Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด, นางสาววิยะดา ลินลา 36/2…
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด
ความพิการแต่กำเนิด
แบ่งเป็น
major anomalies
คือความผิดปกติที่ทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นเสียไป
เช่นปากแหว่งเพดานโหว่
minoranomalies
คือความผิดปกติที่ไม่มีผลให้การทำงานของอวัยวะเสียไป
เช่นติ่งบริเวณหน้าหู
จำแนกตามกลไกการเกิด
Deformation
เกิดจากการที่มีแรงกระทำจากภายนอกทำให้อวัยวะผิดรูปไปในระหว่างการเจริญพัฒนาของอวัยวะนั้น
เช่น มีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วระหว่างตั้งครรภ์ ทารกที่อยู่ในน้ำคร่ำน้อย พื้นที่มีจำกัดทำให้เกิดภาวะผิดรูปของแขนขา
Disruption
ภาวะที่โครงสร้างของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อผิดปกติจากสาเหตุภายนอกรบกวนกระบวนการ เจริญพัฒนาอวัยวะที่ไม่ใช่พันธุกรรม
Malformation
คือลักษณะของอวัยวะที่ผิดรูปร่างไปเกิดจากกระบวนการเจริญพัฒนาภายในที่ผิดปกติ
เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ นิ้วแยกกันไม่สมบูรณ์ นิ้วเกิน ติ่งบริเวณหน้าหู เท้าปุก
Dysplasia
เป็นความผิดปกติในระดับเซลล์ของเนื้อเยื่อพบในทุกส่วนของร่างกาย
สาเหตุ
พันธุกรรม
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม
มารดากินยาหรือเสพสารเสพติด
มารดาได้รับสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม
โรคมินามาตะจากสารปรอททำให้ทารกความพิการทางสมอง และชัก
ขาดอาหาร ขาดวิตามิน
รังสีเอ๊กซ์ หรือรังสีแกมม่า รวมทั้งสารกัมมันตรังสีทางการแพทย์
โรคติดเชื้อ
โรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน16สัปดาห์
ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
มารดามีอายุมากเกินไป
มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 35ปี
ปากแหว่ง-เพดานโหว่
(Cleft-lip , Cleft-palate )
ความหมาย
ปากแหว่ง (Cleft-lip) คือหมายถึงมีความผิดปกติบริเวณริมฝีปาก เพดานส่วนหน้าแยกออกจากกัน
เพดานโหว่(Cleft-palate) มีความผิดปกติบริเวณเพดานหลังแยกออกจากกันซึ่งเกิดได้ระยะทารกอยู่ในครรภ์มารดาช่วง 12 สัปดาห์
การวินิจฉัย
สามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 13-14 สัปดาห์ ด้วย ultrasound
การซักประวัติเพื่อหาสาเหตุทางกรรมพันธุ์
การตรวจร่างกาย เพดานโหว่ โดยสอดนิ้วตรวจเพดานปากภายใน หรือดูในช่องปากเวลาเด็กร้อง
อาการและอาการแสดง
การดูดกลืนจะิปกติ อมหัวนมไม่สนิท
เกิดการสำลักเพราะไม่มีเพดานรองรับ เวลากลืนอาหารจะเข้าไปในหลอดลม
หายใจลำบาก
พูดไม่ชัดเนื่องจากเพดานปากเชื่อมติดกับเพดานจมูก
อาจติดเชื้อในหูชั้นกลางทำให้มีปัญหาการได้ยิน
การรักษาปากแหว่ง
การผ่าตัด
ภายใน 48 ชม. หลังคลอดในรายที่เด็กสมบูรณ์ดี
รอเด็กอายุอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์ ผ่าตัดง่ายได้ผลดี
กฎเกิน 10
เด็กอายุ10สัปดาห์ขึ้นไป
น้ำหนักตัว10ปอนด์
ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ประเภท
ผ่าตัดปากแหว่งด้านขวา Rotation Advancement Method
ผ่าตัดปากแหว่งทั้ง 2 ด้านStraight Line Repair
ผ่าตัดปากแหว่งด้านซ้าย Triangular Flap
การพยาบาลหลังผ่าตัดcleft lip
ระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด ทำสะอาดด้วย NSS
สอนบิดา มารดา ทำความสะอาดแผล
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง
ป้ายยาครีมปฎิชีวนะตามแผนการรักษา
ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง ปิดแผลด้วย sterile strips
การผ่าตัดแก้ไขเพดานโหว่ palatoplasty , palatorrhaphy
2.ผ่าตัดเพื่อให้พูดได้ชัดเจน ทำเมื่อเด็กเริ่มพูดอายุประมาณ 6-18 เดือน ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน
แพทย์ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อใส่เพดานเทียม เพื่อปิดช่องโหว่ให้ทารกดูดนมได้โดยไม่สำลัก จะเปลี่ยนทุก 1 เดือน
3.ผ่าตัดแก้ไขจมูก ทำตอนอายุประมาณ 3 ปี ตามด้วยการฝึกพูด
4.อายุ5ปี ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
5.รักษาความผิดปกติที่หลงเหลืออยู่
การพยาบาลหลังผ่าตัดcleft palate
ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆเพื่อป้องกันแผลแยก
ห้ามดูดเสมหะในช่องปาก
สังเกตอาการออกเสียงขึ้นจมูกและอาการสำลักอาหารจากปากเข้าจมูก
หลีกเลี่ยงการนำของแข็งหรือของที่มีความแหลมคมเข้าปาก
การพยาบาลระยะก่อนผ่าตัด
บิดา มารดา วิตกกังวลเกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด
เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บป่วย อาการและอาการแสดงของเด็ก และระบายความวิตกกังวลของตนเอง
ให้ข้อมูล คำแนะนำอธิบาย เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย และการรักษา
ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ป่วย
ปลอบโยนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
ผู้ดูแลเด็กขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลรักษา
แพทย์จะอธิบายการผ่าตัดและผลลัพธ์การรักษา พยาบาลควรให้ความชัดเจนในกรณีที่ผู้ป่วยไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ
สอนการปูอนนมอย่างถูกวิธี
ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดาเรื่องความผิดปกติของผู้ปุวยและการผ่าตัดรักษา
แนะนำการดูแลในระยะก่อนหลังผ่าตัด
เสริมแรง ให้กำลังใจ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ /หูชั้นกลาง / การอุดกั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะไว้ข้างเตียง
สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
รักษาความสะอาดช่องปาก
ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
ถ้าน้ำหนักไม่ขึ้น ได้รับนมไม่เพียงพอ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใส่สายให้อาหาร
การให้นม/อาหารอย่างถูกวิธี
ดูดครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้ง ใส่เพดานเทียมก่อนให้ดูดนม
จับไล่ลมเป็นระยะๆทุก 15-30 มิลลิลิตรเสมอ หลังให้นมนอนศีรษะสูง 30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคงเพื่อป้องกันท้องอืด สำลัก
ถ้าเด็กดูดไม่ได้ใช้ช้อนป้อน / หลอดหยด
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ใช้ Artificial nipple
ในเด็กหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เป็นเมล็ด
ขณะให้อาหารจัดท่าศีรษะสูงประมาณ 30-45 องศาการ Feeding เด็กเพดานโหว่จะต้องนั่งศีรษะสูงจัดท่า 45 degree
การใส่ NG tube เป็นทางเลือกสุดท้าย ในเด็กมีปัญหาไม่สามารถ feed ได้หรือน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มากๆ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก
เลือดออก
ติดเชื้อ
สอนผู้ดูแลเกี่ยวกับการผูกยึดข้อศอก
งดใส่สายยางดูดเสมหะเข้าช่องปาก
ผูกยึดข้อศอกทั้งสองข้าง ไม่ให้งอประมาณ 2-6สัปดาห์ คลายออกทุก1-2ชั่วโมง ครั้งละ 10-15 นาที
ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน ให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยดsyringต่อยางเหลืองนิ่ม
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังดูแลผู้ป่วย
บิดามารดา ขาดความรู้ความเข้าใจการดูแลทารกเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ชี้ให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัด การฝึกพูด การจัดฟัน การตรวจการได้ยิน
การเสริมสร้างกำลังใจในการดูแลทารก
แนะนำการดูแลเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การทำความสะอาดแผลผ่าตัด
การสังเกตความผิดปกติที่บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ ปวด บวม แดงร้อน มีสารคัดหลั่งออกมาจากแผล
การให้นมอย่างถูกวิธี
ห้ามล้วงปาก งดนอนคว่ำ ไม่ให้ร้องโดยตอบสนองความต้องการ
เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
สังเกตอาการบวมของแผลผ่าตัด/โพรงจมูกทั้งสองข้าง
ประเมินการหายใจเสียงหายใจ การติดตามค่า oxygen satulation
จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หรือนอนตะแคงหน้าเพื่อให้เสมหะระบายออก
ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล
พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบ
ทางเดินหายใจจากการสำลัก
ดูแลทำความสะอาดแผลผ่าตัด ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
มีโอกาสขาดน้ำและสารอาหารเนื่องจากข้อจำกัดในการดูดกลืนหลังผ่าตัด
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำตาแผนการรักษา
วิธีการให้นมหลังผ่าตัด
จัดท่านอนศีรษะสูง
หลังผ่าตัดปากแหว่งเริ่มปูอนนม อาหารเหลวได้ตามแผนการรักษาโดยใชหยดเข้าทางกระพุ้งแก้ม
หลังผ่าตัดเพดานโหว่ให้อาหารเหลวที่มีพลังงานสูง โดยใช้ syring ต่อ
ท่อยางยาวประมาณ 3 เซนติเมตร หยอดเข้าในกระพุ้งแก้มด้านใน
จับไล่ลมเป็นระยะๆทุก 15-30 มิลลิลิตรเสมอ หลังให้นมนอนศีรษะสูง
30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคงเพื่อปูองกันท้องอืด สำลัก
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
งดดูดนมขวดประมาณ 1 เดือน
สอนบิดา มารดาให้นมอย่างถูกวิธี
ชั่งน้ าหนักทารกวันละครั้ง
ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
ประเมินความเจ็บปวดโดยสังเกตพฤติกรรม การร้องการเกร็งกระสับกระส่าย การอนพักหลับ
ส่งเสริมความสุขสบายเพื่อลดความปวดโดยการสัมผัส การกอด การปลอบโยน
ประเมินสัญญาณชีพ
ดูแลให้ไดรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ดูแลหลังผ่าตัดถึงอายุ4-5ปี
ผู้ปุวยควรได้รับการสอนฝึกพูดเสมอและได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
อายุประมาณ 2 ปีครึ่ง - 3 ขวบ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดแก้ไข ภาวะความ
ผิดปกติจมูก( secondary cleft lip nose correction)
งด ดูด เป่า ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ เพื่อปูองกันไม่ให้เด็กใช้ลิ้นดัน flap ท าให้flap ที่ผ่าตัด มีการแยกได้
อายุประมาณ 4-5 ปี ส่งทำ Nasendoscop,speech therapist
Esophageal stenosis/fistula/atersia
หลอดอาหารตีบ/รั่ว/ตัน
อาการและอาการแสดงของโรค
อาจพบอากาศในกระเพาะอาหาร
ผู้ป่วยอาจตายเนื่องจากขาดอาหาร และการสำลัก
ทารกแรกเกิด น้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลัก
มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
ความผิดปกติของลำไส้เล็ก ไส้ตรง และรูทวาร ร่วมด้วย
การรักษา
ระยะแรก Gastrostomy
ระยะสอง
1.Thoracotomy and division of the fistula
with Esophageal anastomosis
2.Esophagogram
3.Try oral feeding
3.Off Gastrostomy tube
การพยาบาลก่อนผ่าตัดแก้ไขหลอดอาหาร
อาจเกิดภาวะปอดอักเสบหายใจลำบากหรือหยุดหายใจเนื่องจากสำลักน้ำลายหรือน้ำเข้าสู่หลอดลม
0n NG tube ต่อ Continuous suction
ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
จัดท่านอนที่เหมาะสม
อาจได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้สารอาหาร นม น้ำ ทางGastrostomy tube
การพยาบาลหลังผ่าตัด
อาจเกิดภาวะปอดแฟบจากการอุดตันของท่อระบายทรวงอก
ตรวจสอบการทำงานของ ICD
ระวังสายหัก พับงอ / นวดคลึงสายบ่อยๆ
จัดท่านอนศีรษะสูง
บันทึก ลักษณะ สี จำนวนของ discharge
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดและแผล Gastrostomy
ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
สังเกตการติดเชื้อ
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล
ดูแลให้ยาAntibioticตามแผนการรักษา
การวินิจฉัยปัญหาและการพยาบาล
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต่อหลอดอาหาร
(แผลแยก)
ดูแลให้การทำงานของICDมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ Antibioticตามแผนการรักษา
กระตุ้นให้เด็กร้องไห้บ่อยๆเพื่อให้ปอดขยายได้ดี สังเกตภาวะขาดออกซิเจน
ห้ามใส่สาย NG tube หรือสาย suctionและไม่ควรนอนเหยียดคอ
Anorectal malformation
พยาธิสรีรภาพ
ทารกเพศชายมีอาการถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะ
ทารกเพศหญิงถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะหรือทางช่องคลอด
ทารกมีอาการท้องผูก /ถ่ายอุจจาระล าบาก/หรือไม่ถ่ายอุจจาระ
ชนิดของความผิดปกติ
Imperforate anal membrane มีเยื่อบางๆปิดกั้นรูทวารหนัก
Anal agenesis รูทวารหนักเปิดผิดที่
Intermediate type
High type
Low type
Anal stenosis รูทวารหนักตีบแคบ
Rectal atresia ลำไส้ตรงตีบตัน
อาการและอาการแสดง
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนักเท่านั้น
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้
ลำไส้อุดตัน
ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง ขี้เทามีลักษณะ
เหนียวๆ สีเขียวดำ ถ้าเลย 24 ชั่วโมงไปแล้ว ยังไม่ถ่ายอุจจาระให้สงสัยไว้
กระสับกระส่าย อืดอัด ไม่สบายเนื้อสบายตัว
แน่นท้อง ท้องอืด ปวดเบ่งอุจจาระ
ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
การวินิจฉัย
ultrasound เพื่อตรวจการไหลเวียนและดูอวัยวะภายใน
CT scan ตรวจกระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน
การตรวจรังสีวินิจฉัย X ray เพื่อประเมินระดับลำไส้ตรง
MRI ตรวจความผิดปกติร่วมของไขสันหลัง ความผิดปกติร่วมของ
ลักษณะกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน
การตรวจร่างกาย
การรักษา
ความผิดปกติ intermediate และ high
การผ่าตัดตบแต่งทวาร (anoplasty) ภายหลังผ่าตัดประมาณ 2สัปดาห์ แพทย์จะเริ่มถ่างขยายรูทวารหนัก(Anal dilatation)
การผ่าตัดปิดทวารเทียมทางหน้าท้อง
colostomy
:warning:
การพยาบาลการดูแล
ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง 1⁄4-1/3 ของถุง
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม ถ้ามีการอักเสบ รอยถลอกรายงานแพทย์
แนะนำอาหารย่อยง่ายมีโปรตีนสูง แคลอรีสูง มีกากใยมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีแก๊ส
กรณีมีการรั่วซึมต้องเปลี่ยนถุงใหม่ และสังเกตการรั่วซึมของอุจจาระทุก 2 ชั่วโมง
เด็กที่มีถุงรองรับอุจจาระทางทวารเทียม เลือกขนาดของปากถุงพอดีกับขนาดทวารเทียม
สังเกตภาวะแทรกซ้อนของทวารเทียมเช่นเลือดออก ลำไส้ยื่นออกมา
สังเกตและบันทึกอุจจาระ
ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผลเมื่อแผลหายดีแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ซับผิวหนังรอบรูเปิดด้วยสำลีหรือผ้าสะอาดที่อ่อนนิ่ม
แนะนำการมาตรวจตามนัด
ความผิดปกติ low type มีการรักษา 3 วิธี
การถ่างขยายทวารหนัก โดยใช้ hegar metal dilators 6เดือน-1 ปี
การผ่าตัด anal membrane ออกในรายที่สังเกตเห็นขี้เทาทางทวารหนัก
การผ่าตัดตบแต่งทวารหนัก (anoplasty) เมื่อแผลผ่าตัดติดเรียบร้อยแล้วประมาณ 10 วัน ถ่างขยายทวารหนักต่อ
เป้าหมายการรักษาพยาบาล เพื่อ ผู้ปุวยสามารถถ่ายอุจจาระได้ มีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ และกลั้นอุจจาระได้
การพยาบาลระยะก่อนและหลังผ่าตัดตกแต่งทวารหนัก (anoplasty)
เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดทวารหนัก
หลังผ่าตัด 3-4 วันหลังถอดสายสวนปัสสาวะ ให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่นการ
ดูแลความสะอาดผิวหนังรอบๆทวารหนักด้วยน้ำ
ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดรูทวารหนัก 8-10 วัน
สังเกตการติดเชื้อ
บิดา มารดา ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลแผลผ่าตัดบริเวณทวารหนัก
ให้คำแนะนำระยะหลังผ่าตัด 7-10 วันไม่ให้นอนกางขา นั่ง
ให้ความรู้การถ่างขยายทวารหนักและประเมินความรู้
แนะนำให้สังเกต
อาการท้องผูก ให้อาหารที่เหมาะสม
ตำแหน่งการถ่ายอุจจาระ การฝึกขับถ่ายอุจจาระเมื่ออายุ 18-24 เดือน โดยนั่งกระโถน เช้า เย็น
ให้กำลังใจบิดา มารดา
ให้คำแนะนำเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ให้ความรู้ป้องกันท้องผูก ให้อาหารมีกากใย ให้ยาระบาย
กรณีถ่ายอุจจาระเหลว ให้ยาที่ทำให้อุจจาระเป็นก้อน
การถ่างขยายรูทวารหนักสม่ าเสมอ แนะน าใช้เทียนไขเหลาเท่าขนาด hegarถ่างขยาย
สังเกตการตีบแคบของทวารหนัก
ฝึกขับถ่าย ฝึกกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการถ่ายอุจจาระ
สอนทำความสะอาดเทียนไข ทวารหนัก
การมาตรวจตามนัด
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
หลังผ่าตัดฝึกการควบคุม
กล้ามเนื้อช่วยในการขับถ่าย
เช่นฝึกหนีบลูกบอล ออกกำลังกายโดยการวิ่ง ว่ายน้ำ
การพยาบาลในระยะขยายทวารหนัก
แนะนำให้บิดามารดาให้อาหารตามวัยของเด็กที่มีประโยชน์มีกากใยสูง
สอนการดูแลในการถ่างขยายรูทวารหนัก
ให้ยาแก้ปวดก่อนถ่างขยาย
ใช้สารหล่อลื่น เลือกขนาดเครื่องมือตามแผนการรักษา
สังเกตการมีเลือดออก การอักเสบถ้ามีการอักเสบแนะนำให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่นและทำความสะอาดหลังขับถ่าย
ให้ความรู้บิดามารดาเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
Omphalocele/ Gastroschisis
Omphalocele ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ช่องท้องไม่ปิดทำให้ช่องท้องไม่ปิดมีเยื่อบางๆของ peritoneum, Wharton's jelly, amnion หุ้มอวัยวะที่ออกนอกช่องท้อง
gastroschisis ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์ ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์ลำไส้, กระเพาะทะลักออกนอกช่องท้องทางรูด้านข้างสายสะดือไม่มีสิ่งห่อหุ้ม
การวินิจฉัย/อาการ/อาการแสดง
การที่ไม่มีผนังหน้าท้องนี้ ทำให้ลำไส้ปนเปื้อนความสกปรก อาจติดเชื้อ
เด็กอาจตัวเล็ก คลอดก่อนกำหนด
หลังคลอดพบผนังหน้าท้องซึ่งมักจะอยู่ขวาต่อสายสะดือเป็นช่องโหว่ มีอวัยวะภายในออกมา
อุณหภูมิกายต่ำ เด็กตัวเย็น จากน้ำระเหยจากผิวของลำไส้ ทำให้และสูญเสียน้ำ
ตรวจultrasound อายุครรภ์ 10 สัปดาห์เพื่อแยก2ภาวะได้
มีความผิดปกติอื่นร่วม เช่น malrotation,intestinal atresia
การรักษา
omphalocele
ขนาดใหญ่ไม่มากอาจใช้แผ่น silastic ปิดทับถุง omphalocele พันด้วยผ้ายืด elastric wrap สามารถปิดผนังหน้าท้องภายใน 2 อาทิตย์
การผ่าตัด
การผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรก
(primary closure)
ดันลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง แล้วเย็บปิดผนังหน้าท้อง
โดยและเย็บปิดfascia แล้วเย็บปิดผิวหนังอีกชั้นหนึ่ง
การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน
(staged closure)
แพทย์ทำถุงให้ลำไส้อยู่ชั่วคราว แล้วค่อยๆ บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้องโดยเปลี่ยน dressing วันละครั้งด้วย sterile technique
ถุงที่ทำไว้นี้ มี stockinett เป็นโครงให้มีความแข็งแรง เหมือนเป็นผนังหน้าท้อง
มี steridrape บุผิวด้านใน ทำหน้าที่คล้าย peritoneum membrane
บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้อง แล้วผูกปิดถุงวันละเปลาะ ใช้เวลาประมาณ 5 วัน มักไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นเย็บปิดผนังหน้าท้อง
การพยาบาลระยะก่อนผ่าตัด
พยายามปั้นประคองกระจุกลำไส้ให้ตั้งดู แลไม่ให้มีลม/แรงดันในลำไส้/ช่องท้อง โดยใส่ NG tube และ ดูด content
ดูแลให้สารน้ าทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาปริมาณที่ให้โดยประเมินว่ามีสูญเสียน้ำในระดับใดรวมกับ maintainance
โดยการใช้ผ้า gauze ที่ชุบ normal saline ที่อุ่นลูบเช็ดลำไส้เอาสิ่งที่contaminate ออก แล้วปิดคลุมลำไส้ด้วยผ้า gauze ที่ชุบ normal saline ให้หมาดๆ และปิดคลุมทับอีกที่ด้วยผ้า gauzeที่แห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหย
ดูแลให้ systemic antibiotics ตามแผนการรักษา
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubator
การพยาบาลในขณะรอการผ่าตัดเย็บปิดผนังหน้าท้อง
ประคองลำไส้ไม่ให้พับตกลงมาข้างๆตัวได้ (เสริมกับชั้นของ roll gauze)
นอนตะแคงข้างเพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubator
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การรักษาในระยะหลังผ่าตัด
แพทย์จะให้สารน้ำสารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) ตั้งแต่เป็นวันที่ 2 หรือวันที่ 3 หลังผ่าตัด ความต้องพลังงานประมาณ 130-150 kcal/kg/d
ติดตามการทำงานของลำไส้ ฟัง bowl sound เพื่อดูว่าbowel function กลับมาทำงานปกติหรือยัง
ดูแลเด็กที่ได้รับการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 24-48 ชั่วโมง
สังเกตอาการระวังการเกิด
Abdominal compartment syndrome
การที่ความดันในช่องท้องเพิ่มสูงขึ้น > 20 mmHg
การดูแลเพื่อลดแรงดันในช่องท้องสูง(>12ม.ม.ปรอท)
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารและสำไส้ใหญ่
ได้รับยาขับปัสสาวะ/ยากระตุ้นการทำงานของลำไส้
จัดท่าผู้ป่วยนอนราบ ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา
ฟอกไตเพื่อดึงน้ำออกจากร่างกาย
การใส่สายระบายในช่องท้อง
ให้ยาระงับปวดให้เหมาะสม
อาการยังผ่าตัดลดความดันในช่องท้อง
ส่งผลกระทบกับผู้ป่วยหลายระบบ
หายใจลำบาก, ความดันโลหิตต่ำลง, ไตวาย
รูเปิดท่อปัสสาวะผิดปกติ
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ(hypospadias)
Middle or moderate
เปิดที distal penile,midshaft, proximal penile
Posterior or proximal or severe
เปิดที่ penoscrotal,scrotal, perineal
Anterior or distal or mild
เปิดที่ glanular, coronal,subcoronal
การรักษา
เด็กที่มีรูเปิดต่ำกว่าท่อปัสสาวะเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
ผ่าตัด
ตอนอายุ6-18เดือน แต่ไม่เกิน2ปี
มี2วิธี
ผ่าตัดแบบขั้นตอนเดียว (one-stage repair)
ผ่าตัดแก้ไขให้องคชาต ยืดตรง ทำรูเปิดท่อปัสสาวะให้อยู่ที่ปลายองคชาตและใช้ผิวหนังปิดบริเวณผ่าตัด
ผ่าตัดแบบ 2 ขั้นตอน (two-staged repair)
ขั้นที่ 1. Orthoplasty ผ่าตัดแก้ไขภาวะองคชาต โค้งงอ โดยตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ดึงรั้ง
ขั้นที่ 2. Urethroplasty หลังผ่าตัด orthoplasty แล้ว 6 เดือนทำรูเปิดท่อปัสสาวะให้อยู่ที่ปลายองคชาตและใช้ผิวหนังปิดบริเวณผ่าตัด
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ด้านบน (epispadias)
ท่อปัสสวะไปเปิดที่ด้านบนขององคชาต
อาจเกิดร่วมกับ
exstrophy of urinay bladder
absence of prostate gland
ผลกระทบ
เด็กเสียความมั่นใจ
องคชาตคดงอเมื่อมีการแข็งตัว น้ำอสุจิไม่พุ่งทำให้มีบุตรยาก
ปัสสาวะไม่พุ่งไปข้างหน้า ไหลไปตามถุงอัณฑะและต้นขา ถ้ารุนแรงต้องนั่งปัสสาวะ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เลือดออก
เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะ เก่ากับท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่ แก้ไขโดยการเย็บปิดซ่อมรูที่เกิดซึ่งมักทำหลังการผ่าตัดครั้งแรก 6-12 เดือน
องคชาตยังโค้งงอ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด
เกิดการติดเชื้อ
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
อธิบายขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด เช่นการงดน้ำงดอาหาร
ประเมินความวิตกกังวล
ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ผลของการผ่าตัด
การปวดหลังผ่าตัด การได้ รับยาระงับความรู้สึก
ความรู้สึกเด็กที่ต้องพบกับสิ่ง แปลกใหม่ หลังผ่าตัด
คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
บิดามารดากระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
ห้ามให้เด็กเล่นกิจกรรมอาจเกิดการติดเชื้อและการเลื่อนหลุดของสายท่อปัสสาวะ
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด ร่างกายเด็กด้วยการเช็ดตัว สวมเสื้อผ้าหลวมๆ
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดปลายองคชาต วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นปัสสาวะออกจากถุงปัสสาวะ การติดยึดสายสวนปัสสาวะหรือ สายcystostomy ดูแลให้ถุงปัสสาวะอยู่ต่ำกว่ากระเพาะ ปัสสาวะ และเป็นระบบปิดเสมอ
ทำความสะอาดให้เด็กภายหลังการถ่ายอุจจาระทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อธิบายอาการติดเชื้อ
ภายหลังการเอาสายสวนปัสสาวะออกสังเกตความผิดปกติ
อธิบายภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
อธิบายถึงความสำคัญในการมาพบแพทย์ตามนัด
การพยาบาลหลังผ่าตัด
จัดให้เด็กนอนในท่าสบาย ยึดสายที่ต่อจากuretra หรือสาย cystostomyให้อยู่บริเวณหน้าท้องหรือต้นขา
ประเมินความปวดของเด็กให้ยาแก้ปวด
เก็บปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
ใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการท าแผลและการ เทปัสสาวะออกจากถุงปัสสาวะ
ประเมินบริเวณสาย cystostomy ไม่ให้ติดเชื้อ เมื่อจะเอาสายออกให้เด็กปัสสาวะเองหากมีการรั่วซึมของท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่ต้องใส่ไว้ อีก 2 สัปดาห์
ให้พ่อ แม่ดูแลอย่างใกล้ชิด อธิบายอธิบายให้เข้าใจถึงสภาพที่เด็กมีแผลผ่าตัด
นางสาววิยะดา ลินลา 36/2 เลขที่27 612001107
อ้างอิง : วิภารัตน์ ยมดิษฐ์. (2563). บทที่ 6 การพยาบาลเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิดที่ต้องได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่แรกเกิด
. 13 มิ.ย. 63.
https://classroom.google.com/w/NzMzNjU4Njc4NDla/t/all
.