
        
        ถ้าน้้ำหนักไม่ขึ้น ได้รับนมไม่เพียงพอ รายงานแพทย์
    - - เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก /ติดเชื้อ
        
        ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังดูแลผู้ป่วย
        
        ผูกยึดข้อศอกทั้งสองข้างไม่ให้งอประมาณ 2-6 สัปดาห์ คลายออกทุก1-2 ชม. ครั้งละ 10-15 นาที
        
        สอนผู้ดูแลเกี่ยวกับการผูกยึดข้อศอก
        
        งดใส่สายยางดูดเสมหะเข้าช่องปาก
        
        ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน การให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยด
      - เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก /ติดเชื้อ
        
        สังเกตอาการแผลมีเลือดออก สีสิ่งคัดหลั่ง กลิ่น
        
        หากร้องไห้ ปลอบโยนให้สงบโดยเร็ว
        
        ทำความสะอาดแผลเย็บปากแหว่งด้วย NSS ป้ายด้วยยาปฏิชีวนะ
        
        ให้น้้ำตามหลังให้อาหารเหลวทุกครั้ง
        
        ดูแลไม่ให้เด็กติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
        
        สังเกตการติดเชื้อ
      - การพยาบาลหลังผ่าตัดcleft lip
        
        ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง โดยการปลอบโยนไม่ให้ร้องไห้
        
        ระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด
        
        สอนบิดา มารดา ทำความสะอาดแผล
        
        จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำ
        
        ป้ายยาครีมปฎิชีวนะตามแผนการรักษา
      - การพยาบาลหลังผ่าตัดcleft palate
        
        สังเกตอาการออกเสียงขึ้นจมูกและอาการสำลัก
        
        ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆเพื่อป้องกันแผลแยก
        
        ห้ามดูดเสมหะในช่องปาก ยกเว้นหากจำเป็น
        
        หลีกเลี่ยงการนำของแข็งหรือของแหลมคมเข้าปาก
      - ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
        
        ประเมินความเจ็บปวดโดยสังเกตพฤติกรรม การร้องการเกร็ง
        
        ประเมินสัญญาณชีพ ชีพจร การหายใจ ความดันโลหิต
        
        ดูแลให้ไดรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
        
        ส่งเสริมความสุขสบายเพื่อลดความปวดโดยการสัมผัส การกอด
        
        ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล
      - เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
        
        สังเกตอาการบวมของแผลผ่าตัด
        
        ประเมินการหายใจเสียงหายใจ การติดตามค่า oxygen satulation
        
        จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
        
        กรณีมีเสมหะ ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล
        
        พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
      - การดูแลหลังผ่าตัดเพดานโหว่ ถึงอายุ 4-5 ปี
        
        งด ดูด เป่า ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
        
        ผู้ป่วยควรได้รับการสอนฝึกพูดเสมอ
        
        อายุประมาณ 2 ปีครึ่ง - 3 ขวบ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดแก้ไข
        
        อายุประมาณ 4-5 ปี ส่งทำ Nasendoscope
  - - - ปากแหว่ง
        
        อาจทำภายใน 48 ชม. หลังคลอด
        
        หรือ รอตอนเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 8 - 12 สัปดาห์
        
        น้ำหนักตัว10 ปอนด์
        
        ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
      - เพดานโหว่
        
        อายุประมาณ 6 - 18 เดือน
    - - งด ดูด เป่า ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
      - ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆ
      - หลีกเลี่ยงการนำของแข็งหรือของแหลมคมเข้าปาก
      - การปลอบโยนให้เด็กสงบเมื่อร้องไห้
      - จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำ
    - - มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการกลืนผิดปกติ
      - การติดเชื้อทางเดินหายใจ หูชั้นกลาง
      - ท้องอืด
      - การอุดกลั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
      - วิธีการป้องกัน
        
        ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
        
        รักษาความสะอาดช่องปาก
        
        สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
        
        ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
    - - จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำ
    - - หลังผ่าตัด 1 เดือนไปแล้ว
- - - - ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง
      - ไม่พบรูเปิดทางทวารหนัก
      - ปวดเบ่งอุจจาระ กระสับกระส่าย อืดอัด
      - เพศชายพบขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะ เพศหญิงถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะหรือทางช่องคลอด
    - - ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล
      - เลือกขนาดของปากถุงให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดทวารเทียมไม่แน่นเกินไป
      - กรณีมีการรั่วซึมต้องเปลี่ยนถุงใหม่
      - ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง ¼-1/3 ของถุง
      - สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม
    - - 18-24 เดือน
    - - การถ่างขยาย
      - การฝึกอุปนิสัยการขับถ่าย
      - การให้ยาเพื่อปรับสภาพอุจจาระ
    - - ฝึกหนีบลูกบอล ออกก าลังกายโดยการวิ่ง หรือว่ายน้ำ
- - - - มีน้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลักอาหาร
      - ขาดอาหาร น้ำ และเกลือแร่
    - - ท้องอืด หายใจลำบาก
      - น้ำลายไหลมาก เมื่อดูดออกจะเพิ่มขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ
    - - เมื่อเริ่มให้นมทางสายยางควรให้แบบช้าๆแขวนปลาย tube สูงกว่าลำตัว
      - จัดให้อยู่ในท่าศีรษะสูง
    - - ให้น้ำหลังให้อาหารหรือนมทุกครั้ง ปริมาณอย่างน้อย 30 ถึง 50 CC
      - ให้น้ำ ก่อนและหลังให้ยาทุกครั้ง
      - ควรให้น้ำ อย่างน้อยทุก 4 ถึง 6 ชั่วโมง
      - ให้น้ำทุกครั้งหลังจากการตรวจสอบปริมาณอาหารที่เหลือในกระเพาะอาหาร โดยไม่ได้ให้อาหารหรือนมต่อ
      - ถ้าสงสัยว่าสายอุดตันให้ลองใช้กระบอกฉีดยาใส่น้ำอุ่นเข้าไปในสายแล้วค่อยๆ ล้าง
      - ไม่ควรหักหรือพับงอสายนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหัก
      - ระวังอย่าให้สายแกว่งไปมามากเกินไป
      - ควรหมั่นตรวจสอบตำแหน่งของสายว่าอยู่ในตำแหน่งถูกต้อง
      - ปลดกระบอกออก ปิดสายให้เรียบร้อย
  - - - จัดท่านอนที่เหมาะสม
      - พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
      - ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
      - ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
      - ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
    - - จัดท่านอนศีรษะสูง
      - ไม่ควรนอนเหยียดคอ เพราะอาจทำให้หลอดอาหารตึงและแผลผ่าตัดแยก
      - ห้ามใส่สาย NG tube หรือสาย suction ดูดเสมหะในคอ
      - กระตุ้นให้เด็กร้องบ่อยๆเพื่อให้ปอดขยายได้ดี
  - - - Gastrostomy
    - - Thoracotomy and division of the fistula with Esophageal anastomosis
- - - - malrotation
      - intestinal atresia
  - - - การผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรก (primary closure)
      - การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน (staged closure)
        
        แพทย์ทำถุงให้ลำไส้อยู่ชั่วคราว
        
        ใช้เวลาประมาณ 5 วัน และมักไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นเย็บปิดผนังหน้าท้อง
  - - - keep warm
      - ระวังการ contaminate
      - พยายามปั้นประคองกระจุกลำไส้ให้ตั้ง
      - ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
      - ดูแลให้ systemic antibiotics ตามแผนการรักษา
    - - keep warm
      - ประคองลำไส้ไม่ให้พับตกลงมาข้างๆตัวได้
      - นอนตะแคงข้าง
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
    - - ดูแลเด็กที่ได้รับการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 24-48 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำสารอาหารตามแผนการรักษา
      - ติดตามการทำงานของลำไส้ ฟัง bowl sound
      - สังเกตอาการระวังการเกิดAbdominal compartment syndrome
  - - - แตกต่างกันที่การพัฒนาของผนังหน้าท้องที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์
    - - นอนตะแคง เพื่อลดโอกาสที่เลือดมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
    - - ติดตามการทำงานของลำไส้
    - - Abdominal compartment syndrome
        
        การที่ความดันในช่องท้องเพิ่มสูงขึ้น
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หายใจลำบาก
        
        ไตวาย
        
        ความดันโลหิตต่ำ
- - - - ควรทำเมื่อเวลาถ่ายปัสสาวะไม่พุ่งเป็นลำตรงและมีความผิดปกติมาก
      - ควรผ่าตัดตอนอายุ 6-18 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี
      - เนื่องจากเด็กเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านจิตใจ
    - - มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะเก่ากับท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่
      - เกิดการติดเชื้อ
      - องคชาตยังโค้งงอ
      - เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
    - - กระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
      - ห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อม ของเล่น ว่ายน้ำ
      - ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียกน้ำ เช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายเด็ก
      - ทำความสะอาดให้เด็กภายหลังการถ่ายอุจจาระทุกครั้ง
      - ภายหลังการเอาสายสวนปัสสาวะออก ให้สังเกตปริมาณปัสสาวะ
      - ดูแลให้ถุงปัสสาวะอยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะ