Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด - Coggle Diagram
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด
ความพิการแต่กำเนิด
2 ส่วน
ด้านโครงสร้างของร่างกาย
การทำงานในหน้าที่และภาวะร่างกาย
สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาด
ฟื้นฟูให้เด็กสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
มารดายังมีส่วนช่วยไม่ให้ทารกเกิดความพิการแต่กำเนิด
ร้อยละ 20 ในทารกที่เสียชีวิต
major anomalies
ความผิดปกติการทำงานของอวัยวะนั้นเสียไป
ร้อยละ 2-3 ของทารกเกิดมีชีพ
จำเป็นต้องรับการรักษา
minoranomalies
ความผิดปกติที่ไม่มีผลให้การทำงานของอวัยวะเสียไป
น้อยกว่าร้อยละ 5 ของประชากร
จำแนกตามกลไกการเกิด
Malformation
อวัยวะที่ผิดรูปร่างไป
เกิดจากกระบวนการเจริญพัฒนาภายในที่ผิดปกติ
เกิดจากพันธุกรรมหรือสิ่งแวดล้อม
ปากแหว่ง (cleft-lip)
เพดานโหว่(cleft - palate)
นิ้วแยกกันไม่สมบูรณ์(syndactyly )
นิ้วเกิน(polydactyly)
ติ่งบริเวณหน้าหู(preauricular skin tag)
เท้าปุก (clubfoot)
Deformation
แรงกระทำจากภายนอกทำให้อวัยวะผิดรูป
ทารกที่อยู่ในน้ำคร่ำน้อย พื้นที่มีจำกัดทำให้เกิดภาวะผิดรูปของแขนขา
Disruption
โครงสร้างของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อผิดปกติไม่ใช่พันธุกรรม
Dysplasia
ความผิดปกติในระดับเซลล์ของเนื้อเยื่อ
ที่มีสาเหตุจากพันธุกรรม
สาเหตุ
ไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวปัจจัย
พันธุกรรม
ในครอบครัวเป็นโรคความพิการแต่กำเนิด
สิ่งแวดล้อม
มารดาในระหว่างตั้งครรภ์
มารดามีอายุมากเกินไป
อายุเกิน 35 ปี
โรคติดเชื้อ
โรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน16 สัปดาห์
ขาดอาหาร ขาดวิตามิน
กินยาหรือเสพสารเสพติด
ได้รับสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม
มีความพิการทางสมอง และมีอาการชัก
รังสีเอ๊กซ์ หรือรังสีแกมม่า รวมทั้งสารกัมมันตรังสีทางการแพทย์
ศีรษะเล็ก ลูกตาเล็ก มีความผิดปกติของกระดูกสันหลังและแขนขา
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
ความพิการที่พบบ่อย
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
แขนขาพิการ
ปากแหว่งเพดานโหว่
กลุ่มอาการดาวน์
ปากแหว่ง-เพดานโหว่ (Cleft-lip , Cleft-palate )
ความหมาย
ปากแหว่ง (Cleft-lip)
ความผิดปกติบริเวณริมฝีปาก เพดาน
ส่วนหน้าแยกออกจากกัน
เพดานส่วนหน้าจะเจริญสมบูรณ์ ช่วง 4-7สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
เพดานโหว่(Cleft-palate)
ความผิดปกติบริเวณเพดานหลังแยกออกจากกัน
เกิดได้ระยะทารกอยู่ในครรภ์มารดาช่วง 12 สัปดาห์
อุบัติการณ์
ปากแหว่งอย่างเดียวอาจเป็นข้างเดียว (unilateral cleft lip)
21 % พบในทารกเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ปากแหว่งสอง (bilateral cleft lip)
พบได้ ประมาณ 46 %
เพดานโหว่อย่างเดียวพบได้ประมาณ 33 %
พบทารกเพศชายมากกว่าเพศหญิง
การวินิจฉัย
ตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 13-14 สัปดาห์
หาสาเหตุทางกรรมพันธุ์
การตรวจร่างกาย
อาการและอาการแสดง
การดูดกลืนจะผิดปกติ
มีรูรั่วใหล้มเข้า
ลมที่เขา้ไปทาให้ท้องอืด
เกิดการสำลักเพราะไม่มีเพดานรองรับ
พูดไม่ชัดเนื่องจากเพดานปากเชื่อมติดกับเพดานจมูก
หายใจลำบาก
ติดเชื้อในหูช้ันกลางทำให้มีปัญหาการได้ยินผิดปกติ
การรักษา
ปากแหว่ง
โดยการทาผ่าตัด
อาจทำภายใน 48 ชม. หลังคลอดในรายที่เด็กสมบูรณ์
รออายุอย่างน้อย 8 - 12 สัปดาห์
กฎเกิน 10
ทำผ่าตัดเมื่อเด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป น้ำหนักตัว 10 ปอนด์ ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
การผ่าตัด ปากแหว่งด้านซ้าย Triangular Flap
ผ่าตัดปากแหว่งด้านขวา Rotation Advancement Method
ผ่าตัดปากแหว่งทั้ง 2 ด้านStraight Line Repair
เพดานโหว
palatoplasty
palatorrhaphy
หลายขั้นตอน
1.ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อใส่เพดานเทียม (obtulator)
เพดานเทียมจะเปลี่ยนทุก 1 เดือน
2.ผ่าตัดเพดานเพื่อให้มีการพูดให้ชัดเจนใกล้เคียงปกติมากที่สุด
นิยมทำผ่าตัดประมาณ 6 - 18 เดือนสภาพร่างกายแข็งแรงไม่มีโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน
การผ่าตัดแก้ไขจมูกทำเมื่ออายุประมาณ 3 ปี และตามด้วยการฝึกพูด
4.อายุประมาณ 5 ปี ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
5.รักษาความผิดปกติที่หลงเหลืออยู่
การพยาบาล
เป้าหมาย
การดูแลให้เด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด
วางแผนการพยาบาลต้องคำนึงถึงความต้องการจำเป็น
ส่งเสริมสนับสนุนครอบครัวให้มีส่วนร่วม
ระยะก่อนผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด
ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ปุวยเพื่อหาแนวทางแก้ไขหรือการให้ข้อมูล
เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บปุวย
ให้ข้อมูล คำแนะนำ อธิบาย เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย และการรักษา
ปลอบโยนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
ผู้ดูแลเด็กขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลรักษา
ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดาเรื่องความผิดปกติของผู้ป่วยและการผ่าตัดรักษา
อธิบายการผ่าตัดและผลลัพธ์การรักษา
สอนการป้อนนมอย่างถูกวิธี
แนะนำการดูแลในระยะก่อน หลังผ่าตัด
เสริมแรง ให้กำลังใจ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ /หูชั้นกลาง / การอุดกั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
รักษาความสะอาดช่องปาก
เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะไว้ข้างเตียง
สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
ถ้าน้ำหนักไม่ขึ้น ได้รับนมไม่เพียงพอ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใส่สายให้อาหาร
การให้นม/อาหารอย่างถูกวิธี
ขณะให้อาหารจัดท่าศีรษะสูงประมาณ 30-45 องศา
เด็กเพดานโหว่จะต้องนั่งศีรษะสูง
(จัดท่า 45 degree)
ใช้ Artificial nipple จุกนมต้องยาว
ถ้าเด็กดูดไม่ได้ใช้ช้อนปูอน / หลอดหยด
ดูดครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้ง ใส่เพดานเทียมก่อนให้ดูดนม ก่อน-หลังใช้เพดานเทียมต้องทำความสะอาดทุกครั้ง
จับไล่ลมเป็นระยะๆทุก 15-30 มิลลิลิตรเสมอ หลังให้นมนอนศีรษะสูง 30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้า ตะแคงเพื่อป้องกันท้องอืด สำลัก
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ในเด็กหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดเป็นเมล็ด
การใส่ NG tube จะเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่เด็กมีปัญหาไม่สามารถ feed
ขวดนมเด็กที่มีปัญหาปากแหว่ง-เพดานโหว่
เพดานเทียม Obturator
หลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก/ ติดเชื้อ
ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากการสำลัก
โอกาสขาดน้ำและสารอาหารเนื่องจากข้อจำกัดในการดูดกลืนหลังผ่าตัด
บิดามารดา ขาดความรู้ความเข้าใจการดูแลทารกหลังผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
หลังผ่าตัดcleft lip
ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง โดยการปลอบโยนให้เด็กสงบเมื่อร้องไห้ ปิดแผลด้วย sterile strips
ระวัดระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด ถ้ามีทำความสะอาดด้วย NSS และปิด sterile strips ใหม่
สอนบิดา มารดา ทำความสะอาดแผล
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำเพื่อป้องกันการเสียดสี กับที่นอน แผลอาจแยกได้
ป้ายยาครีมปฎิชีวนะตามแผนการรักษา
สังเกตอาการออกเสียงขึ้นจมูกและอาการสำลักอาหารจากปากเข้าจมูก
ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆเพื่อป้องกันแผลแยก
ห้ามดูดเสมหะในช่องปากยกเว้นหากจำเป็น
หลีกเลี่ยงการนำของแข็งหรือของที่มีความแหลมคมเข้าปาก
Esophageal stenosis/fistusis/atresia
วินิจฉัย
polyhydramnios
อาการ
น้ำลายไหลมาก
อาเจียน
ไอ
สำลัก เอาอาหารและเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ
อาจพบอากาศในกระเพาะอาหาร
ส่วนใหญ่จะมี โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดความผิดปกติของลำไส้เล็ก ไส้ตรง และรูทวาร ร่วมด้วย
การรักษา
ระยะแรก
Gastrostomy
ระยะสอง
Thoracotomy and division of the fistula with Esophageal anastomosis
Esophagogram
Try oral feeding
Off Gastrostomy tube
การพยาบาล
ก่อนผ่าตัดแก้ไขหลอดอาหาร
อาจเกิดภาวะปอดอักเสบหายใจลำบากหรือหยุดหายใจเนื่องจากสำลักน้ำลายหรือน้ำย่อยเข้าหลอดลม
จัดท่านอนที่เหมาะสม
พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
0n NG tube ต่อ Continuous suction
ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
อาจได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้สารอาหาร นม น้ำทาง Gastrostomy tube
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต่อหลอดอาหาร(แผลแยก)
ห้ามใส่สาย NG tube หรือสาย suction
ไม่ควรนอนเหยียดคอ
ทำให้หลอดอาหารตึงและแผลผ่าตัดแยก
กระตุ้นให้เด็กร้องบ่อยๆเพื่อให้ปอดขยายได้ดีสังเกตภาวะขาดออกซิเจน
ดูแลให้การทำงานของ ICD มีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ , Antibioticตาม แผนการรักษา
หลังผ่าตัด
อาจเกดิภาวะปอดแฟบจากการอุดตันของท่อระบายทรวงอก
จัดท่านอนศีรษะสูง
ตรวจสอบการทำงานของ ICD
ระวังสายหัก พับงอ / นวดคลึงสายบ่อยๆ
บันทึก ลักษณะ สี จำนวนของ discharge
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดและแผล Gastrostomy
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล
ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
สังเกตการติดเชื้อ
ดูแลให้ ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
Anorectal malformation
ความหมาย
เป็นความพิการแต่กำเนิดที่ไม่มีรูทวารหนักเปิดให้อุจจาระออก(imperforate anus)
มีรูเปิดทวารหนักแต่อยู่ผิดที่จากตำแหน่งปกติ
รูทวารหนักมีการตีบแคบ
อุบัติการณ์
เกิดอัตราส่วน 1 ใน 4000 ของเด็กเกิดมีชีวิตทั้งหมด
เด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
ชายพบความผิดปกติของลำไส้ตรงกับท่อปัสสาวะ
ความผิดปกติทวารหนักเป็นแบบลำไส้ตรงมีรูทะลุกับvestibula
สาเหต
ไม่ทราบแน่ชัด
พยาธิสรีรภาพ
อาการท้องผูก /ถ่ายอุจจาระล าบาก/หรือไม่ถ่ายอุจจาระ
ทารกเพศชายมีอาการถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะ
ทารกเพศหญิงถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะหรือทางช่องคลอด
ชนิดของความผิดปกติ
Anal stenosis รูทวารหนักตีบแคบ
Imperforate anal membrane มีเยื่อบางๆปิดกั้นรูทวารหนัก
Anal agenesis รูทวารหนักเปิดผิดที่
Low type
Intermediate type
High type
Rectal atresia ลำไส้ตรงตีบตัน
การตรวจพิเศษ
invertrogram
อาการและอาการแสดง
ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง "ขี้เทา" (Meconium)
เหนียวๆ สีเขียวดำ
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนักเท่านั้น
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้
กระสับกระส่าย อืดอัด ไม่สบายเนื้อสบายตัว
แน่นท้อง ท้องอืด
ปวดเบ่งอุจจาระ
ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
การตรวจรังสีวินิจฉัย X ray เพื่อประเมินระดับลำไส้ตรง
ultrasound เพื่อตรวจการไหลเวียนและดูอวัยวะภายใน
CT scan ตรวจกระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน
MRI ตรวจความผิดปกติร่วมของไขสันหลัง ความผิดปกติร่วมของลักษณะกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน
การรักษา
เป้าหมาย
ผู้ป่วยสามารถถ่ายอุจจาระได้ มีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ และกลั้นอุจจาระได้
ความผิดปกติ low type
การถ่างขยายทวารหนัก
ใช้ hegar metal dilators โดยใช้เบอร์ 9-10 mm
กลับบ้าน
ให้ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
เพิ่มขนาดขึ้นให้เมาะสมกับอายุเด็ก ซึ่งใช้เวลาในการถ่างขยาย 6เดือน-1 ปี
การผ่าตัด anal membrane ออกในรายที่สังเกตเห็นขี้เทาทางทวารหนัก
การผ่าตัดตบแต่งทวารหนัก (anoplasty) เมื่อแผลผ่าตัดติดเรียบร้อยแล้วประมาณ 10 วัน ถ่างขยายทวารหนักต่อ
ความผิดปกติ intermediate และ high
การทำทวารหนักเทียมทางหน้าท้อง เพื่อระบายอุจจาระออก (colostomy)
การผ่าตัดตบแต่งทวาร (anoplasty)
ภายหลังผ่าตัดประมาณ 2สัปดาห์ แพทย์จะเริ่มถ่างขยายรูทวารหนัก(Anal dilatation)
เริ่มจากเบอร์ขนาดเล็กประมาณ 7-10มิลลิเมตร
ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก วันละ 2 ครั้ง
จะเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของ hegar สัปดาห์ละ 1 มิลลิเมตร
ระยะแรก
ขยายรูทวารหนักวันละ 1 ครั้ง นาน 1 เดือน
ระยะที่สอง
ขยายรูทวารหนักวันละ 1 ครั้ง ทุก 3 วัน นาน 1 เดือน
ระยะที่สาม
ขยายรูทวารหนัก 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ นาน 1 เดือน
ระยะที่สี่
ขยายรูทวารหนัก 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ นาน 1 เดือน
ระยะที่ห้า
ขยายรูทวารหนัก 1 ครั้ง ต่อเดือน นาน 1 เดือน
การผ่าตัดปิดทวารเทียมทางหน้าท้อง
ความสัมพันธ์ อายุกับ hegar metal dilator
1-3 เดือน
เบอร์ 12
4-8 เดือน
เบอร์ 13
9-12 เดือน
เบอร์ 14
1-3 ปี
เบอร์ 15
4-14 ปี
เบอร์ 16
14 ปีขึ้นไป
เบอร์ 17
การพยาบาล
ระยะขยายทวารหนัก
ให้ความรู้บิดามารดาเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
สอนการดูแลในการถ่างขยายรูทวารหนัก
ห้ยาแก้ปวดก่อนถ่างขยาย
ใช้สารหล่อลื่น
เลือกขนาดเครื่องมือตามแผนการรักษา
สังเกตการมีเลือดออก
ให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่น
ทำความสะอาดหลังขับถ่าย
แนะนำให้บิดามารดาให้อาหารตามวัยของเด็กที่มีประโยชน์มีกากใยสูง
หลังผ่าตัดเปิด colostomy
หลังผ่าตัดสัปดาห์แรก
รูเปิดยังไม่หายและการหายของแผลยังไม่ดีพอ
ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล
เมื่อแผลหายดีแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ซับด้วยส าลีหรือผ้าสะอาดที่อ่อนนิ่ม
เด็กที่มีถุงรองรับอุจจาระทางทวารเทียม
เลือกขนาดของปากถุง ให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดทวารเทียม
มีการรั่วซึมต้องเปลี่ยนถุงใหม่ และสังเกตการรั่วซึมของอุจจาระทุก 2 ชั่วโมง
ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง ¼-1/3 ของถุง
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม ถ้ามีการอักเสบ รอยถลอกรายงานแพทย์
แนะนำอาหารย่อยง่ายมีโปรตีนสูง แคลอรีสูง มีกากใยมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีแก๊ส
สังเกตและบันทึกอุจจาระ
สังเกตภาวะแทรกซ้อนของทวารเทียม
แนะน าการมาตรวจตามนัด
ระยะก่อนและหลังผ่าตัดตกแต่งทวารหนัก (anoplasty)
บิดามารดาวิตกกังวลเรื่องความผิดปกติ และต้องได้รับการรักษาเป็นเวลานานหลายขั้นตอน
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดทวารหนัก
ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดรูทวารหนัก 8-10 วันตามแผนการรักษา
หลังผ่าตัด 3-4 วันหลังถอดสายสวนปัสสาวะ ให้แช่ก้นด้วยน้ าอุ่นกระตุ้นการไหลเวียนและลดการอักเสบ
ดูแลความสะอาดผิวหนังรอบๆทวารหนักด้วยน้ำ
สังเกตการติดเชื้อ ไข้ ปวด บวม แดง ร้อน
บิดา มารดา ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลแผลผ่าตัดบริเวณทวารหนัก
ให้คำแนะนำระยะหลังผ่าตัด 7-10 วันไม่ให้นอนกางขา นั่ง
ให้ความรู้การถ่างขยายทวารหนักและประเมินความรู้
แนะนำให้สังเกต
ตำแหน่งการถ่ายอุจจาระ การฝึกขับถ่ายอุจจาระเมื่ออายุ 18-24 เดือน โดยนั่งกระโถน เช้า เย็น
อาการท้องผูก ให้อาหารที่เหมาะสม
ให้กำลังใจบิดา มารดา
ให้คำแนะนำเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การถ่างขยายรูทวารหนักสม่ำเสมอ แนะนำใช้เทียนไขเหลาเท่าขนาด hegarถ่างขยาย
สอนทำความสะอาดเทียนไข ทวารหนัก
ให้ความรู้ป้องกันท้องผูก ให้อาหารมีกากใย ให้ยาระบาย
กรณีถ่ายอุจจาระเหลว ให้ยาที่ทำให้อุจจาระเป็นก้อน
สังเกตการตีบแคบของทวารหนัก
ฝึกขับถ่าย ฝึกกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการถ่ายอุจจาระ
การมาตรวจตามนัด
ปัญหาที่อาจพบได้หลังผ่าตัด
ทวารหนักตีบจากกลไกการหดรั้งตัวของแผล
การถ่างขยาย
การฝึกอุปนิสัยการขับถ่าย
การให้ยาเพื่อปรับสภาพอุจจาระ
ท้องผูก
การสวนล้างร่วมกับการใช้ยาระบาย
กลั้นอุจจาระไม่ได้
ฝึกฝนการกลั้นอุจจาระเพื่อให้เด็กใช้กล้ามเนื้อที่มีอยู่อย่างเต็มที่
ฝึกหนีบลูกบอล
ออกกำลังกายโดยการวิ่ง หรือว่ายน้ำ
ความผิดปกติของผนังหน้าท้อง
Umbilical hernia
Umbilical cord hernia
Omphalocele
ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ช่องท้องไม่ปิด
มีเยื่อบางๆของ peritoneum, Wharton's jelly, amnion หุ้มอวัยวะ ที่ออกนอกช่องท้อง
ความผิดปกติของหัวใจพบได้มากถึงร้อยละ 30-50
ความผิดปกติของโครโมโซมมีประมาณร้อยละ 20-50
Gastroschisis
ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์
ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์
ลำไส้, กระเพาะทะลักออกนอกช่องท้องทางรูด้านข้างสายสะดือไม่มีสิ่งห่อหุ้ม
พบได้ประมาณ 1:4,000 ของการคลอด
อุบัติการเพิ่มขึ้นในมารดาที่มีอายุมาก
มีน้อยรายที่ถุงหุ้มแตกในครรภ์และทำให้แยกจาก gastroschisis ยากขึ้น
ลำไส้จะออกมาอยู่ในสายสะดือได้เป็นปกติในช่วงอายุครรภ์ 8-12 สัปดาห์
พบอัตราการตายสูงในรายที่มีความผิดปกติอื่นร่วมด้วย
การวินิจฉัย/อาการ/อาการแสดง
ตรวจultrasound อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ สามารถวินิจฉัยและแยกทั้งสองภาวะออกได้สามารถตรวจพบถุง membrane
หลังคลอดพบผนังหน้าท้องซึ่งมักจะอยู่ขวาต่อสายสะดือเป็นช่องโหว่ มีอวัยวะภายในออกมา
มักจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งบวม แดง อักเสบ
เด็กอาจตัวเล็ก คลอดก่อนกำหนด
การที่ไม่มีผนังหน้าท้อง
ทำให้ลำไส้ปนเปื้อนความสกปรก จากภายนอก
ทำให้มีอาการติดเชื้อ
อุณหภูมิกายต่ำ เด็กตัวเย็น
ทำให้และสูญเสียน้ำ
อาจพบความผิดปกติอื่นร่วมด้วยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของลำไส
malrotation
intestinal atresia
การรักษา
จุดประสงค์
ปิดผนังหน้าท้อง ลดภาวะแทรกซ้อน ให้ทารกหายเร็วที่สุด
omphalocele
ขนาดใหญ่ไม่มากอาจใช้แผ่น silastic ปิดทับถุง omphalocele พันด้วยผ้ายืด elastric wrap
สามารถปิดผนังหน้าท้องภายใน 2 อาทิตย์
การผ่าตัด
ระยะแรก (primary closure)
ดันลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง
แล้วเย็บปิดผนังหน้าท้องโดยและเย็บปิดfascia แล้วเย็บปิดผิวหนังอีกชั้นหนึ่ง
staged closure
กรณีดันลำไส้กลับเข้าในช่องท้องทำให้ผนังหน้าท้องตึง
ไม่สามารถเย็บปิด fascia ได้ หรือเย็บปิดแล้วทำให้ช่องท้องแน่นมาก หรือดันลำไส้กลับได้ไม่หมด
ทำถุงให้ลำไส้อยู่ชั่วคราว แล้วค่อยๆ บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้องโดยเปลี่ยน dressing วันละครั้งด้วย sterile technique
บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้อง แล้วผูกปิดถุงวันละเปลาะ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน และมักไม่เกิน 7 วัน
ถุง stockinett เป็นโครงให้มีความแข็งแรง
ทำหน้าที่คล้าย peritoneum membrane ลำไส้ที่อยู่ในถุงก็จะไม่แห้ง และก็จะอุ่น
การพยาบาล
ระยะก่อนผ่าตัด
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubator
ระวังการ contaminate โดยต้องใช้ sterile technique พยายามให้ลำไส้สะอาด
พยายามปั้นประคองกระจุกลำไส้ให้ตั้ง
ดูแลไม่ให้มีลม/แรงดันในลำไส้/ช่องท้อง โดยใส่ NG tube และ ดูด content
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาปริมาณ
โดยปกติแล้วเด็กที่เป็น gastroschisis มักจะมีfluid loss ไปแล้วประมาณ 5% ของน้ำหนักตัว
ดูแลให้ systemic antibiotics ตามแผนการรักษา
ขณะรอการผ่าตัดเย็บปิดผนังหน้าท้อง
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubato
ประคองลำไส้ไม่ให้พับตกลงมาข้างๆตัวได้ (เสริมกับชั้นของ roll gauze)
นอนตะแคงข้างเพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเนื่องจากมีการสูญเสียน้ำจากลำไส้ที่ไม่มีผนังหุ้ม
ทำให้เด็กต้องการสารน้ำมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
ประมาณ 150- 200 ml/kg/hr
ปรับสารน้ำตามการสูญเสียในแต่ละวัน ดูจากปริมาณปัสสาวะที่ออก
ระยะหลังผ่าตัด
ดูแลเด็กที่ได้รับการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 24-48 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำสารอาหารตามแผนการรักษา
ตั้งแต่เป็นวันที่ 2 หรือวันที่ 3 หลังผ่าตัด ความต้องพลังงานประมาณ 130-150 kcal/kg/d
ติดตามการทำงานของลำไส้ ฟัง bowl sound
สังเกตอาการระวังการเกิดAbdominal compartment syndrome
ท้องอืดอย่างรุนแรง
ปัสสาวะออกน้อยลง
central venous pressure สูงขึ้น
ความดันในช่องอกสูงขึ้น
Abdominal compartment syndrome
ความดันในช่องท้อง(Intra-abdominal pressure: IAP) เพิ่มสูงขึ้น > 20 mmHg
ทำให้เกิดอวัยวะล้มเหลวตามมา
ACS ส่งผลกระทบกับผู้ปุวยหลายระบบ
สุดท้ายอาจจะส่งผลให้ผู้ปุวยเสียชีวิตได้ ถ้าไม่แก้ไข
การดูแล
ผู้ป่วยที่มีความดันในช่องท้องสูง(>12ม.ม.ปรอท)
ให้ยาระงับปวดให้เหมาะสม
จัดท่าผู้ป่วยนอนราบ ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารและสำไส้ใหญ่
ได้รับยาขับปัสสาวะ/ยากระตุ้นการทำงานของลำไส้
ฟอกไตเพื่อดึงน้ำออกจากร่างกาย
การใส่สายระบายในช่องท้อง(Percutaneous catheter drainage)
ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือความดันในช่องท้องสูงขึ้นผ่าตัดลดความดันในช่องท้อง
รูเปิดท่อ ปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ (hypospadias)
อัตราการเกิด 1 ใน 300 ในทารกเพศชาย
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ด้านบน (epispadias)
ความผิดปกติที่รูเปิดท่อปัสสวะไปเปิดที่ด้านบนขององคชาต
exstrophy of urinay bladder (ผนังด้านใน กระเพาะปัสสาวะ เปิดแบะออกที่หน้าท้อง)
absence of prostate gland(ไม่มีต่อมลูกหมาก)
ผลกระทบ
ปัสสาวะไม่พุ่งเป็นลำไปด้านหน้า
ไหลไปตามถุงอณัฑะหรือด้านหน้าของต้น ขา
ความผิดปกติชนิดรุนแรงอาจต้องนั่งปัสสาวะทุกครั้ง
องคชาตคดงอเมื่อมีการแข็งตัว
เวลาหลั่งน้ำอสุจิไม่พุ่งทำให้มีบุตรยาก
องคชาตแตกต่างจากปกติทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ
การแบ่งความผิดปกติของรูเปิดท่อปัสสาวะ
Anterior or distal or mild
รูเปิดท่อปัสสาวะมีรูเปิดต่ำกว่าปกติเพียงเล็กน้อย คือ เปิดที่บริเวณglanular, coronal, subcoronal พบร้อยละ 50-60
Middle or moderate
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่กลางขององคชาต
distal penile, midshaft, proximal penile มีความผิดปกติ ขนาดปานกลาง พบร้อยละ 30
Posterior or proximal or severe
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ที่ใต้องคชาต บริเวณ penoscrotal, scrotal, perineal เป็นความผิดปกติมากพบร้อยละ 20
การรักษา
เพียงเล็กน้อยไม่ต้องทำการผ่าตัด
การผ่าตัดในกรณี
ท่อปัสสาวะต่ำกว่าปกติเล็กน้อยแต่เวลาถ่ายปัสสาวะไม่พุงเป้นลำตรง
ความผิดปกติมากต้องรักษาโดยการผ่าตัดตกแต่งท่อปัสสาวะเพื่อใหรู้เปิดท่อปัสสาวะอยู่ในตาแหน่งปกติ
เวลาที่เหมาะ อายุ 6-18 เดือน แต่ไม่ควรเกิน 2 ปี
การผ่าตัด
ผ่าตัดแบบขั้นตอนเดียว (one-stage repair)
แก้ไขให้องคชาตยืดตรง (orthoplasty)พร้อมกับการตกแต่งท่อปัสสาวะ(urethroplasty) ทำรูใช้ผิวหนังปิดบริเวณผ่าตัด
ผ่าตัดแบบ 2 ขั้นตอน (two-staged repair)
Orthoplasty ผ่าตัดแก้ไขภาวะองคชาต โค้งงอ (penile curvature)โดยตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ดึงรั้ง เพื่อให้องคชาตยืดตรง
Urethroplasty หลังผ่าตัด orthoplasty แล้ว 6 เดือน
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เลือดออก
เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะ เก่ากับท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่
แก้ไขโดยการเย็บปิดซ่อมรู หลังการผ่าตัดครั้งแรก 6-12 เดือน
องคชาตยังโค้งงอ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด
เกิดการติดเชื้อ
การพยาบาล
ก่อนผ่าตัด
อธิบายขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด
ประเมินความวิตกกังวล
ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ผลของการผ่าตัด
การปวดหลังผ่าตัด การได้ รับยาระงับความรู้สึก
ความรู้สึกเด็กที่ต้องพบกับสิ่ง แปลกใหม่ หลังผ่าตัด
หลังผ่าตัด
จัดให้เด็กนอนในท่าสบาย ยึดสายที่ต่อจากuretra หรือสาย cystostomyให้อยู่บริเวณหน้าท้องหรือต้นขา
ประเมินความปวดของเด็กให้ยาแก้ปวดตาม แผนการรักษาของแพทย์
เก็บปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
ใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการทำแผลและการเทปัสสาวะออกจากถุงปัสสาวะ
ประเมินบริเวณสาย cystostomy ไม่ให้เกิดการติดเชื้อ
หากมีการรั่วซึมของท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่ต้องใส่ไว้ อีก 2 สัปดาห์
ให้บิดามารดา/ผู้ปกครองอยู่ดูแลเด็กอย่าง ใกล้ชิด อธิบายให้เข้าใจถึงสภาพเด็กที่มีแผลผ่าตัด
คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
บิดามารดา/ผู้ปกครองต้องกระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
ห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อม ของเล่น ว่ายน้ำหรือเล่นกิจกรรมที่รุนแรง
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด ร่างกายเด็กด้วยการเช็ดตัว สวมเสื้อผ้าหลวมๆ
แนะนำและสาธิตให้บิดามารดา/ผู้ปกครอง ทราบวิธีการดูแลความสะอาดองคชาตที่คาสายสวนปัสสาวะวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น วิธีเทปัสสาวะออกจากถุงปัสสาวะ การติดยึดสายสวนปัสสาวะต่ำกว่ากระเพาะ ปัสสาวะ และเป็นระบบปิดเสมอ
ทำความสะอาดให้เด็กภายหลังการถ่ายอุจจาระ ทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อธิบายอาการติดเชื้อ เช่น มีไข้ แผลแดงอักเสบ ปัสสาวะขุ่นมีตะกอนและกลิ่นเหม็นควรมาพบแพทย์ทันที
ภายหลังการเอาสายสวนปัสสาวะออก ให้สังเกต ปริมาณปัสสาวะ ลักษณะการถ่ายปัสสาวะเป็นลำพุ่ง
อธิบายให้เด็ก บิดามารดา/ผู้ปกครองเข้าใจ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
อธิบายให้เด็ก บิดามารดา/ผู้ปกครองเข้าใจ ถึงความสำคัญในการมาพบแพทย์ตามนัดหรือมาก่อน นัดหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น
อ้างอิง
VIPARAT YOMDIT.(2563).เอกสารประกอบการสอน บทที่ 6 การพยาบาลเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด. สืบค้น 13 มิถุนายน 2563.จาก
https://classroom.google.com/u/1/c/NzMzNjU4Njc4NDla/m/MTEwMjYwMzYyMDky/details
ผู้จัดทำ
นางสาว พิมพิศา รักษาสิทธิ์ 36/2 เลขที่ 7 612001087
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
:!!: 1
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ในระยะก่อนผ่าตัดคือเรื่องใดมีวิธีการป้องกันอย่างไร
กาติดเชื้อทางเดินหายใจ
การผ่าตัดปากแหว่งควรทำเมื่อใด/ การผ่าตัดเพดานโหว่ควรทำเมื่อใด
เด็กสมบูรณ์หลังคลอดภายใน 48 ชั่วโมง หรือ เด็กอายุอย่างน้อย 8 - 12 สัปดาห์
ก่อนหัดพูด 6 - 18 เดือน
หลังผ่าตัดการดูแลเพื่อป้องกันแผลแยกทำอย่างไร
ระวังไม่ให้แผลตึงรั้ง
ปิดแผลด้วย sterile stips
ห้ามอ้าปากทารกกว้าง
