Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
“การพยาบาลด้านจิตสังคมสําหรับผู้ประสบสาธารณภัย” - Coggle Diagram
“การพยาบาลด้านจิตสังคมสําหรับผู้ประสบสาธารณภัย”
พยาบาลในทีม mcatt
ระยะเตรียมการ
เตรียมความพร้อมทั้งระดับบุคคล องค์กรและชุมชน ในระยะเตรียมการจะครอบคลุมตั้งแต่การรับ นโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัด/นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด การจัดเตรียมโครงสร้าง และแผนการดําเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤต รวมถึงการจัดตั้งศูนย์อํานวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต และจัดเตรียมทีมเพื่อปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต
รวมทั้งความรู้ เรื่องการใช้แบบประเมิน/ แบบคัดกรองภาวะสุขภาพจิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตลอดจนความรู้เรื่องวัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ และหลักคําสอน ทางศาสนา
ระยะการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตต่างๆ อย่างทันท่วงที
เตรียมความพร้อมของชุมชนเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤต มีการซ้อมแผนการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต เพื่อประเมินความพร้อมเกี่ยวกับ การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ ผู้ประสบภาวะวิกฤตและทบทวนบทบาทหน้าที่ทีม MCATT
ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
ระยะวิกฤต (ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ)
ระยะนี้ผู้ประสบภาวะวิกฤตจะมีการตื่นตัวทางสรีระและพฤติกรรม
มีพลังอย่างมากเพื่อให้รอดชีวิต เกิดความเครียด หวาดผวา หวาดกลัว ช็อก วิตกกังวล สับสน
มีผู้คนจํานวนมากเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างไม่มีระบบ/ระเบียบ
การช่วยเหลือจะมุ่งให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
เน้นการช่วยเหลือตามสภาพความเป็นจริงทั้งด้านร่างกาย ความ
ต้องการพื้นฐาน
ระยะฉุกเฉิน (72 ชั่วโมง - 2 สัปดาห์)
ระยะนี้ผู้ประสบภาวะวิกฤต ทั้งผู้สูญเสียหรือผู้รอดชีวิตจะทั้งผู้สูญเสียหรือผู้รอดชีวิตจะ มองโลกในแง่ดี การช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามาผู้ป่วยเกิดกําลังใจว่าครอบครัวและชุมชนจะสามารถฟื้นตัวได้
ระยะนี้สามารถสํารวจหาข้อมูลของสถานการณ์ และความต้องการของ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อวางแผนในการให้ความช่วยเหลือได้ตรงกับความต้องการของผู้ประสบ
ประเมินคัดกรอง
ภาวะสุขภาพจิตเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงในแต่ละวัย และนํามาวางแผนในการช่วยเหลือที่ถูกต1องเหมาะสม รวมถึงมีการจัดลําดับความต้องการของกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
ความรุนแรง 6 กลุ่ม
กลุ่มผู้สูญเสียบุคคลในครอบครัว/ทรัพย์สิน
กลุ่มผู้ป่วยที่มี
ประวัติการรักษาทางจิตเวชหรือใช้สารเสพติด
กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบหลังประสบภาวะวิกฤต
กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก
กลุ่มผู้พิการและเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มผู้ที่ต้องการบริการด้านสุขภาพจิต
ขั้นตอน
เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ทีม MCATT เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภาวะวิกฤตในพื้นที่เสี่ยง โดยลงพื้นที่ร่วมกับทีมให้การช่วยเหลือทางกาย เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตและกําหนด พื้นที่ที่จะลงไป ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมของทีม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์แบบประเมิน/ คัดกรองภาวะสุขภาพจิต ทบทวนความรู้เรื่องการใช้แบบประเมิน/แบบคัดกรองภาวะสุขภาพจิต
คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตโดยใช้เวชระเบียนสําหรับผู้ประสบภาวะวิกฤต/ภัยพิบัติ (ผู้ใหญ่และเด็ก) และให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ
สํารวจความต้องการช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และการให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจโดยใช้วิธีให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ (PFA) สร้างสัมพันธภาพกับผู้ประสบภาวะวิกฤต สํารวจความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต ด้านปัจจัยสี่ ความต้องการได้รับการดูแลรักษาโรคทางกาย หากพบ ประเมินภาวะสุขภาพจิต เน้นให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตระบายความรู้สึกให้มากที่สุด ช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตในกรณีที่พบว่าผู้ประสบภาวะวิกฤต มีความเครียด วิตกกังวล หวาดผวา หวาดกลัว นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า หรือการให้การปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตอย่างเร่งด่วน (Crisis Counseling)
กรณีพบความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต ให้จัดทําทะเบียนกลุ่มเสี่ยงและวางแผนการติดตามต่อเนื่อง
สรุปรายงานสถานการณ์เบื้องต้นพร้อมทะเบียนกลุ่มเสี่ยง
การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ (Psychological first Aid: PFA) ด้วยหลักการ EASE
วิธีการสร้างสัมพันธภาพและการเข้าถึงจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ(Engagement: E)
การสร้างสัมพันธภาพ ผู้ให้การช่วยเหลือควรมีท่าทีสงบนิ่ง แนะนำตัว การมองหน้าสบตา รับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กําลังใจรับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กําลังใจ ด้วยการพยักหน้า การสัมผัส ซึ่งการแสดงออกของ
ผู้ให้การช่วยเหลือควรเหมาะสมกับเหตุการณ์อารมณ์ความรู้สึกและสภาพสังคม วัฒนธรรม ศาสนาของผู้ประสบวิกฤต
การสื่อสาร ควรเริ่มพูดคุยเบื้องต้นเมื่อผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตมีความพร้อม เช่น เริ่มสบตา มีท่าทีที่ผ่อนคลาย มีสติรู้ตัว รับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวชัดเจนขึ้น เริ่มมองเห็นคนที่อยู่เคียงข้างเขา โดยเน้นถึงความรู้สึกขณะนั้น เช่นถามว่า “ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” เพื่อให้พูดระบายความรู้สึก
การสังเกตภาษาท่าทางและพฤติกรรม Nonverbal สีหน้า แววตา ท่าทาง การเคลื่อนไหวของร่างกาย Verbal ได้แก่ พูดสับสนฟังไม่รู้เรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ําไปซ้ํามา พูดวกวน
วิธีการประเมินผู้ได้รับผลกระทบ (Assessment: A)
ประเมินและตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกายก็ต้องบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการให้ยา
ผู้ประสบภาวะวิกฤตมีอาการอ่อนเพลีย ควรจัดหานํ้าให้ดื่ม หาอาหารให้รับประทาน
ผู้ประสบภาวะวิกฤตเป็นลม ควรจัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้าและแขน
ผู้ประสบภาวะวิกฤตกําลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีเศษแก้วตกอยู่ ให้เคลื่อนย้ายผู้ประสบภาวะวิกฤตไปอยู่ในที่ปลอดภัย
การประเมินสภาพจิตใจ
ประเมินสภาพจิตใจของผู้ประสบภาวะวิกฤตว่าอยู่ในช่วงอารมณ์
ความรู้สึก ช็อค ปฏิเสธ โกรธ ต่อรอง หรือเศร้าเสียใจ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะช็อกและปฏิเสธ
การดูแลทางกาย โดยให้อยู่ในสถานที่ที่สงบ รู้สึกปลอดภัย เตรียมนํ้า ยาดม ให้นั่งหรือนอนราบ คลายเสื้อผ้ากรณีที่ผู้ประสบภาวะวิกฤตเป็นลมหรือหายใจไม่ออก
การดูแลทางจิตใจ ให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ระบายความรู้สึก และใช้เทคนิคการสัมผัสตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น และความปลอดภัย ฝึกกําหนดลมหายใจเพื่อลดความเครียด
การช่วยเหลือทางสังคม สอบถามความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภาวะวิกฤต ให้ความช่วยเหลือตามความต้องการอย่างรีบเร่ง ตัวอย่างเช่น การโทรศัพท์ติดต่อญาติ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะโกรธ
การดูแลทางกาย โดยให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่รุกเข้าไปจัดระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างผู้ประสบภาวะวิกฤต และผู้ให้การช่วยเหลือต้องมีท่าทีสงบนิ่ง ยอมรับพฤติกรรมที่แสดงออกมาของผู้ประสบภาวะวิกฤต
การดูแลทางใจ โดยให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening Skill) และพูดสะท1อนอารมณ] เช่น “อารมณ์โกรธเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราก็รู้สึกโกรธเช่นกัน” ถามความต้องการเพื่อตอบสนองความต้องการทางกายจิตใจ สังคม ที่สามารถตอบสนองให้ได้
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะต่อรอง
อดทน รับฟัง ไม่แสดงอาการท่าทางเบื่อหน่าย
สนองความต้องการในสิ่งที่สามารถให้ได้
การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นจริงตามความเหมาะสม
ทักษะการประเมินอารมณ์ ความรู้สึกผู้ประสบภาวะวิกฤตและทักษะการบอกข่าวร้าย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะเสียใจ
การช่วยเหลือทางกายทําได้โดยหาผ้าเช็ดหน้า นํ้าเย็น ผ้าเย็น ในรายที่มีอาการหายใจไม่ออก อาจใช้การฝึกหายใจแบบ Breathing Exercise หรือใช้การสัมผัส (Touching) เช่น การนวด ผ่อนคลาย การรับฟัง การพูดให้กําลังใจ
การประเมินภาวะฆ่าตัวตาย
ประเมินหาสัญญาณของภาวะ/ ความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
ตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าได้รับการตอบสนองความต้องการ
อารมณ์สงบ
ลดเงื่อนไขในการต่อรองลง อาจต่อรองในสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากขึ้น ยอมรับความจริงมากขึ้น
ผู้ประสบภาวะวิกฤตรับฟังมากขึ้น ยอมรับข้อมูล
หลังจากผู้ประสบภาวะวิกฤตยอมรับความจริงมีอารมณ์สงบลง อาจมีการหดหู่ ท้อแท้ ไม่มีกําลังใจ
ประเมินความต้องการทางสังคม
ผู้ประสบภาวะวิกฤตต้องการพบญาติ หรือครอบครัวให้ติดต่อประสานโดยการโทรศัพท์
ผู้ประสบภาวะวิกฤตไร้ญาติขาดมิตร ประสานกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ ด้านที่พักอาศัย หรือสถานสงเคราะห์ มูลนิธิหรือวัดเพื่อหาที่พักพิงชั่วคราวให้
ผู้ประสบภาวะวิกฤตต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน ทุนการศึกษา ให้ติดต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจําจังหวัด ศูนย์เยียวยาจังหวัด/อําเภอ ฯลฯ
วิธีการเรียกขวัญคืนสติลดความเจ็บปวดทางใจเสริมสร้างทักษะ (Skills: S)
การฝึกกําหนดลมหายใจ (Breathing exercise) เพื่อให1เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์ลดอาการใจสั่น หายใจถี่แรง เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์ลดอาการใจสั่น หายใจถี่แรง
ทักษะการ Grounding การช่วยให้ผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตที่มี
อารมณ์ท่วมท้น (overwhelmed feeling) กลับมาอยู่กับความเป็นจริงโดยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
การสัมผัสทางกาย เช่น แตะบ่า แตะมือ บีบนวดเบาๆ การสัมผัสจะทําให้ผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรง รู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัยมีที่พึ่งพา
การนวดสัมผัส และ การนวดกดจุดคลายเครียด การนวดสัมผัสนอกจากจะเป็นการลดความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้ว การสัมผัสยังเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่นใจ มั่นคงปลอดภัย
การลดความเจ็บปวดทางใจ
การฟังอย่างใส่ใจ (Active Listening) คือการตั้งใจฟังอย่างต่อเนื่องต่อเนื้อหาสาระและอารมณ์ของผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรง ที่แสดงออกมา การมองประสานสายตา ตั้งใจฟัง มีสติและพยายามจับประเด็นสําคัญในปัญหาของผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรง สิ่งสําคัญคือการใส่ใจการแสดงออกทางอารมณ์ของผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรง
การเงียบ การเงียบเป็นช่วงเวลาระหว่างหยุดที่ไม่มีการสื่อสารด้วยวาจาระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการในการปฏิบัติงานต้องพิจารณาว่าการเงียบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเงียบทางบวกหรือทางลบ
การทวนซ้ํา การทวนซ้ําเป็นการพูดในสิ่งที่ผู้รับบริการได้บอกเล่าอีกครั้งหนึ่งที่ เขาต้องการปรึกษา และเป็นวิธีการที่จะสื่อถึงความใส่ใจ
การสะท้อนความรู้สึก สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตออกมาโดยภาษาที่เรียบ สงบ ปราศจากการตัดสิน โดยจะทําให้ผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตได้ฉุกคิดและวิเคราะห์อารมณ์ที่เกิดขึ้นของตัวเองว่ากําลังรู้สึกอะไรอยู่
การเสริมสร้างทักษะ Coping skills สามารถช่วยลดความกังวล การคุยและใช้เวลาคุยกับคนอื่นๆ เพื่อเป็นกําลังใจพักผ่อนเพียงพอ ทํากิจกรรมที่มีความสุข หลีกเลี่ยงความหมกมุ่น
วิธีการให้สุขภาพจิตศึกษาและข้อมูลที่จําเป็น (Education)
เติมเต็มความรู้ ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการความเครียด และผลกระทบทางจิตใจ และวิธีปฏิบัติตวเพื่อลดความเครียด
ติดตามต่อเนื่อง ร่วมกันวางแผนในการช่วยเหลือ พูดคุยระหว่างผู้ให้การช่วยเหลือและผู้ประสบภาวะวิกฤต ในด้านการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่องโดยอาจมีการนัดมาพบที่สถานบริการสาธารณะสุข การโทรติดตามและการเยี่ยมบ้าน
ตรวจสอบความต้องการ โดยถามถึงข้อมูลและความต้องการช่วยเหลือที่จําเป็นและเร่งด่วน เพื่อวางแผนสนับสนุนแหล่งข้อมูลการช่วยเหลือด้านสังคม ด้านจิตใจ หรือด้านการแพทย์ต่อไป