Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นางสาวสุธาสินี อั๋นตุ่ม รหัสนักศึกษา 6001211276 เลขที่ 59A, บทที่ 3 …
นางสาวสุธาสินี อั๋นตุ่ม รหัสนักศึกษา 6001211276 เลขที่ 59A
บทที่ 3
การพยาบาลด้านจิตสังคมสำหรับผู้ประสบภาวะวิกฤต
การเตรียมการตัวเพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระยะเตรียมการ
การจัดเตรียมโครงสร้างการดำเนินงานช่วยเหลือ ด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต และแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤต
เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตต่างๆ อย่างทันท่วงที จำเป็นต้องเป็นเตรียมความพร้อมทั้งระดับบุคคล องค์กรและชุมชน
การเตรียมความพร้อมของชุมชนเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤต
เตรียมทีมเพื่อปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤตโดยจะมีการพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรโดยการฝึกอบรมเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤตอย่างสม่ำเสมอ
การใช้แบบประเมิน/ แบบคัดกรองภาวะสุขภาพจิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตลอดจนความรู้เรื่องวัฒนธรรม
ธรรมเนียมปฏิบัติ และหลักคำสอน ทางศาสนา
มีการซ้อมแผนการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
จัดต้ังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
(ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ - 2 สัปดาห)
ระยะวิกฤต (ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ)
ผู้คนจำนวนมากเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างไม่มีระบบ/ระเบียบ การช่วยเหลือจะมุ่งให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
ผู้ประสบภาวะวิกฤตจะมีการตื่นตัวทาง สรีระและพฤติกรรม มีพลังอย่างมากเพื่อให้รอดชีวิต เกิดความเครียด หวาดผวา หวาดกลัว ช็อก วิตกกังวล สับสน ผู้ประสบภาวะวิกฤตจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ช่วยเหลือตามสภาพสภาก่อน และความต้องการพื้นฐาน
อาหาร
เครื่องนุ่มห่ม
ที่อยู่อาศัย
ของใช้ที่จำเป็น
การปฐมพยาบาลด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภาวะวิกฤต (PFA) และให้การช่วยเหลือที่ตรงตามความต้องการ
ระยะฉุกเฉิน (72 ชั่วโมง - 2 สัปดาห์)
ประเมินคัดกรองภาวะสุขภาพจิตเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงในแต่ละวัย และนำมาวางแผนในการช่วยเหลือ ที่ถูกต้องเหมาะสม
การจัดลำดับความต้องการของกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
สำรวจหาข้อมูลของสถานการณ์และความต้องการของ ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ชัดเจนมากขึ้น ในวางแผนในการให้ความช่วยเหลือได้ตรงกับความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต
การดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายก่อน
กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบหลังประสบภาวะวิกฤต
ผู้สูงอายุและเด็ก
ประวัติการรักษาทางจิตเวชหรือใช้สารเสพติด
ผู้พิการและเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มผู้สูญเสียบุคคลในครอบครัว/ทรัพย์สิน
กลุ่มผู้ที่ต้องการบริการด้านสุขภาพจิต
ขั้นตอนเข้าไปช่วยเหลือ
คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต โดยใช้เวชระเบียนสำหรับผู้ประสบภาวะ วิกฤต/ภัยพิบัติ (ผู้ใหญ่และเด็ก) และให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ
สำรวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และการให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ โดยใช้วิธีให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ (PFA) สร้างสัมพันธภาพกับผู้ประสบภาวะวิกฤต สำรวจความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต ด้านปัจจัยสี่
เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภาวะวิกฤตในพื้นที่เสี่ยง โดยลงพื้นที่ร่วมกับทีมให้การช่วยเหลือทางกายและด้านจิตใจ
ให้ผู้ประสบภาวะวิกฤต ระบายความรู้สึกให้มากที่สุด และการช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
ประสบภาวะวิกฤตทั้งผู้สูญเสียหรือผู้รอดชีวิตจะ มองโลกในแง่ดี การช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามา ผู้ประสบภาวะวิกฤตเกิดกำลังใจว่าครอบครัวและชุมชนจะสามารถฟื้นตัวได้
สำรวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การเยียวยาจิตใจก่อน
หลักการปฐมพยาบาลทางด้านจิตใจ
วิธีการประเมินผู้ได้รับผลกระทบ (Assessment: A)
การประเมินสภาพจิตใจ
ภาวะโกรธ
การดูแลทางกาย โดยให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่รุกเข้าไป จัดระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างผู้ประสบภาวะวิกฤต และผู้ให้การช่วยเหลือต้องมีท่าทีสงบนิ่ง ยอมรับพฤตกิรรมที่แสดงออกมาของผู้ประสบภาวะวิกฤต
การดูแลทางใจ โดยให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening Skill) และพูดสะท้อนอารมณ์
ภาวะช็อกและปฏิเสธ
การดูแลทางจิตใจ ให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ระบายความรู้สึก และใช้เทคนิคการสัมผัสตาม ความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น และความปลอดภัย
การช่วยเหลือทางสังคม สอบถามความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภาวะวิกฤต ให้ความช่วยเหลือตามความต้องการอย่างรีบเร่ง
การดูแลทางกายโดยให้อยู่ในสถานที่ที่สงบ รู้สึกปลอดภัย เตรียมนํ้า ยาดมให้นั่งหรือนอนราบ
ภาวะต่อรอง
สนองความต้องการในสิ่งที่สามารถให้ได้
การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นจริงตามความเหมาะสม
อดทน รับฟัง ไม่แสดงอาการท่าทางเบื่อหน่าย
ทักษะการประเมินอารมณ์ ความรู้สึกผู้ประสบภาวะวิกฤตและทักษะการบอกข่าวร้าย
ภาวะเสียใจ
การช่วยเหลือทางกายทำได้โดยหาผ้าเช็ดหน้า ผ้าเย็นในรายที่มีอาการหายใจไม่ออก อาจใช่การฝึกหายใจแบบ Breathing Exercise หรือใช้การสัมผัส (Touching)
การประเมินภาวะฆ่าตัวตาย
ตัวชี้วัด
อารมณ์สงบ
ลดเงื่อนไขในการต่อรองลง อาจต่อรองในสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากขึ้น ยอมรับความจริงมากขึ้น
ผู้ประสบภาวะวิกฤตรับฟังมากขึ้น ยอมรับข้อมูล
หลังจากผู้ประสบภาวะวิกฤตยอมรับความจริงมีอารมณ์สงบลง อาจมีการหดหู่ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจ อาจเข้าสู่อาการภาวะซึมเศร้าได้ ผู้ให้การช่วยเหลือต้องประเมินสภาพการณ์เฉพาะหน้า
ประเมินความต้องการทางสังคม
ไร้ญาติขาดมิตร ประสานกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ ด้านที่พักอาศัย หรือสถานสงเคราะห์ มูลนิธิหรือวัด เพื่อหาที่พักพิงชั่วคราว
ต้องการความช่วยเหลือ ด้านการเงิน ทุนการศึกษา ให้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต้องการพบญาติ หรือครอบครัวให้ติดต่อประสานโดยการโทรศัพท์
ประเมินและตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
มีอาการอ่อนเพลีย ควรจัดหานํ้าให้ดื่ม หาอาหารใหรับประทาน
เป็นลม ควรจัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้าและแขน
ได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกายก็ตอ้งบรรเทาความเจบ็ปวดด้วยการให้ยา
กำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีเศษแก้วตกอยู่ให้เคลื่อนย้าย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตไปอยู่ในที่ปลอดภัย
วิธีการเรียกขวัญคืนสติลดความเจ็บปวดทางใจเสริมสร้างทักษะ (Skills: S)
Touching skill (การสัมผัส) การสัมผัสทางกาย เช่น แตะบ่า แตะมือ บีบนวดเบาๆ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม
ทักษะการ Grounding การใช้การ Grounding คือ การช่วยให้ผู้ประสบเหตุการณ]วิกฤตที่มีอารมณ์ท่วมท้น (overwhelmed feeling) กลับมาอยู่กับความเป็นจริงโดยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นเทคนิคที่ง่ายและรวดเร็ว
การนวดสัมผัสและการนวดกดจุดคลายเครียด การนวดสัมผัสนอกจากจะเป็นการลดความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนือ้แล้ว การสัมผัสยังเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่นใจ มั่นคงปลอดภัย การนวด สัมผัสเป็นการนวดที่ผู้ให้การช่วยเหลือทําให้กับผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตเท่านั้น
การฝึกกำหนดลมหายใจ (Breathing exercise) เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์ ลดอาการใจสั่น หายใจถี่แรง
การลดความเจ็บปวดทางใจ
การฟังอย่างใส่ใจ (Active Listening)
การสะท้อนความรู้สึก
การเงียบ
การทวนซ้ำ
การเสริมสร้างทักษะ
การเรียนรู้การเสริมสร้าง Coping skills สามารถช่วยลดความกังวล ปฏิกิริยาที่เป็นทุกข์อื่นๆช่วยแก้ไขสถานการณ์
ช่วยผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้าย
วิธีการสร้างสัมพันธภาพและการเข้าถึงจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ
การสื่อสาร
ควรเริ่มพูดคุยเบื้องต้นเมื่อผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตมีความพร้อม
เพื่อให้พูดระบายความรู้สึก แต่ไม่ควรซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตอยากเล่า
รับรู้ว่ารอบตัวเขา เป็นสถานที่ใด โดยเน้นถึงความรู้สึกขณะนั้น
เริ่มสบตามีท่าทีที่ผ่อนคลายมีสติรู้ตัว รับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวชัดเจนขึ้น
สังเกตภาษาท่าทางและพฤติกรรม
Nonverbal
สีหน้า แววตา ท่าทาง การเคลื่อนไหวของร่างกาย
ผุดลุกผุดนั่ง ลุกลี้ลุกลน น้ำเสียงกรีดร้อง ตะโกน แผ่วเบาละล่ำละลักจับใจความไม่ได้ ลั่นสะอื้น
Verbal
พูดสับสนฟังไม่รู้เรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ำไปซ้ำมา พูดวกวน
การสร้างสัมพันธภาพ
การแสดงออกของ ผู้ให้การช่วยเหลือควรเหมาะสมกบัเหตุการณ์อารมณ์ความรู้สึกและสภาพสังคม วัฒนธรรม ศาสนาของผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤต
เริ่มจากการที่ผู้ให้การช่วยเหลือควรมีท่าทีสงบนิ่ง มีการแนะนำตัวเอง มีการมองหน้าสบตา รับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กำลังใจ ด้วยการพยักหน้า การสัมผัส
วิธีการให้สุขภาพจิตศึกษาและข้อมูลที่จำเป็น (Education)
ต.2 เติมเต็มความรู้
ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด และผลกระทบทางจิตใจที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งบอกวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเครียด แหล่งช่วยเหลือต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน
ต.3 ติดตามต่อเนื่อง
ร่วมกันวางแผนและหาแนวทางในการรับการช่วยเหลือต่างๆเพิ่มเติม ควรมีการพูดคุยวางแผนร่วมกันระหว่างผู้ให้การช่วยเหลือกับผู้ประสบภาวะวิกฤต
ด้านการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่องโดย อาจใช้วิธีการติดตามโดยการนัดหมายมาพบที่สถานบริการสาธารณสุข การโทรศัพท์ติดตามผล และการเยี่ยมบ้าน
ต.1 ตรวจสอบความต้องการ
ไต่ถามถึงข้อมูลและตรวจสอบความต้องการช่วยเหลือที่จำเป็นและ เร่งด่วน การตรวจสอบความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤตจะใช้วิธีสอบถามเพื่อสำรวจในเรื่อง ความต้องการ การสนับสนุนในด้านเศรษฐกิจ