หลีกเลี่ยงการนำของแข็ง,แหลงเข้าปาก
หลังผ่าตัดทารกควรนอนท่าใด
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง
หลังผ่าตัดทารกจะดูดขวดนมได้เมื่อใด
หลังผ่าตัดแล้ว 1 เดือน
:!?: 2
อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารตีบคืออะไร
อาเจียน กลืนลำบาก เร่อ น้ำหนักลด
อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารมีรูรั่วคืออะไร
ไอ หายใจลำบากเมื่อทานอาหาร มีปัญหาการหายใจ อาเจียน พบอากาศในกระเพาะอาหาร Blue color of the skin
การให้นม TE fistula ทำอย่างไร
หลังผ่า 4 วัน ถ้าไม่มีรอยต่อ เริ่มให้นมทีละน้อยๆข้างๆ 1 สัปดาห์หลังผ่า ถ้าเด็กปกติที่จะ off NG tube , Gastrostomy
การดูแล Gastrostomy ทำอย่างไร
ป้องกันการอุดตันของสาย
ให้น้ำหลังอาหารหรือนมทุกครั้ง อย่างน้อย 10-20 ชั่วโมง
ให้น้ำก่อนและหลังให้ยาทุกครั้ง
ควรให้น้ำอย่างน้อย 4 -6 ชั่วโมง
ทำความสะอาดสายสวนกระเพพาะอาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด
หากมีคราบอาหารติดบริเวณฝากฝาควรใช้น้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด
หมุนตัวสายสวน 360 องศา ทุกครั้งหลังอาหาร ป้องกันเนื้อเยื่อรอบๆ รูเปิดยึดติดกับสายสวนกระเพาะ
ไม่พับงอสาย
:!?: 3.
สังเกตการไม่มีรูทวารหนักทารกหลังคลอดอย่างไร
ไม่มีการถ่ายขี้เทาภายใน 24 ชั่วโมง
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนัก
ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้
การดูแล colostomy ทำอย่างไร
การดูแลความสะอาดบริเวณ stoma และ ผิวหนังรอบๆรูเปิดลำไส้
การรับประทานอาหาร
การออกกำลังกาย
การฝึกหัดการขับถ่ายอุจจาระให้ออกเป็นเวลา
ดูแลด้านจิตใจ
อายุที่เหมาะสมในการฝึกการขับถ่าย
18 เดือน
หลังผ่าตัดทำรูทวารหนัก ป้องกันการตีบแคบได้อย่างไร
การถ่างขยายรูทวารหนักสม่ำเสมอ
วิธีการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อช่วยในการขับถ่ายทำอย่างไร
. อาศัยความพร้อมของกล้ามเนื้อหูรูด และสมองส่วนที่ควบคุมระบบประสาทสัมผัสเป็นตัวสั่งงาน
หลังดูดนมเสร็จ 5-10 นาที หรือเมื่อลำไส้ส่วนทวารหนักมีของเต็ม จะเกิดการกระตุ้นของทางเดินอาหาร ทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว ปล่อยอุจจาระออกมาฝึกอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุ้นเคย รู้จักการนั่งกระโถนและการถ่ายอุจจาระ
:!?: 4
Gastroschisis กับ Omphalocele แตกต่างกันอย่างไร
ต่างกันผนังหน้าท้องพัฒนาสมบูรณ์/ไม่สมบูรณ์ และการมีเยื่อบางๆหุ้มอวัยวะ / การทะลักออกช่องท้อง
เด็กดูแลในระยะดันลำไส้กลับในช่องท้องเด็กต้องจัดท่านอนอย่างไร เพราะเหตุใด
นอนตะแคง เพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
การฟัง bowl sound หลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
ประเมินหาสาเหตุ การตีบ อุดตัน การรั่วของลำไส้
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก ต้องระวังภาวะใด มีอาการและอาการแสดงอย่างไร
ภาวะ Abdominal compartment syndrome
อาการ
หายใจลำบาก IAP เพิ่มมากกว่า 20 mmHg
โลหิตต่ำ
ไตวาย
:!?: 5
การรักษา hypospadia โดยการผ่าตัดควรทำเมื่อใด เพราะเหตุใด
ช่วง 6 - 12 เดือน เด็กไทย 12-18 เดือน
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมีอะไรบ้าง
เกิดการติดเชื้อ
คำแนะนำในการดูแลหลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้านทำอย่างไร
กระตุ้นให้เด็กดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
ห้ามเล่นกิจกรรมที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและการเลื่อนหลุดของสายท่อ
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด
ดูแลความสะอาดองคชาตที่คาสายสวนปัสสาวะไว้โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
ทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลักษณะขององคชาต
ความสำคัญในการมาพบแพทย์ตามนัด