Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
5.4 ความผิดปกติของการหายใจ - Coggle Diagram
5.4 ความผิดปกติของการหายใจ
หอบหืดในหญิงตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดง
มีอาการไอเรื้อรัง (มากกว่า 8 สัปดาห์) หายใจลำบากหรือแน่นหน้าอกหายใจมีเสียง wheezing หายใจเร็ว มากกว่า 35 ครั้ง/นาที
ชีพจรเร็วมากกว่า 120 ครั้ง/นาที เหงื่อออกมาก
การวินิจฉัย
1.จากการซักประวัติ อาการและอาการแสดง
การตรวจร่างกาย จะได้ยินเสียง wheezing หรือ rhonchi
3.ตรวจเสมหะยอมเชื้อ ตรวจเอกซ์เรย์ทรวงอก
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
ด้านมารดา
ตกเลือด
Asthmatic attack
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ด้านทารก
คลอดก่อนหนด
น้ำหนักตัวน้อย
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ
ตายปริกำเนิด
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรค
ช่วงแรกของการตั้งครรภ์
เมื่อน้ำาหนักตัว ปริมาณน้ำในรางกาย ปริมาณของเลือด เกลือ
โซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้นส่งผลให้หัวใจทำงานมากขึ้น จะพบอาการหายใจลําบาก
ช่วงหลังการตั้งครรภ์
จะมีปริมาตรอากาศเหลือค้างในปอดทำให้เนื้อปอดบางส่วนแลกเปลี่ยนก๊าซได้ไม่สมบูรณ์
การพยาบาล
ระยะคลอด
ดูแลให้ออกซิเจนเมื่อหอบ
รับยาตามแผนการรักษา
ประเมินลักษณะการหายใจ ชีพจร สีเล็บ
จัดท่านอนศีรษะสูง
ระยะหลังคลอด
เน้นการป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
ได้รับยารักษาโรคหอบหืดอย่างต่อเนื่อง
ระยะตั้งครรภ์
ฝากครรภ์ตามนัด
หลีกเลี่ยงอากาศเย็นหรือร้อน
รับประทานยาตามแผนการรักษา
รับประทานอาหารเน้นโปรตีน
นับและบันทึกลูกดิ้น
วัณโรคปอดในหญิงตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดง
มีอาการไอ ซึ่งในระยะแรกจะไอแห้งๆต่อมาจึงมีเสมหะลักษณะเป็นมูกปนหนองจะไอมากขึ้นเวลาเข้านอนหรือตื่นนอนตอนเช้า
อาการไอมักจะเรื้อรังนากว่า 3 สัปดาห์
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น ้านักตัวค่อยๆลดลง
มีไข้ตอนบ่าย เหงื่อออกตอนกลางคืน
ประเภทของการติดเชื้อวัณโรค
ผู้ติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง (latent TB infection) = ผู้ที่ติดเชื ้อวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย แต่ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน
ผู้ป่ วยวัณโรค หรือวัณโรคระยะแสดงอาการ
(TB disease หรือ Active TB)
ผู้ที่น่าจะเป็นวัณโรค (presumptive TB) = ไอทุกวันเกิน 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือด น้ำหนักลดผิดปกติ มีไข้ เหงื่อออกมากผิดปกติตอนกลางคืน
การวินิจฉัย
Tuberculin skin test ซึ่งวิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้ตรวจในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
X-ray ปอด
1.ซักประวัติอาการและอาการแสดง
4.การส่งตรวจเสมหะ
การตรวจย้อมหาเชื้อวัณโรค (acid fast bacilli staining)
การเพาะเชื้อ (culture for mycobacterium tuberculosis)
การตรวจหาสารพันธุกรรมที่เชื้อวัณโรค (PCR หรือ polymerase chain reaction)
การพยาบาล
ระยะคลอด
ดูแลให้อยู่ในห้องแยก ให้ผู้คลอดพักผ่อนให้เพียงพอ
ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์และความก้าวหน้าของการคลอด
ระยะหลังคลอด
ทารกแรกเกิดควรได้รับการตรวจ Tuberculin skin test เมื่อแรกเกิด พร้อมกับให้ยา INH และ rifampicin ทันทีหลังคลอด
ทารกได้รับการฉีด BCG เพื่อป้องกันวัณโรคชนิดแพร่กระจาบหลังคลอด
แยกทารกออกจากมารดาจนกระทั้งการเพาะเชื้อจากเสมหะของมารดาได้ผลลบ
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เน้นปลา นม ไข่ เพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินสูง
จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
แนะนำรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์ ใช้ยาสูตร 2HRZE/4HR
สวมผ้าปิดปากป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ไม่ไอจาม รดผู้อื่น
ฝากครรภ์ตามนัดเพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
โรคติดเชื้อโคโรน่า (Covid-19)
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด กลุ่มปกติ
งดใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดนานอย่างน้อย 20 วินาท
รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
ไอจาม ปิ ดปาก
เลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณดวงตา ปาก และจมูก
ถ้ามีอาการไข้ไอเจ็บคอ หายใจเหนื่อยรีบไปพบแพทย์
รักษาระยะห่าง
ฝากครรภ์ตามนัด
หลีกเลี่ยงการสัมผัส
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
งดออกชุมชน
พิจารณาเลื่อนการฝากครรภ์ หากอยู่ในกำหนดกักตัว
แยกกังตัวสังเกตอาการ 14วัน
กรณีเจ็บครรภ์คลอดต้องไปโรงพยาบาลทันที และแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
การดูแลทารกแรกเกิด ในกรณีมารดาเป็นผู้ที่สงสัยติดเชื้อหรือติดเชื้อ COVID 19
อธิบายถึงความเสี่ยงการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาให้มารดาเข้าใจและเป็นผู้ตัดสินใจเอง
แยกตัวออกจากทารกอื่นและต้องสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการในการแพร่เชื้อไวรัส ผ่านทางน้ำนม
ยังไม่มีหลักฐานการติดต่อผ่านทางรกหรือผ่านทางน้ำนม
ข้อปฏิบัติในการบีบน้ำนมและการป้อนนม
สวมหน้ากากอนามัย ตลอดการท ากิจกรรม
งดการสัมผัสบริเวณใบหน้าของตนเองและทารก
ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและ สบู่ หรือแอลกอฮอล์เข้มข้น 70%ขึ้นไป
ป้อนนมทารกด้วยการใช้ช้อน หรือถ้วยเล็ก
อาบน ้าหรือเช็ดท าความสะอาดบริเวณเต้านม
ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ในการให้นมหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม